เป็นเอกถูกแจ่มใสพาเข้าไปในห้องนอนและจับไปนั่งบนเตียง เธอออกไปขอยาแก้แพ้และยาทาแก้ผื่นคันมาให้เขา
“เธอคล่องดีนะ สมแล้วที่อาป๊ารับมาช่วยดูแลบ้าน”
“ค่ะ”
เป็นเอกรู้สึกว่านิ้วของหญิงสาวนุ่มและเบาในตอนที่ช่วยทาครีมแก้ผื่นคันแถวคางและลำคอของเขา เมื่อเสร็จเรียบร้อยเธอก็ขอตัวกลับออกไป
เป็นเอกนอนพักจนล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืนก็รู้ตัวตื่นขึ้นมา เสียงเพลงจากงานเลี้ยงข้างนอกเงียบลงไปแล้ว คนรับใช้ในคฤหาสน์กำลังง่วนอยู่กับการช่วยกันเก็บกวาดข้าวของที่สนามหญ้า
“เฮียมองหาใครเหรอ?” เนติเงยหน้าขึ้นมองบันได
“ฉันหิว อยากได้ข้าวต้มสักถ้วย ในครัวมีคนอยู่บ้างไหม?”
“เดี๋ยวผมใช้หนูแจ่มทำให้ก็แล้วกัน”
เป็นเอกเลิกคิ้ว เขาเดินลงไปนั่งโซฟาที่ห้องโถง “ว่าที่เจ้าสาวแกเหรอ?”
“อย่าล้อเล่นน่าเฮีย รสนิยมผมจะไม่เสื่อมสักหน่อย”
“ทำไมล่ะ?”
หญิงสาวรูปร่างอวบใบหน้ากลมตาชั้นเดียวเดินเข้ามาในห้องโถงพอดี
“หนูแจ่มมานี่” เนติกวักมือเรียก “ไปต้มข้าวต้มให้เฮียเอกสักถ้วยไป๊!”
เป็นเอกตกตะลึง ตอนที่ตาเขาปูดจนปิดได้ยินเพียงเสียงก็คิดว่าเธอน่าจะดูดีกว่านี้ ไม่คิดว่าผู้หญิงทรวดทรงและหน้าตาอย่างนี้อาป๊าของเขายังคิดจะจับคู่ให้กับเนติ
“รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวหนูแจ่มไปทำให้ค่ะ”
พอลับร่างหญิงสาว เนติก็หันมากระเซ้าญาติผู้พี่ “เป็นไงล่ะเฮีย? รู้หรือยังว่าทำไมผมต้องปฏิเสธ?” เนติทิ้งหลังพิงพนักโซฟา ก่อนจะถอนหายใจหนักหน่วง “สาวๆ ของผมสวยๆ ทั้งนั้น เฮียจะให้ผมยอมแต่งกับหนูแจ่มได้ไง? ผมว่าให้อาแปะรับไว้เป็นแม่บ้านก็พอแล้ว อย่ายัดเยียดให้ผมเลยนะ”
ธงชัยบิดาของแจ่มใสเคยทำงานรับใช้บิดาของเป็นเอกมาหลายปี เมื่อแยกตัวออกไปค้าขายแต่ล้มเหลวก็กลับมาขอความช่วยเหลือจากนายเก่า ตอนนี้ธงชัยเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าสัวเป็นหนึ่งจึงได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ให้กับครอบครัวของแจ่มใส
....หากว่าแจ่มใสแต่งงานกับเนติหลานชายไม่เอาไหนของเจ้าสัวเป็นหนึ่ง หนี้สินของธงชัยทั้งหมดเป็นอันยกเลิก....
แจ่มใสที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายจึงต้องย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์สกุลเจียงเพื่อช่วยงานในคฤหาสน์แลกกับค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนและเพื่อให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเนติ
“เออ...แบบนี้เฮียก็เห็นใจแกว่ะ” เป็นเอกพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขากับเนติจะว่าไปก็มักจะออกไปสำเริงสำราญภายนอกเหมือนกัน เพียงแต่เขามีหน้าที่การงานความรับผิดชอบในบริษัท ทำให้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ
แต่เนติกลับเสเพลได้อย่างเปิดเผย กรุสาวๆ ของเขากับเนติความจริงก็มีพอๆ กัน เป็นเอกเป็นฝ่ายเปย์ให้กับญาติผู้น้อง เนติจึงคอยช่วยปกปิดเรื่องภายนอกช่วยเขาเสมอ
“อย่าไปสนใจเลยเฮีย ถ้าผมไม่ตกลง อาแปะก็คงไม่บังคับผมหรอก เราก็มองหนูแจ่มเหมือนสาวใช้ในบ้านไป”
บิดาของเนติเป็นน้องชายคนเล็กของเจ้าสัวเป็นหนึ่ง รับหน้าที่ไปดูแลกิจการสาขาไต้หวันจึงได้ทิ้งหลานชายคนเดียวเอาไว้ให้เจ้าสัวช่วยดูแล พอได้เห็นพฤติกรรมแบบลูกผู้ดีทั่วไปของหลานชายแล้ว เจ้าสัวเป็นหนึ่งที่เห็นว่าลูกสาวของลูกน้องเก่าเหมาะที่จะคอยดูแลหลานชายตัวดี จึงรีบยื่นข้อเสนอ
“นั่นสิ! อาป๊าคิดยังไงถึงได้หวังจะให้แกแต่งกับหนูแจ่มวะ?”
ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้า เนติเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาพอจะเป็นดาราได้สบาย เมื่อเทียบกับแจ่มใสแล้ว.....
....ไม่ว่าจะดูยังไง? ก็ไม่เหมาะสมกันสักนิด....
หญิงสาวในชุดสาวใช้ประจำคฤหาสน์ยกถาดที่มีถ้วยข้าวต้มเข้ามาวางบนโต๊ะกลมที่อยู่ใกล้กับโซฟา
“ข้าวต้มทรงเครื่องได้แล้วค่ะเฮีย”
สถานะของแจ่มใสเหนือกว่าสาวใช้แต่ก็ไม่ถึงกับสามารถนับเป็นญาติกับคนในจรัสไพศาลสกุลได้ เธอจึงต้องสวมยูนิฟอร์มสาวใช้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
กลิ่นหอมของข้าวต้มทำเอาเป็นเอกท้องร้องขึ้นมา เข้าตักข้าวต้มเข้าปาก
“อร่อยดีนี่ ฝีมือเธอเหรอ?”
“ค่ะ”
“ใช้ได้ๆ คราวหน้าถ้าฉันสั่ง เธอก็เป็นคนทำมาล่ะกัน”
เนติได้ยินญาติผู้พี่เอ่ยชมก็เดินมานั่งดมกลิ่นอยู่ใกล้ๆ
“หอมจริงๆ ซะด้วย หนูแจ่มยังเหลือให้ฉันอีกสักถ้วยไหม?”
“ได้ค่ะ หนูแจ่มทำไว้หม้อเล็กเผื่อจะมีคนหิว”
“ดีๆ ไปตักมาให้ฉันด้วย”
สองหนุ่มพี่น้องกินไปคนละถ้วยแล้วก็ยังไม่พอ ทั้งสองกินหมดไปคนละสองถ้วย เป็นเอกปรายตามองใบหน้าขาวค่อนข้างกลมนั้นแล้วยิ้มน้อยๆ
....เขาเริ่มคิดว่าอาป๊าผู้คาดการณ์ทุกสิ่งไม่เคยพลาด อาจจะคิดถูก...
เป็นเอกเข้าไปนั่งในห้องทำงานเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่น เลขาหน้าห้องก็กดอินเตอร์คอมเข้ามาบอกว่าคุณวิกกี้มาขอพบ
ร่างบางราวนางแบบจากแม็กกาซีนเดินนวยนาดเข้ามาในห้องทำงานของผู้บริหารบริษัทค้าเหล็กขนาดใหญ่ด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อวานวิกกี้เห็นเฮียอาการไม่ค่อยดี บอกว่าจะไปห้องน้ำแล้วหายไปเลย ไปถามหาก็ไม่เห็น เฮียเป็นอะไรคะ?”
เธอไปตามหาในห้องน้ำก็ไม่เห็น ถามใครก็ไม่มีรู้ จำต้องกลับบ้านไปพร้อมกับพ่อและแม่ด้วยความเหนื่อยหน่าย อุตส่าห์ทำผมแต่งหน้าตั้งหลายชั่วโมงเพื่อหวังให้เฮียเอกชมแต่เขากลับวิ่งหนีหายไป
“เฮียลืมบอกวิกกี้เอง ขอโทษนะ เฮียแพ้ดอกกุหลาบ เมื่อวานพอได้กลิ่นแล้วก็ผะอืดผะอม ต้องรีบไปล้างหน้าแต่พอไปถึงตาก็ปูด ผื่นก็ขึ้นเลยขึ้นไปนอนพักบนห้อง ไม่ได้บอกใครเลย”
วิกกี้ฟังแล้วหน้าเสีย “จริงเหรอคะ? วิกกี้ขอโทษนะคะที่ไม่รู้ว่าเฮียแพ้น้ำหอมกลิ่นกุหลาบ คราวหน้าวิกกี้จะไม่ใช้แล้วค่ะ”
“อืม....” ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ “ขอบใจนะอุตส่าห์เป็นห่วงมาดูเฮียถึงที่นี่ แต่วันนี้เฮียไม่สะดวกจะไปกินข้าวเที่ยงด้วยเพราะมีประชุมต่อ”
หญิงสาวรีบลุกขึ้น แม้จะรู้สึกขัดใจที่อุตส่าห์ตามมาแล้วเขาก็ยังไม่ว่างแต่เธอก็ต้องรักษาภาพพจน์หญิงสาวที่รู้จักกาลเทศะเอาไว้ แม่เธอสั่งนักสั่งหนาว่าหากคิดอยากเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลเจียงต้องทำไม่ทำให้เฮียเอกหงุดหงิด
....เธอกับเฮียเอกรู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้ว แม้เฮียเอกจะไม่มีคู่ควงเป็นตัวเป็นตนแต่กับเธอ...เขายังคงรักษาระยะห่างเท่าเดิม....
***********************