บทที่ 5 อุบัติเหตุ

1125 คำ
แจ่มใสหน้าเสีย เธอให้ยามหน้าคฤหาสน์ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งที่ป้ายรถเมล์สายกว่าปกติ ทว่ารอจนสายรถเมล์เจ้าประจำก็ยังไม่มาเสียที จะเรียกแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยก็โดนตัดหน้าไปถึงสองคัน หญิงสาวยืนชะเง้อชะแง้ วันนี้เธอจะต้องไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์เพื่อขอรับคำแนะนำในการแก้ไขเนื้อหา ‘ดีนะนี่ที่อาจารย์นัดช่วงบ่ายแล้วเราตัดสินใจออกมาตอนสาย ถ้าเกิดไปไม่ทันแล้วอาจารย์ไม่อยู่ล่ะก็แย่เลย’ สายแล้วป้ายรถเมล์ว่าง หญิงสาวชะเง้อคอมองหาแท็กซี่อีกสักคันก็ไม่ปรากฏ รถราวิ่งกันขวักไขว่แต่กลับไม่อาจจะอาศัยรถคันใดในการเดินทางได้ เอี๊ยด! กระจกรถคันหรูเปิดออก ใบหน้าที่แจ่มใสไม่คาดคิดว่าจะได้พบในยามนี้โผล่ออกมา “หนูแจ่มจะไปมหาลัยเหรอ? ขึ้นรถสิ เฮียจะไปส่ง” หญิงสาวอึกอัก “ไม่ต้องเกรงใจน่า เราคนกันเอง มาเถอะเช้านี้เฮียว่าง” แม้แจ่มใสจะรู้สึกเกรงใจเนติ แต่หากไม่อาศัยเขาก็เกรงว่าตนเองจะไปตามนัดของอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ทัน หญิงสาวรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับด้วยสีหน้านอบน้อม “ขอบคุณนะคะ เฮีย” “เอาน่า ไปส่งแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ปกติเฮียก็ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่แล้ว” คำบอกเล่าเรื่องของเนติ แจ่มใสยังจำได้ชัดเจน ‘คุณเนหลานชายเจ้าสัวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก แม้จะเรียนจบจากมหาลัยอย่างเฉียดฉิวและทำให้คนทั้งตระกูลใจหายใจคว่ำ แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องราวใหญ่โต นอกจากทะเลาะต่อยตีกับคนอื่นในบางครั้ง ก็แค่ไม่ยอมรับผิดชอบหน้าที่การงานอะไรจริงจัง อ้างว่าอยากอยู่สบายๆ ช่วยงานคุณเอกไปก่อนสักสองสามปี’ ธงชัยพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีน้ำเสียงชื่นชมหรือติเตียน ความเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเจ้าสัวทำให้เขาถือคติไม่วิจารณ์เรื่องเจ้านาย แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดของเจ้าสัวที่อยากจะให้ลูกสาวของเขาแต่งกับเนติ แต่ก็ไม่มีทางเลือก บุญคุณที่เจ้าสัวได้ช่วยเหลือครอบครัวของเขามาตลอดกดทับจนไม่อาจจะปฏิเสธ “เฮียเน ไม่ไปช่วยงานเฮียเอกเหรอคะ?” พูดออกไปแล้ว หนูแจ่มก็พลันนึกได้ว่าเป็นคำถามที่ไม่ควร ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ดูเหมือนแจ่มใสก็คงเหมือนคนอื่นๆ ที่มองว่าเขาเหลวไหล “ตอนบ่ายค่อยเข้าไป วันนี้เฮียเอกต้องคุยกับแขกหลายบริษัท” แจ่มใสไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ เธอกลัวว่าคำพูดที่ไม่ควรของเธอจะไปสะกิดปมด้อยของชายหนุ่มและสร้างความแค้นเคืองให้เขา “เดี๋ยวแวะปั้มข้างหน้าแป๊บหนึ่งนะ เฮียอยากเข้าห้องน้ำ” รถสปอร์ตคันหรูเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ทว่ากลับเกิดเหตุเกินคาด ตู้ม! รถสปอร์ตที่ลดความเร็วไถลไปข้างหน้า แจ่มใสที่กำลังชะโงกหน้ามองดูด้านหน้าถูกเข็มขัดนิรภัยกระชากกลับจากแรงชนด้านหลังจนศีรษะกระแทกพนักที่นั่งดังปึกใหญ่ เนติที่นั่งศีรษะแนบพนักพิงเองก็ถูกแรงกระแทกเช่นกัน “โอ๊ย!” ทั้งสองมึนไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองหน้ากัน “เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูรถลงไปดูเหตุการณ์ รถกระบะคันใหญ่ที่ถูกต่อเติมเป็นห้องเย็นด้านหลังชนท้ายรถของเขาอย่างจัง ยุบเข้าไปเป็นรอยขนาดใหญ่ คนขับรถห้องเย็นหน้าเสีย รถสปอร์ตคันนี้ดูอย่างไรก็ราคาแพงลิบ “ผมขอโทษจริงๆ ครับ เมื่อกี้มอเตอร์ไซค์ตัดหน้ามา ผมเบรกไม่อยู่จริงๆ” “เฮ้อ!” เนติพูดไม่ออก เด็กปั้มวิ่งออกมาหลายคนเพื่อดูเหตุการณ์ “มีคนบาดเจ็บไหมครับ?” พนักงานเติมน้ำมันร้องถาม เนตินึกขึ้นได้รีบเดินกลับไปเปิดประตูรถ มองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างใน “หนูแจ่ม บาดเจ็บไหม?” “มึนๆ หัวค่ะ” หญิงสาวหันมาตอบนัยน์ตาแดง เนติโผล่หน้าออกไปพูดกับคนขับรถกระบะ “เดี๋ยวผมเรียกประกันก่อนก็แล้วกัน รถผมประกันชั้นหนึ่ง รถคุณมีประกันหรือเปล่า?” “มีครับ ผมจะเรียกมาเดี๋ยวนี้ล่ะ” ฝ่ายคนที่รู้ตัวว่าผิดรีบเอ่ยแล้วหันไปกดโทรศัพท์ เนติกดเรียกกู้ภัยเพื่อจะได้นำตัวแจ่มใสไปเช็คอาการที่โรงพยาบาลแล้วโทรศัพท์เข้าบริษัทประกันภัยรถยนต์ ร่างกายของแจ่มใสไม่มีบาดแผลแต่เนติก็ไม่วางใจ “หนูแจ่มไม่ได้บาดเจ็บอะไรนะคะเฮีย แค่มึนๆ” “ไม่ได้หรอกหนูแจ่ม ไปให้หมอตรวจดูหน่อยเผื่อเกิดเรื่องไม่น่าไว้วางใจ” พนักงานในปั๊มน้ำมันช่วยโทรศัพท์ตามตำรวจมายังที่เกิดเหตุ ขณะกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถกู้ภัยก็มาพอดี “นำส่งเธอไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดนะครับ บอกโรงพยาบาลว่าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ญาติมีเงินจ่ายเต็มที่ เสร็จเรื่องทางนี้เดี๋ยวผมตามไป” เจ้าหน้าที่กู้ภัยยิ้มน้อยๆ การประสบอุบัติเหตุหลายกรณีที่โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษาเพราะไม่รู้ว่าผู้บาดเจ็บจะมีเงินจ่ายรักษาหรือไม่? แต่ถ้าผู้บาดเจ็บมีประกันภัยย่อมจะรักษาอย่างเต็มที่ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานกู้ภัยล้วนช่วยเหลือชีวิตผู้บาดเจ็บเต็มกำลัง ทว่าส่วนต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโรงพยาบาลพวกเขาไม่อาจจะก้าวก่ายได้ “ได้เลยครับ ผมจะแจ้งทางโรงพยาบาลให้” เนติที่ปวดปัสสาวะต้องอดกลั้นเอาไว้เมื่อเห็นว่ารถกู้ภัยพาแจ่มใสไปแล้วเขาจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ตำรวจลงบันทึกเรียบร้อย รถของเขายังขับได้ เนติจึงขอขับไปโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยจะเอาไปเข้าซ่อม หมอสอบถามอาการของแจ่มใสแล้วจึงให้พยาบาลนำตัวเธอไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เนติที่มาถึงเข้าไปในห้องตรวจในฐานะญาติผู้บาดเจ็บ แจ่มใสนั่งรถเข็นฟังคุณหมออธิบายอาการ “เป็นยังไงบ้างครับหมอ?” “ญาติคนไข้ไหมครับ?” หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม “ครับ เธอเป็นน้องของผม” เนติรีบรับสมอ้าง หมอหนุ่มชี้ไปยังจอภาพใหญ่ที่ผนังห้อง ภาพกะโหลกศีรษะและต้นคอของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้น “ไม่มีรอยแตกร้าวและเลือดคั่งในสมองนะครับ ช่วงคอก็ปกติดี เพียงแต่อาการมึนหัวอาจจะเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งกล้ามเนื้อศีรษะอาจจะอักเสบได้ หมอจะจ่ายยาให้ไปกินก่อนก็แล้วกัน แต่ถ้าเกิดอาการตาพร่ามัว เวียนหัวมากๆ น้ำตาไหลหรืออาเจียนให้รีบมาโรงพยาบาลนะครับ” ***************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม