บทที่ 2
ข้าจะรับผิดชอบเอง
กลางป่าเขามีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บ้านแต่ละหลังทำจากไม้ และสร้างห่างๆ กันเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ทำเกษตร
แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่มองปราดเดียวหรงหรานก็รู้แล้วว่าที่นี่คือหมู่บ้านเล็กๆ ใต้หุบเขาเล่อฉาง มิหนำซ้ำยังธรรมดากว่าที่คิด
หลังจากชายขนดกพาหรงหรานเข้ามาในบ้านไม้หลังเล็ก เขาวางนางลงบนเตียงไม้ไผ่ที่ปูด้วยหนังสัตว์ จากนั้นก็ก้าวพรวดพราดออกไปข้างนอกโดยไม่พูดไม่จา
สักครู่หนึ่ง ชายชราเคราขาวก็เข้ามา ชายชราเมื่อมาถึงก็รีบจับชีพจรหรงหรานทันที สักพักก็หันไปพูดกับชายร่างหมีหนวดครึ้ม
“นอกจากบาดแผลภายนอก นางก็ไม่มีอาการคลั่งเลือดหรือช้ำใน แต่ก็เป็นความโชคดีของนาง ที่เจ้าเอะใจเลยไปดูใต้หน้าผาแถวนั้นกระทั่งเจอนางเข้า หากพ้นคืนนี้แล้วยังไม่มีใครพบเจอนางละก็ เกรงว่านางเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน”
“อืม”
“อีกอย่าง ในปากของนางมีแผล ตอนตกหน้าผานางคงกัดปากตัวเองจนเป็นแผลใหญ่ เพราะฉะนั้นนางคงยังพูดไม่ได้ไปสักระยะหนึ่ง”
หมอชราวิเคราะห์ออกมาอย่างชัดเจนและละเอียดยิบ ต่อให้หรงหรานไม่รู้วิชาการแพทย์ แต่พอได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกโล่งใจ ชีวิตของนางรอดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราชแล้ว
“อืม”
เช่นเคย ชายหนวดดกร่างหมีตอบเพียงแค่ ‘อืม’ เท่านั้นเอง ทั้งที่หมอชราอุตส่าห์อธิบายยืดยาวอย่างตั้งใจ
นางเหลือบตามองเขา จากนั้นก็กรอกตามองบน
จากการสื่อสารของชายคนนี้คงอยู่ระดับต่ำ พื้นฐานคงเป็นคนพูดน้อย แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนใบ้
ตอนนี้หรงหรานพอจะรู้นิสัยของชายหนวดดกขึ้นมานิดหน่อยแล้ว นอกจากชายคนนี้จะพูดน้อย ทั้งท่าทางยังชวนให้เข้าใจผิดว่านางอาจถูกคนป่าอย่างเขาจับกลับมาต้มยำทำแกง มิคาด ชายป่าเถื่อนคนนี้กลับพานางมาบ้านเพื่อรักษา ถือว่ามีพระคุณกับนางแล้ว
ทว่าเรื่องที่เขามีพระคุณก็ส่วนเรื่องมีพระคุณ ส่วนเรื่องที่ทำรุนแรงกับนางก็เป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้เช่นกัน
ทันใดนั้น สายตานึกอยากขอบคุณแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตรอย่างฉับพลัน ตั้งแต่ต้นเขาไม่เคยอ่อนโยนกับนางเลย แล้วจะให้นางซาบซึ้งในบุญคุณของเขาสุดหัวใจได้อีกหรือ!
เขาออกไปข้างนอกกับหมอชรา ตอนกลับมาก็ยื่นถ้วยยามาตรงหน้านาง
นางมองยาสีเขียวเข้ม กลิ่นแรงและคาดว่าน่าขมไม่น้อย
ชั่งใจชั่วครู่ นางเงยหน้ามองชายร่างหมี
อย่าว่าแต่ยานี้น่าจะขมปี๋ อาการเจ็บทำให้นางขยับแขนขาไม่ได้ แล้วจะดื่มยาอย่างไร
เพิ่งคิดเช่นนั้น เขาก็ย่อตัวนั่งลงข้างเตียงไม้ไผ่ จากนั้นยื่นมือมาบีบจมูกนาง นางเลี่ยงไม่ได้ต้องอ้าปากพะงาบๆ พริบตาสั้นๆ ยารสขมก็ถูกกรอกยาเข้ามาในลำคออึกแล้วอึกเล่า
“อึก...อั่ก...”
เป็นการดื่มยาที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต และเชื่อหรือไม่ ถ้านางไม่ตายเพราะตกหน้าผา ก็คงต้องตายเพราะถูกจับกรอกยานี่แหละ!
ท้ายที่สุด หรงหรานต้องดื่มยาในสภาพที่ถูกบังคับด้วยประการเช่นนี้
“เสื้อผ้า”
เพียงไม่นานหลังจากหรงหรานดื่มยาจนหมด ชายหนวดดกกล่าวสั้นๆ กับตัวเอง ก่อนจะก้าวออกจากบ้าน
หรงหรานเบิกตาโต ลางสังหรณ์ที่ผุดขึ้นกะทันหันบอกนางว่าการกระทำต่อไปของเขากำลังทำให้นางอยู่มิสู้ตาย!
ตอนที่ชายหนวดดกร่างหมีกลับมาที่เตียงอีกครั้ง คราวนี้เขาถือผ้าที่ใหญ่เทอะทะและถังน้ำมาด้วย
อย่าบอกนะ
อย่าบอกนะว่า...
เขาไม่พูดพล่าม จับนางลอกคราบทันที
และเป็นอีกครั้งที่นางทำได้แค่นอนนิ่งเป็นผักในสภาพจำยอม โดยมีเขาเช็ดตัวให้
หรงหรานนอนขยุ้มหนังสัตว์ด้วยความอดสู เมื่อชายหนวดดกเช็ดเลือดที่แห้งกรังตามเนื้อตัวนางจนมาถึงเรียวขา นางก็ได้โยนความอายทิ้งไปนานแล้ว ทำได้เพียงจ้องหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย หากสายตาของนางคือใบมีด ป่านนี้เขาได้ตายไปหลายครั้งแล้ว
คืนนั้น เป็นครั้งแรกที่นางนอนคิดแบบโง่ๆ
วันพรุ่งนี้นางไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว น่าอายสิ้นดี!
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ หมอชรามีฝีมือเก่งกาจราวกับหมอเทวดา เช้าวันรุ่งขึ้นนางยังคงตื่นขึ้นมา ยืนยันข้อเท็จจริงว่านางยังมีชีวิตอยู่ และต่อให้หรงหรานจะนอนนิ่งเป็นผักเช่นเดิม ถูกชายหนวดดกดูแลนางเหมือนเดิม หากทว่ามีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
สองสามวันให้หลัง อาการห่อเลือดในปากของหรงหรานเริ่มดีขึ้น ในตอนนี้หรงหรานขยับปากพูดได้แล้ว ซ้ำนางยังด่าชายหนวดดกได้คล่องปรือเลยด้วย!
“เจ้าคนสารเลว เอามือหยาบๆ ของเจ้าออกไปจากตัวข้านะ อ๊ะ...ไม่! อย่านะ ตรงนั้น ไม่นะ...@#€%€**”
ทุกครั้งที่เจ้าเคราดกเช็ดตัวให้นาง บ้านน้อยหลังนี้จะมีเสียงด่าไม่หยุด
ทว่าสิ่งที่ชายหนวดดกตอบกลับมาคือน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยและสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ข้าชื่อเหล่ยเซิน ไม่ได้ชื่อคนสารเลว”
หลังจากแนะนำตัวเองแล้ว เหล่ยเซินก็ยังเช็ดตัวให้หรงหรานต่อไป
ผ้าที่ถูกชุบน้ำหมาดๆ ถูบนหน้าอกนุ่มนิ่ม ลากยาวลงมาตามหน้าท้องแบนราบ จากนั้นก็วนเวียนอยู่บริเวณบุปผางามและเรียวขาขาว
ถึงตอนนี้ทั้งตาทั้งปากของนางแทบจะพ่นไฟออกมาได้อยู่แล้ว
หลังจากเช็ดตัวเสร็จ เหล่ยเซินแต่งตัวให้หรงหรานอย่างละเอียดลออไม่เหมือนกับมือที่หยาบกระด้างของเขา เมื่อดูแลนางเรียบร้อยเขาก็เดินออกจากบ้านหน้าตาเฉย ตอนกลับมาอีกครั้ง ในมือใหญ่มีถ้วยโจ๊กมาด้วย
โจ๊กนี้เป็นฝีมือของเหล่ยเซิน เป็นโจ๊กใส่เกลือง่ายๆ
เขาป้อนโจ๊กให้นางทีละคำ จากนั้นก็เป็นยารสขม
ในแต่ละวันดำเนินไปเช่นนี้
ดูเอาเถิด ขนาดด่าแล้วก็ยังทำนิ่ง ไม่สนใจระยะห่างระหว่างชายหญิง
“คนป่าเถื่อน คอยดูเถอะ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้”
“ได้”
คำพูดสั้นๆ ที่เป็นเหมือนการท้าทายทำเอาหรงหรานโมโหแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ข้าบอกจะฆ่าเจ้า”
“เช่นนั้นข้าก็จะรับผิดชอบเจ้า”