เจ้าสัวเป็นหนึ่งนั่งเคียงข้างภรรยาแล้วบอกลูกชายกับหลานชายว่าจะไปเที่ยวยุโรปสักเดือนสองเดือน
“อาป๊า! ครั้งก่อนที่อาป๊ากับหม่าม๊าบอกจะไปเที่ยวจีนเจ็ดแปดวันก็หายไปเป็นเดือน คราวนี้ไม่ใช่ว่าจะหายไปสองสามเดือนนะครับ”
เจ้าสัวผู้มีใบหน้าขาวอมชมพูหัวเราะเบาๆ “เอาน่าๆ คราวนี้ป๊าจะเที่ยวแค่หนึ่งเดือนจริงๆ ว่าแต่ม๊าแกนั่นล่ะ...”
สายตาของภริยาที่คมกริบตวัดมาปราดเดียว เจ้าสัวก็ไม่กล้าเอ่ยต่อ
“ทำไมคะ? ก็คุณบอกเองว่าจะให้ฉันซื้อของที่ฉันอยากได้ตามใจชอบ และเที่ยวนี้ก็จะไม่กวนใจฉัน” คุณหญิงอุ่นเรือนทำเสียงเข้มจนคนทั้งโต๊ะนิ่งอึ้ง
เป็นเอกถอนใจยาว ต่อให้บิดาของเขาจะมีอำนาจเหนือคนทั้งตระกูลแต่กลับอยู่ใต้อำนาจคนเพียงคนเดียว
“หม่าม๊าครับ ผมไม่ได้อยากจะขัดขวางการท่องเที่ยวและช้อปปิ้งของหม่าม๊านะครับ แต่ถ้าเกิดมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในบริษัทเหมือนคราวก่อนล่ะก็ อย่างน้อยผมก็ควรได้ปรึกษาหารืออาป๊าบ้าง”
“เอาน่า คราวนี้เราสองคนไปยุโรป ลูกก็ไม่น่าจะติดต่อยากหรอก ม๊าสัญญาว่าจะไม่ขาดการติดต่อแม้แต่วันเดียว”
ทายาทคนโตของจรัสไพศาลสกุลได้แต่ทำตาปริบๆ แม้เขาจะกล้าคัดค้านและต่อรองกับมารดา แต่ก็ไม่เคยเอาชนะความต้องการของคุณหญิงอุ่นเรือนได้สักครั้ง เมื่อหันไปทางเจ้าสัวเป็นหนึ่งก็อดจะยิ้มไม่ได้ ผู้ทรงอำนาจตัวปลอมกำลังพยายามขยิบตาให้เขาหยุดพูดเพราะกลัวภรรยาจะอารมณ์เสีย
“เอาน่าๆ ป๊าจะพกทั้งโทรศัพท์พร้อมที่แบตสำรองไว้ทุกเวลาเลย ไม่ต้องกวนใจหม่าม๊าแกแล้ว”
เป็นเอกจำต้องปิดปาก คุณหญิงอุ่นเรือนยิ้มพอใจในท่าทีของสามีที่เข้าข้างตนเอง ก่อนจะเริ่มต้นตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก พอกลืนลงคอไปได้ก็หันไปหาหัวหน้าสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“วันนี้ใครเป็นคนผัดผัก? นี่ไม่ใช่ฝีมือแม่ช้อยนี่?”
“ค่ะ แม่ช้อยปวดข้อมือ หนูแจ่มเลยอาสาทำอาหารแทน”
“หนูแจ่มเหรอ? ฝีมือดีเชียว เดี๋ยวฉันลองชิมอย่างอื่นดูก่อน” คุณหญิงหันไปตักชิมแกงจืดคำหนึ่ง “อืม...อร่อย รสชาติดีทีเดียว” จากนั้นก็หันไปตักกุ้งชุบแป้งทอด กัดเข้าไปปุ๊บดวงตาก็เป็นประกายด้วยความพึงพอใจ
“คุณคะ อร่อยทุกอย่างจริงๆ ไม่ผิดหวังที่รับหนูแจ่มเอาไว้” สายตาของคุณหญิงหันไปมองหน้าหลานชายที่อยู่เยื้องกัน “ว่าไงเนติ? หนูแจ่มมีเสน่ห์ปลายจวักแบบนี้หลานชอบไหม?”
“ครับ” เนติตอบแค่นั้น
เขารู้นิสัยป้าสะใภ้ดีว่า หากปฏิเสธตรงๆ คุณหญิงอุ่นเรือนก็จะยิ่งบีบคั้นให้เขารีบรับหนูแจ่มเป็นคู่หมั้นเร็วขึ้น เอาไว้เขาตกลงกับหนูแจ่มได้ก่อนค่อยหาทางบ่ายเบี่ยงเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย เนติได้แต่หวังว่าหนูแจ่มคงไม่หลงใหลได้ปลื้มกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาจนคิดจะดันทุรัง
เป็นเอกเลิกคิ้วมองดูสีหน้าหนักอกหนักใจของญาติผู้น้อง
‘ดูท่า เจ้าเนติคงกำลังหาวิธีทำให้หนูแจ่มปฏิเสธการแต่งงานเองแน่ๆ’
คนทั้งสี่รับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย คุณหญิงอุ่นเรือนตักอาหารให้สามีอย่างเอาใจใส่ ตั้งแต่เป็นเอกเริ่มเป็นหนุ่มและรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง เขาเคยสงสัยว่าเหตุใดอาป๊าผู้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาจึงได้รักใคร่ในตัวหม่าม๊าผู้แสนธรรมดามากเหลือเกิน?
ครั้งหนึ่งเจ้าสัวสังเกตเห็นแววตาของลูกชายในวัยหนุ่ม จึงได้ยิ้มและตบบ่าบอกกับเขา
‘ความรัก...แม้ว่าจะเริ่มด้วยแรงดึงดูดจากภายนอก แต่สุดท้ายหากไม่มีแรงดึงดูดจากภายในก็ไม่มีทางจะอยู่ด้วยกันได้’
เมื่อเขาอายุมากขึ้นจนเลยวัยรุ่น จึงได้รู้ว่าความรักระหว่างอาป๊ากับหม่าม๊าเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและยอมรับในตัวอีกฝ่ายอย่างไม่มีข้อแม้ เจ้าสัวเป็นเอกถูกคุณหญิงอุ่นเรือนเอาอกเอาใจดูแลทุกสิ่งในชีวิตเป็นอย่างดีจนกลายเป็นการเสพติดภรรยา จนเป็นเอกรู้สึกว่าเขาที่เป็นลูกยังไม่ได้รับความเอาใจใส่จากคุณหญิงเท่ากับที่เจ้าสัวได้รับ
เจ้าสัวเป็นหนึ่งเป็นคนโมโหร้าย ก็มีแต่เพียงคุณหญิงเท่านั้นที่มีวิธีปลอบประโลมให้สามีหายหงุดหงิดได้ คุณหญิงมักจะโอนอ่อนผ่อนตามสามีแทบทุกอย่าง แต่ถ้าสิ่งใดที่เธอขอกับสามีเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
เป็นเอกรู้สึกว่า...สามีภรรยาคู่นี้สวรรค์ช่างส่งมาให้อยู่คู่กัน...กระทั่งลูกชายทั้งสามยังไม่อาจแทรกกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองได้
แจ่มใสเดินมายืนคู่กับหัวหน้าสาวใช้ด้านหลัง แม้เธอจะมีสถานะเหนือกว่าสาวใช้ทั้งหลายแต่ก็ยังไม่สมควรจะร่วมโต๊ะกับคนสกุลเจียง หญิงสาวจึงมักจะปฏิเสธขอไปรับประทานอาหารในครัวกับบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์
“หนูแจ่ม ฝีมือดีมากเลย ฉันชอบอาหารที่หนูทำมาก”
“ขอบคุณค่ะ คุณอุ่น”
คุณหญิงอุ่นเรือนเป็นคุณหญิงตราตั้ง เธอจึงไม่ชอบให้คนรอบข้างเรียกเธอว่าคุณหญิง เธอว่าคำพูดแบบนั้นเอาไว้ให้คนภายนอกเรียกก็พอ
“ดูสิ ทุกคนกินกันจนเกลี้ยง มื้อหน้าก็ทำอีกนะ ฉันอยากจะลองชิมว่าหนูทำอะไรอร่อยบ้าง?”
เป็นเอกที่เพิ่งวางแก้วน้ำ รีบหันไปพูดเอาใจมารดา “พรุ่งนี้เช้าให้หนูแจ่มทำข้าวต้มกุ้งสิครับหม่าม๊า ผมกับเนติเคยกินครั้งก่อน อร่อยมากเลยครับ”
“จริงเหรอ? ถ้างั้นพรุ่งนี้ ทำข้าวต้มฉันให้กินหน่อยนะ”
“ค่ะ เป็นข้าวต้มหมูสับใส่เนื้อกุ้งด้วยดีไหมคะ?”
“เอาที่หนูแจ่มคิดว่าอร่อยก็แล้วกัน ฉันกับเจ้าสัวจะคอยชิม”
“ค่ะ”
สองสามีภรรยาลุกจากโต๊ะอาหารก็ปรึกษาหารือกันกระหนุงกระหนิงเรื่องการเดินทาง เนติสะกิดแขนพี่ชายเป็นเชิงให้ถอยห่างออกไปข้างนอกเพราะรู้ดีว่าป้ากับลุงคงจะไม่สนใจอยากจะพูดคุยกับพวกเขาอีกแล้ว
ชายหนุ่มสองคนเดินตามกันออกไปหน้าระเบียง อากาศช่วงหัวค่ำเย็นสบาย เนติกวาดตามองไปยังสวนใหญ่ด้านหน้าคฤหาสน์ ใช้สองแขนวางบนราวระเบียงปูนที่มีลวดลายวิจิตร
“นี่ถ้าผมแต่งงานแล้วรักกันปานจะกลืนกินแบบนี้ก็คงดีนะเฮีย”
คนเป็นพี่ หัวเราะหึๆ “ยากอยู่นะ”
“ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ถูกคลุมถุงชนอย่างอาแปะกับอาอึ้มจะรักกันขนาดนี้”
“คงเป็นหนึ่งในล้านล่ะมั้ง? แล้วแกล่ะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าแกกับหนูแจ่มแต่งงานกันไปก็อาจจะเป็นแบบอาป๊ากับหม่าม๊าของเฮียก็ได้”
เนติส่ายหน้า “ไม่มีทางหรอกเฮีย ผมว่า...ผมกับหนูแจ่มนี่ไปคนละทางกันเลย”
“เออ...ก็จริง” เป็นเอกนึกถึงหน้าตาของหนูแจ่มแล้วก็อดจะเออออด้วยไม่ได้ “สเปคก็ไม่ใช่แล้ว ดูนิสัยก็ไม่น่าจะไปกันได้อีก”
“คนอย่างหนูแจ่ม ไม่เหมาะกับพวกเราหรอกเฮีย ปล่อยเธอไปเจอผู้ชายดีๆ เถอะ”
ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ พวกเขาทั้งสองยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน ด้วยหน้าตา ฐานะและวงศ์ตระกูล ทำให้สาวๆ ล้วนอยากจะข้องเกี่ยว แต่...ข้อตกลงที่พวกเขาบัญญัติไว้ก็คือ ‘ร่วมสนุกแต่ไม่ผูกพัน’
*****************************