แจ่มใสหน้าเสีย เธอให้ยามหน้าคฤหาสน์ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งที่ป้ายรถเมล์สายกว่าปกติ ทว่ารอจนสายรถเมล์เจ้าประจำก็ยังไม่มาเสียที จะเรียกแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยก็โดนตัดหน้าไปถึงสองคัน หญิงสาวยืนชะเง้อชะแง้ วันนี้เธอจะต้องไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์เพื่อขอรับคำแนะนำในการแก้ไขเนื้อหา
‘ดีนะนี่ที่อาจารย์นัดช่วงบ่ายแล้วเราตัดสินใจออกมาตอนสาย ถ้าเกิดไปไม่ทันแล้วอาจารย์ไม่อยู่ล่ะก็แย่เลย’
สายแล้วป้ายรถเมล์ว่าง หญิงสาวชะเง้อคอมองหาแท็กซี่อีกสักคันก็ไม่ปรากฏ รถราวิ่งกันขวักไขว่แต่กลับไม่อาจจะอาศัยรถคันใดในการเดินทางได้
เอี๊ยด!
กระจกรถคันหรูเปิดออก ใบหน้าที่แจ่มใสไม่คาดคิดว่าจะได้พบในยามนี้โผล่ออกมา
“หนูแจ่มจะไปมหาลัยเหรอ? ขึ้นรถสิ เฮียจะไปส่ง”
หญิงสาวอึกอัก
“ไม่ต้องเกรงใจน่า เราคนกันเอง มาเถอะเช้านี้เฮียว่าง”
แม้แจ่มใสจะรู้สึกเกรงใจเนติ แต่หากไม่อาศัยเขาก็เกรงว่าตนเองจะไปตามนัดของอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ทัน หญิงสาวรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับด้วยสีหน้านอบน้อม
“ขอบคุณนะคะ เฮีย”
“เอาน่า ไปส่งแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ปกติเฮียก็ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่แล้ว”
คำบอกเล่าเรื่องของเนติ แจ่มใสยังจำได้ชัดเจน
‘คุณเนหลานชายเจ้าสัวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก แม้จะเรียนจบจากมหาลัยอย่างเฉียดฉิวและทำให้คนทั้งตระกูลใจหายใจคว่ำ แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องราวใหญ่โต นอกจากทะเลาะต่อยตีกับคนอื่นในบางครั้ง ก็แค่ไม่ยอมรับผิดชอบหน้าที่การงานอะไรจริงจัง อ้างว่าอยากอยู่สบายๆ ช่วยงานคุณเอกไปก่อนสักสองสามปี’
ธงชัยพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีน้ำเสียงชื่นชมหรือติเตียน ความเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเจ้าสัวทำให้เขาถือคติไม่วิจารณ์เรื่องเจ้านาย แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดของเจ้าสัวที่อยากจะให้ลูกสาวของเขาแต่งกับเนติ แต่ก็ไม่มีทางเลือก บุญคุณที่เจ้าสัวได้ช่วยเหลือครอบครัวของเขามาตลอดกดทับจนไม่อาจจะปฏิเสธ
“เฮียเน ไม่ไปช่วยงานเฮียเอกเหรอคะ?”
พูดออกไปแล้ว หนูแจ่มก็พลันนึกได้ว่าเป็นคำถามที่ไม่ควร ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ดูเหมือนแจ่มใสก็คงเหมือนคนอื่นๆ ที่มองว่าเขาเหลวไหล
“ตอนบ่ายค่อยเข้าไป วันนี้เฮียเอกต้องคุยกับแขกหลายบริษัท”
แจ่มใสไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ เธอกลัวว่าคำพูดที่ไม่ควรของเธอจะไปสะกิดปมด้อยของชายหนุ่มและสร้างความแค้นเคืองให้เขา
“เดี๋ยวแวะปั้มข้างหน้าแป๊บหนึ่งนะ เฮียอยากเข้าห้องน้ำ”
รถสปอร์ตคันหรูเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ทว่ากลับเกิดเหตุเกินคาด
ตู้ม!
รถสปอร์ตที่ลดความเร็วไถลไปข้างหน้า แจ่มใสที่กำลังชะโงกหน้ามองดูด้านหน้าถูกเข็มขัดนิรภัยกระชากกลับจากแรงชนด้านหลังจนศีรษะกระแทกพนักที่นั่งดังปึกใหญ่ เนติที่นั่งศีรษะแนบพนักพิงเองก็ถูกแรงกระแทกเช่นกัน
“โอ๊ย!”
ทั้งสองมึนไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองหน้ากัน
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูรถลงไปดูเหตุการณ์
รถกระบะคันใหญ่ที่ถูกต่อเติมเป็นห้องเย็นด้านหลังชนท้ายรถของเขาอย่างจัง ยุบเข้าไปเป็นรอยขนาดใหญ่ คนขับรถห้องเย็นหน้าเสีย รถสปอร์ตคันนี้ดูอย่างไรก็ราคาแพงลิบ
“ผมขอโทษจริงๆ ครับ เมื่อกี้มอเตอร์ไซค์ตัดหน้ามา ผมเบรกไม่อยู่จริงๆ”
“เฮ้อ!” เนติพูดไม่ออก เด็กปั้มวิ่งออกมาหลายคนเพื่อดูเหตุการณ์
“มีคนบาดเจ็บไหมครับ?” พนักงานเติมน้ำมันร้องถาม
เนตินึกขึ้นได้รีบเดินกลับไปเปิดประตูรถ มองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างใน
“หนูแจ่ม บาดเจ็บไหม?”
“มึนๆ หัวค่ะ” หญิงสาวหันมาตอบนัยน์ตาแดง
เนติโผล่หน้าออกไปพูดกับคนขับรถกระบะ “เดี๋ยวผมเรียกประกันก่อนก็แล้วกัน รถผมประกันชั้นหนึ่ง รถคุณมีประกันหรือเปล่า?”
“มีครับ ผมจะเรียกมาเดี๋ยวนี้ล่ะ” ฝ่ายคนที่รู้ตัวว่าผิดรีบเอ่ยแล้วหันไปกดโทรศัพท์
เนติกดเรียกกู้ภัยเพื่อจะได้นำตัวแจ่มใสไปเช็คอาการที่โรงพยาบาลแล้วโทรศัพท์เข้าบริษัทประกันภัยรถยนต์ ร่างกายของแจ่มใสไม่มีบาดแผลแต่เนติก็ไม่วางใจ
“หนูแจ่มไม่ได้บาดเจ็บอะไรนะคะเฮีย แค่มึนๆ”
“ไม่ได้หรอกหนูแจ่ม ไปให้หมอตรวจดูหน่อยเผื่อเกิดเรื่องไม่น่าไว้วางใจ”
พนักงานในปั๊มน้ำมันช่วยโทรศัพท์ตามตำรวจมายังที่เกิดเหตุ ขณะกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถกู้ภัยก็มาพอดี
“นำส่งเธอไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดนะครับ บอกโรงพยาบาลว่าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ญาติมีเงินจ่ายเต็มที่ เสร็จเรื่องทางนี้เดี๋ยวผมตามไป”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยิ้มน้อยๆ การประสบอุบัติเหตุหลายกรณีที่โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษาเพราะไม่รู้ว่าผู้บาดเจ็บจะมีเงินจ่ายรักษาหรือไม่? แต่ถ้าผู้บาดเจ็บมีประกันภัยย่อมจะรักษาอย่างเต็มที่ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานกู้ภัยล้วนช่วยเหลือชีวิตผู้บาดเจ็บเต็มกำลัง ทว่าส่วนต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโรงพยาบาลพวกเขาไม่อาจจะก้าวก่ายได้
“ได้เลยครับ ผมจะแจ้งทางโรงพยาบาลให้”
เนติที่ปวดปัสสาวะต้องอดกลั้นเอาไว้เมื่อเห็นว่ารถกู้ภัยพาแจ่มใสไปแล้วเขาจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ตำรวจลงบันทึกเรียบร้อย รถของเขายังขับได้ เนติจึงขอขับไปโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยจะเอาไปเข้าซ่อม
หมอสอบถามอาการของแจ่มใสแล้วจึงให้พยาบาลนำตัวเธอไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เนติที่มาถึงเข้าไปในห้องตรวจในฐานะญาติผู้บาดเจ็บ แจ่มใสนั่งรถเข็นฟังคุณหมออธิบายอาการ
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ?”
“ญาติคนไข้ไหมครับ?” หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม
“ครับ เธอเป็นน้องของผม” เนติรีบรับสมอ้าง
หมอหนุ่มชี้ไปยังจอภาพใหญ่ที่ผนังห้อง ภาพกะโหลกศีรษะและต้นคอของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้น
“ไม่มีรอยแตกร้าวและเลือดคั่งในสมองนะครับ ช่วงคอก็ปกติดี เพียงแต่อาการมึนหัวอาจจะเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งกล้ามเนื้อศีรษะอาจจะอักเสบได้ หมอจะจ่ายยาให้ไปกินก่อนก็แล้วกัน แต่ถ้าเกิดอาการตาพร่ามัว เวียนหัวมากๆ น้ำตาไหลหรืออาเจียนให้รีบมาโรงพยาบาลนะครับ”
***************************