ณ สนามบินจังหวัดเชียงใหม่
"อ้าว โซเฟียไหนเธอว่าจะไปหาที่พักเอง" แมคเวลออกปากไล่ เมื่อเห็นโซเฟียยังเดินตามหลังเขาต้อย ๆ
"ก็ขอโซเฟียไปตั้งหลักที่โรงแรมของผู้จัดการก่อนคะ" เธอบอกเขาทำเสียงเบา แต่ใจจริงหญิงสาวก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหนดี ตอนนี้สารภาพว่า เธอยังมืดแปดด้าน งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้จะไปที่ไหนก่อน
เขาก็ไม่ได้ผลักไสอะไร ยอมให้เธอขึ้นรถโรงแรมที่มารอรับไปที่โรงแรมด้วยกัน เมื่อถึงโรงแรมเขาก็เข้าไปเช็กอิน โซเฟียยังเดินตาม และถามพนักงานถึงห้องว่าง ก็ได้รับคำตอบว่า ห้องเต็ม แล้วพนักงานก็แนะนำโรงแรมเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนี้มากนัก
แมคเวลไม่ได้สนใจว่าเธอจะมีที่พักหรือไม่ เขายังเดินมากำชับกับเธอว่า อีกสี่วันให้มาพบเขาที่นี่ เพราะเขาจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้วทั้งของเธอและของเขา พร้อมบอกเวลาที่เที่ยวบินจะออก โซเฟียยิ้มและรับปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ
เธอเดินลากกระเป๋าไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดหมาย จนถึงหน้าเกสต์เฮาส์เล็ก ๆ ที่ราคาไม่แพงมากนัก บรรยากาศน่ารักสดใสและน่าอยู่ เธอจึงเลือกพักที่นี่
เมื่อมีโอกาสอยู่เพียงลำพัง เธอพยายามหาข้อมูลและสอบถามคนแถวนั้นเกี่ยวกับเรื่องสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธออยากจะไป แต่คำตอบที่ได้คือ ไม่มีใครแถวนั้นรู้จักและเคยได้ยินมาก่อน
สองวันผ่านไป โซเฟียเดินตามหาสถานที่แห่งนั้นเอง โดยอาศัยรถตุ๊กตุ๊ก จนสุดท้ายเธอก็เจอ เกือบจะเป็นเวลามืดค่ำ เธอเดินเข้าไปสอบถามที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก็ได้รับคำตอบที่น่าเสียใจ เนื่องจากเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานมาก พวกเขาจึงไม่ได้เก็บข้อมูลเดิมเอาไว้ แล้วอีกอย่างเมื่อห้าปีก่อน เกิดไฟไหม้ห้องเก็บเอกสารจนวอดไปทั้งหลัง โซเฟียเดินคอตกออกมาจากสถานที่แห่งนั้น หมดเวลาแล้ว และคงหมดหนทางตามหาญาติคนเดียวที่เธอหลงเหลืออยู่แน่ ๆ
ระหว่างกลับโรงแรม เธอถามตุ๊กตุ๊ก เรื่องสถานที่นั่งดื่มกิน เพราะรู้สึกเครียด อยากจะผ่อนคลาย ตุ๊กตุ๊กจึงแนะนำ และพาเธอไปส่งตรงร้านแห่งหนึ่ง หญิงสาวนั่งดื่มกินจนเกือบสามทุ่ม จากอาการอ่อนเพลียและพักผ่อนน้อย เธอจึงค่อนข้างเมาเสียหลักอยู่สักหน่อย ทั้งที่ดื่มเข้าไปไม่มากเท่าไหร่
โซเฟียเดินออกมาจากร้านอาหารแห่งนั้นมุ่งกลับเกสต์เฮาส์ ตามถนนเส้นนั้นมีแต่แหล่งท่องเที่ยว ร้านรวงที่เป็นที่นิยมทั้งของฝรั่งและคนไทยมานั่งดื่มกิน มองดู ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเสียมากกว่า
เมื่อเดินผ่านร้านร้านหนึ่ง ทางร้านได้เปิดซิงเกิลเพลงของเธอที่เป็นจังหวะเร็ว โซเฟียยิ้มออกมาได้ ก่อนจะเดินตามเสียงเพลงเข้าไปในร้าน มีบริกรชายหนึ่งคนเดินออกมารับ เธอขอโต๊ะสำหรับคนเดียว เพลงที่เปิดกำลังสนุก โซเฟียยกกระดกแก้วแอลกอฮอล์เข้าปาก เพราะอยากจะลืมความทุกข์และความผิดหวังที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ หญิงสาวลุกขึ้นเต้นขยับตามจังหวะเสียงเพลงอย่างสนุก
อากาศที่เชียงใหม่ในเดือนเมษายนที่ค่อนข้างร้อน เรียกได้ว่าร้อนมากไป สำหรับเธอ หญิงสาวรวบผมตรงที่ปล่อยสยายตรงท้ายทอยเอาไว้หลวม ๆ ทำให้ผมบางส่วนตกระใบหน้าและลำคอ
สภาพภายนอกของโซเฟีย เธอใส่เสื้อกล้ามสีขาวไว้ข้างในและทับด้วยเสื้อกล้ามสีเข้มอีกหนึ่งตัว วันนี้เธอโนบรา โซเฟียใส่กางเกงยีนสั้นจุนจู๋ เธอเลือกซื้อจากตลาดที่เธอผ่านไปเดินเที่ยวเมื่อวาน รองเท้าผ้าใบมีราคาที่หญิงสาวเอาไว้ใส่ออกกำลังกายถูกเลือกมาใส่แทนรองเท้าส้นสูง เพราะมันถนัดเวลาเดินมากกว่า
มีผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ แวะเวียนเข้ามาหา มาทักทาย และขอถ่ายรูป บางคนก็ชนแก้วกับเธอ บางคนก็ชวนเธอเต้น โซเฟียรู้สึกสนุกและมีความสุข และเข้าใจว่าคงเป็นธรรมเนียมของคนแถว ๆ ที่นี่ เธอได้แต่ส่งยิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร และตอบรับทุกไมตรีจิต
ทุกอิริยาบถของเธออยู่ในสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งมองมายังที่เธออยู่ตลอดเวลา เขาขบกรามแน่น จนสุดท้าย เขาร้อนรนทนไม่ไหว ขอตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนที่มาฉลองกัน มีการนัดพบรวมตัวกันที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย ทุกคนแทบไม่ได้เจอะเจอกันเลย
กั้งบอกพวกเขาว่า จะกลับเลยนะ เพื่อนมองตามเขาอย่างฉงน เพราะเห็นสีหน้าของเขาที่ไม่ค่อยดีเท่าไร มีเพื่อนคนหนึ่งเดินตามออกมาส่งด้วย
กั้งเดินเข้ามากระชากแขนของโซเฟีย เธอกำลังจับมืออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงดังลั่นร้านว่า
"กลับบ้าน”
“มึงอย่ามายุ่ง นี่น้องสาวกู" เขายังยกนิ้วชี้หน้าผู้ชายที่ถูกเขาดึงมือให้ออกพ้นไปจากการกุมมือของเธอ กั้งชูกำปั้นใส่ผู้ชายที่กำลังจะเข้าแสดงตัวมีเรื่องกับเขา
"อ้าว... น้องสาวมึงนี่ ไอ้กั้ง" เพื่อนที่เดินตามมารีบยืนยัน ผู้หญิงตรงหน้านี้คือน้องสาวของกั้งจริง ๆ เพราะเขาเคยเจอที่บ้านของกั้งที่แพร่สามสี่ครั้ง ตอนเขาไปเที่ยวบ้านของกั้ง
"เอ่อ กูรู้แล้ว กูถึงได้ของขึ้นอยู่นี่ไง" เขาตะคอกกลับ ทำชักสีหน้าโมโห ผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จำต้องล่าถอยไป เพราะเป็นพี่ชายมาลากเอาตัวน้องสาวกลับบ้านจริง ๆ
ด้วยความที่เธอดื่มเข้าไปเยอะ ตอนนี้เบลอหนักเข้าไปอีก เนื่องจากแสงสีที่หมุนเวียนจนน่าปวดหัว ใบหน้าของเธอเริ่มรู้สึกตึงไปหมด โซเฟียพยายามแกะมือของเขาที่จับรัดแน่นตรงข้อมือให้หลุดไป พร้อมทั้งส่งเสียงตะโกนบอกเขา แต่เพราะในร้านเปิดเพลงเสียงดังมาก ทำให้กั้งไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอกำลังสื่อสารกับเขา
"Hey you, what are you doing? Hey Hey"
ตอนนี้กั้งหูดับไปหมด เขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เขาโกรธเธอมาก และที่สำคัญ เขารู้สึกหึงน้องสาวตัวเองเสียจนหน้ามืด ใจของเขาที่พยายามจะปฏิเสธตัวเองมาตลอดว่า เขานั้นรักแก้มแบบน้องสาว แต่ในใจส่วนลึกแล้ว เขารู้ว่ามันไม่ใช่ เขารักเธอและอยากจะครอบครองเธอมากเพียงใด
"ขึ้นไป" เขาเปิดประตูและกระชากตัวเธอให้ขึ้นไปนั่งบนรถเต็มแรง แทบจะเรียกว่า โยนร่างของเธอเข้าไปเสียมากกว่า ก่อนจะปิดประตูตามหลังเธอดังโครม
ความเมา ความมึน ความงง กำลังบินว่อนอยู่ในหัวสมองของโซเฟีย เธอมองตามเขาที่รีบเดินขึ้นมานั่งประจำที่นั่งคนขับ สตาร์ตรถและกระชากตัวรถออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
กั้งยกมือขึ้นชี้หน้าเธอ ตะโกนใส่หน้าของเธอดังลั่น จนคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นตกใจหน้าซีดเผือด ทำอะไรไม่ถูก คำพูดที่จะพูดออกมาถูกกลืนลงไปในลำคอแทบทันที เธอพยายามนึกและมองหาทางเอาตัวรอดอยู่ตลอดเวลา
โซเฟียมองจ้องหน้าเขากลับไป ดูว่าทำไม ผู้ชายคนนี้ถึงได้โกรธขึ้งเธอมากมายเหลือเกิน เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดออกมาเลย แม้สักคำด้วยซ้ำไป
หญิงสาวสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ แต่ด้วยความเร็วของรถ และการขับรถของกั้งที่ฉวัดเฉวียน ทำให้เธอแทบสำรอกเอาเครื่องดื่มและอาหารที่ได้กินดื่มเข้าไปออกมาเสียทันใด เธอรีบเกาะยึดเบาะรถเอาไว้แน่น ก่อนจะควานหาเข็มขัดนิรภัยมาคาดรัดตัวเองเอาไว้ จากชุมชนไปไม่ไกล เขาหักหัวรถเลี้ยวเข้าไปในที่พักกึ่งโมเตล ที่ผู้พักสามารถเอารถเข้าไปจอดถึงด้านหน้าของห้องพักได้ ที่เมืองนอกบ้านของเธอเรียกว่าโมเตล แต่ที่เมืองไทยเรียก ม่านรูด
เขาเบรกรถเสียงดัง ก่อนจะเปิดประตูลงไป วิ่งอ้อมมาทางที่เธอนั่งอยู่ แล้วเปิดประตูกระชากออก ปลดเข็มขัดที่รัดร่างเธอไว้อย่างรวดเร็ว อุ้มเธอวางพาดบนบ่าพาเธอเข้าไปในห้อง มีผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูห้องรอเอาไว้ก่อนแล้ว
เมื่อเขาวางเธอลงบนเตียง สิ่งแรกที่โซเฟียต้องการ คือ ห้องน้ำ เธอวิ่งเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแทบทันที หญิงสาวโก่งคออ้วกใส่โถส้วมอย่างเอาเป็นเอาตาย
ชายหนุ่มเดินไปจ่ายเงินให้บริกร แล้วหันไปล็อกประตูด้านหน้าแบบแน่นหนา เดินตรงเข้ามาดูสภาพคนที่เขาเรียกว่าน้องสาว สภาพของเธอตอนนี้มันช่างน่าสมเพช
เมื่อเห็นสภาพของเธอ ความโกรธขึ้งยิ่งปะทุหนักเข้าไปอีก เธออาเจียนจนห้องน้ำเลอะเทอะ เสื้อผ้าเธอสวมใส่ก็เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยเศษอาหาร
กั้งพูดไม่ออก เขาขบกรามแน่นจนเส้นเลือดตรงคอปูดขึ้น ตรงเข้าไปดึงสายชำระที่อยู่ใกล้ ๆ ฉีดอัดเข้าไปล้างที่ตัวเธอ สิ่งจำเป็นตอนนี้คือต้องถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนอ้วกของเธอออกให้หมด โซเฟียเริ่มพูดไม่ออก เธอรู้สึกขมในลำคอไปหมด และตัวเธอเองก็รังเกียจอ้วกพวกนี้เสียเหลือเกิน
ร่างกายที่เพลียหนัก เธอนั่งเครื่องมาจากกรุงลอนดอน ลงเครื่องที่สิงคโปร์ แล้วก็ทำแต่งาน หลังจากนั้นนั่งเครื่องต่อมาที่กรุงเทพฯ ลงจากเครื่องบินปุ๊บก็ทำงานปั๊บ ได้พักสักหน่อยก็นั่งเครื่องต่อมาที่เชียงใหม่ ทุกวันเธอเดินทางไปสอบถามตามหาน้องสาวยังสถานที่ต่าง ๆ ความหวังและความอยากเจอจนร่างกายของเธออ่อนล้า
หญิงสาวทิ้งแขนลงข้างลำตัว ปล่อยให้ผู้ชายไทยคนนี้กระทำกับเธอทุกอย่างแบบช่วยตัวเองไม่ได้ เขาชำระล้างให้ ก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่บอกจริง ๆ ตอนนี้เธอแทบไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลย แม้กระทั่งจะขยับริมฝีปากเพื่อพูด เธอก็ยังไม่มีแรง ในใจนึกถึงแต่ที่นอนนุ่ม ๆ เพียงอย่างเดียว อยากจะเอนตัว ล้มหัวลงไปนอนเป็นที่สุด
เขาค่อยๆ ดึงเสื้อผ้าของเธอออก ตอนที่ถอดเสื้อกล้าม เขายิ่งโมโหใหญ่ที่น้องสาวไม่ได้สวมใส่เสื้อชั้นใน