ขาดแคลนน้ำ

2529 คำ
จวิ้นอ๋องหยางหย่งหมิงสั่งให้ทหารรีบแจกจ่ายเสบียงให้ชาวเมือง เพื่อบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้าก่อน “พวกเจ้าเร่งนำเสบียงไปแจกจ่ายให้ชาวเมืองทั้งหลายเถอะ แบ่งออกเป็นหมู่บ้าน ให้หัวหน้าหมู่บ้านรายงานจำนวนครอบครัวของลูกบ้านของตนเอง เพื่อความรวดเร็วและเป็นระเบียบ พวกเจ้าต้องเร่งมือหน่อย และคอยดูแลให้เป็นระเบียบด้วย” จวิ้นอ๋องออกคำสั่งทันที พระองค์เป็นแม่ทัพมาก่อน การจัดการจึงได้เป็นระเบียบและรวดเร็ว ชาวเมืองทั้งหลายรีบลุกไปยืนประจำตามเขตหมู่บ้านตนเองที่ทางการกำหนดให้อย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ ท่านเจ้าเมือง ท่านให้ขุนนางทั้งหลายมาเข้าร่วมประชุมหารือที่จวนว่าการเถอะ ข้าต้องการทราบเหตุการณ์ในตอนนี้ทั้งหมด” “น้อมรับบัญชาพะยะค่ะ”จวิ้นอ๋องพยักหน้ารับและเดินนำขบวนเข้าไปยังศาลาว่าการ องค์ชายรองเดินตามไปโดยไม่ได้กล่าวอันใด มองดูจวิ้นอ๋องรับบทผู้เปี่ยมเมตตาและมากสามารถตามที่เขาแสดงออก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกรำคาญสายตาอีกแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้ว่าไม่ควรหาเรื่องใคร “คุณหนูทั้งหลาย พวกข้าได้เตรียมจวนไว้รับรองพวกท่านแล้ว เชิญตามมาด้านนี้เจ้าค่ะ”ฮูหยินจ้าว นางคือฮูหยินของท่านเจ้าเมือง ที่ได้รอต้อนรับเหล่าผู้มาเยือนอยู่แล้ว เมื่อเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางแยกย้ายไปเร่งหารือกัน นางจึงได้นำพวกคุณหนูทั้งสี่ไปพักผ่อนยังจวนรับรอง จวนรับรองนั้นมีขนาดปานกลาง ล้วนสร้างและตกแต่งอย่างเรียบง่าย เรือนมีจำนวนสามหลังเท่านั้น แบ่งออกเป็นเรือนบูรพา เรือนประจิม และเรือนทักษิณ เหล่าคุณหนูและผู้ติดตามถูกต้อนรับให้พักอยู่ในเรือนประจิม ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรือนบูรพาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ส่วนเรือนหลังสุดท้าย เป็นที่พักของเหล่าขุนนางและผู้ติดตาม ในเรือนรับรองขนาดกลางมีห้องพักขนาดใหญ่หกห้อง เฟิงอวี้หยวนถูกจัดให้พักอยู่ในห้องที่ดีที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ปีกซ้ายด้านในสุด มีสวนขนาดย่อมอยู่ด้านข้าง ในสวนยังมีศาลาเล็กๆตั้งอยู่ ในสวนคงจะงดงามถ้าหากยังมีต้นไม้ดอกไม้เหลืออยู่บ้าง ตอนนี้สวนที่ว่ามีสภาพเป็นเพียงศาลาเปล่า ที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านประดับไว้บังแสงแดดอย่างเรียบง่าย บริเวณโดยรอบว่างเปล่า ขนาดบึงบัวข้างศาลาตอนนี้ก็มีเพียงซากกอบัวเท่านั้น ที่นอนติดพื้นดินแตกระแหงอยู่ยังก้นบึง พอให้เดาได้ว่า อดีตที่แห่งนี้เคยมีน้ำอยู่จริงๆ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านเดินทางมาเหนื่อยๆ เช็ดหน้าตาเนื้อตัวซะหน่อยเจ้าค่ะ จะได้รู้สึกสบายขึ้น” “อืม...ข้าเหนียวตัวมากแล้วจริงๆ” ใจจริงร้อนขนาดนี้นางอยากจะอาบน้ำ แต่น้ำคงมีจำกัด ทุกคนลำบาก นางไม่ควรเรื่องมาก ทันใด อีกด้านของเรือนรับรองก็มีเสียงเอะอะจากห้องคุณหนูเหลียวดังขึ้น ในยามวุ่นวายเช่นนี้ “อะไรกัน! ทำไมการต้อนรับถึงได้แย่ขนาดนี้ ข้าทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ตัวก็เหนียวเหนอะ ข้าต้องการอาบน้ำ!” คุณหนูเหลียวเดินเข้ามา พร้อมเสียงบ่นอย่างไม่พอใจ นางพึ่งมาถึง ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนขนาดนี้ แค่ต้องการอาบน้ำให้สบาย แต่พวกเขาไม่สามารถหาน้ำมาให้นางอาบได้ นางต้องการมาฟ้องเพื่อนของนาง นางไม่เชื่อหรอกว่าคุณหนูเฟิงอวี้หยวนจะไม่มีน้ำให้อาบ! พวกเขาต้องกำลังลำเอียงอยู่แน่ๆ! “อะไรกันเหลียนเออร์ มีสิ่งใดหรือ ใจเย็นๆก่อน” “หยวนเออร์ เจ้าดูสิ พวกเขากำลังรังแกข้า พวกเขาไม่ยอมให้ข้าอาบน้ำ ข้าทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และเหนียวตัวไปหมด เจ้าก็รู้ตลอดสามวันมานี้พวกเราต้องเดินทางรอนแรมลำบากเพียงใด เพื่อรีบมาช่วยเหลือพวกเขา แต่เจ้าดูพวกเขาทำสิ ข้าแค่จะอาบน้ำพวกเขาก็ขัดขวางข้า” คุณหนูเหลียวมองไปยังสาวใช้ของจวนนี้อย่างนึกชัง พวกนางดูสกปรกอีกทั้งยังมีกลิ่นไม่ค่อยดี แบบนี้ใช้ได้หรือ สาวใช้จวนเจ้าเมืองได้แต่ก้มหน้าน้ำตาริน พวกนางไม่ได้จะรังแกคุณหนูผู้สูงส่ง แต่น้ำที่จะให้นางอาบไม่มีจริงๆ ที่นี่ไม่มีใครอาบน้ำมานานมากแล้ว การได้เช็ดเนื้อตัวนั้น เป็นความฝันของพวกนางด้วยซ้ำ แม้พวกนางเอง ยังต้องรอน้ำที่เหลือใช้จากการชำระกายของฮูหยินเพื่อใช้ทำความสะอาดเช็ดเนื้อตัว ซึ่งมีเพียงสามวันครั้งเท่านั้น ยังไม่นับชาวบ้านธรรมดา ที่แม้กระทั่งน้ำขุ่นคลักก็ยังต้องค่อยๆประคองดื่ม เพราะกว่าจะได้มานั้นช่างยากเหลือทน “เรียนคุณหนูทั้งหลาย ข้าฮูหยินจ้าวต้องขอประทานอภัยพวกท่านแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนน้ำอย่างยาวนานทำให้ตอนนี้ น้ำเป็นสิ่งขาดแคลน ทีมีอยู่น้อยนิดนั้นพวกเราได้เตรียมไว้สำหรับดื่มเท่านั้น ตอนนี้บ่อน้ำของเมืองเหลือเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ถือเป็นสมบัติของส่วนรวม ต้องจัดสรรแบ่งปันให้ดี ไม่อย่างนั้นทุกคนจะขาดน้ำกันหมด จวนของเราได้ส่วนแบ่งเพียงวันละถังเท่านั้น เพียงวันนี้มีขบวนเสด็จจึงได้แบ่งปันมาถึงสองถัง ทำให้บางคนทั้งวันอาจจะยังไม่ได้ดื่มน้ำ ด้วยเหตุนี้ การจะอาบน้ำจึงเป็นเรื่องต้องห้ามและเป็นไปไม่ได้เลย ข้าน้อยลำบากใจและอดสูอย่างยิ่ง ที่ให้การต้อนรับท่านได้เพียงเท่านี้ ขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ” ฮูหยินจ้าวที่เร่งรีบเข้ามาทันท่วงที กล่าวน้ำตาคลออย่างอดสูในความทุกข์ยาก ทำเอาคุณหนูเหลียวที่ตอนแรกโมโหโกรธาตอนนี้ต้องน้ำตาคลอ ก็นางไม่รู้ว่าพวกเขาจะลำบากกันขนาดนี้ แววตาที่มองสาวใช้เมื่อครู่ก็อ่อนลง “เอ่อ..อย่าพูดเช่นนั้นเลย ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอก ท่านจัดการได้ดีแล้ว เป็นข้าเองที่ไม่คิดให้ดี ท่านหยุดร้องให้เถอะ ข้าเข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ดุด่าพวกนางอีก” เหลียวชิงเหลียนแม้เอาแต่ใจ แต่ก็พอมีเหตุผล “ฮูหยิน เรื่องช่างร้ายแรงนัก พวกข้าไม่นึกเลยว่าน้ำจะขาดแคลนและแห้งแล้งถึงเพียงนี้ ท่านให้คนพาข้าไปดูบ่น้ำได้หรือไม่” อวี้หยวนเห็นสถานการณ์คลี่คลายแล้วก็เอ่ยเรื่องที่นางสงสัย สถาณการณ์ขาดแคลนน้ำนี่หนักขนาดไหนกัน ผู้คนถึงกับไร้น้ำสะอาดไว้สำหรับดื่มกิน เมื่อได้ยินคำเอ่ยขอ ฮูหยินจ้าวก็เช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนเอ่ยตอบไปตามตรง “ได้เจ้าค่ะ เพียงแต่ระยะทางนั้นไกลนัก บ่อน้ำแห่งสุดท้ายอยู่หมู่บ้านถัดไป วันนี้พวกท่านพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาพวกท่านไปดูแต่เช้า” “ตกลงเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ฮูหยินจ้าว เชิญท่านตามสบายเถอะ” คุณหนูเฟิงและคุณหนูเหลียวจึงเอ่ยลาสตรีอาวุโสสุดในที่แห่งนี้ อย่างมีมารยาท ฮูหยินจ้าวและสองสาวใช้จึงผละออกไปทำหน้าที่ของตนต่อ ตอนนี้จวนแห่งนี้มีคนเพียงหยิบมือ หลายอย่างต้องทำเอง เพื่อให้การต้อนรับครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ฮูหยินเจ้าเมืองได้เชิญฮูหยินของเสมียนและรองผู้ช่วยมาช่วยงานที่จวนด้วย ในห้องพักรับรอง แม้ไม่หรูหราแต่ก็ปัดกวาดเช็ดถูอย่างดี หน้าต่างทุกบานถูกเปิดรับลมร้อนระอุ สาวใช้ต่างช่วยพัดโบกให้หญิงสาวคลายร้อนลง ถึงแม้ไม่ค่อยช่วยอะไร เพราะมันก็ยังร้อนอยู่ดี แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้คุณหนูของตนทนร้อนอย่างนี้ “ที่นี่ทั้งร้อนทั้งแห้งแล้ง ไม่รู้พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร หากคุณหนูไม่ต้องร่วมเดินทางมา ก็คงไม่ลำบากขนาดนี้ อดทนหน่อยนะเจ้าคะ อีกไม่กี่วัน องค์ชายคงจะพาพวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว” คำพูดของสาวใช้ทำนางรู้สึกหดหู่ยิ่งขึ้น นั่นสิ ขนาดนางพึ่งมาถึงยังไม่พ้นวัน ยังรับรู้ได้ถึงความลำบากยากแค้นของชาวเมืองที่นี่ แล้วผู้ที่ต้องอดทนต่อสู้ต่อโชคชะตาอย่างไม่รู้ชะตากรรมอยู่ที่นี่ จะลำบากเพียงใด เมื่อนึกถึงแววตาเปี่ยมหวัง และแววตาหมดหวังของชาวเมืองที่มาต้อนรับพวกนางในวันนี้แล้ว นางรู้สึกอยากช่วยเหลือสิ่งใดพวกเขาได้บ้าง อะไรก็ได้ ที่มากกว่าการนำของมาบริจาคแล้วกลับไป หากเสบียงอาหารที่นำมาหมดลง แล้วฝนยังไม่ตกมาอีกล่ะ ฤดูเพาะปลูกที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาถึง คิดแล้วนางไม่สบายใจเลย หญิงสาวนั่งคิดอยู่สักครู่ก็คิดทำบางสิ่ง นางตัดสินใจแล้ว นางต้องการพบองค์ชายรอง! ***************** ในศาลาว่าการตอนนี้ ขุนนางสิบกว่าคน กำลังคุกเข่ารายงานความเป็นไปของเมืองหมานแห่งนี้ตลอดสองปีที่ผ่านมา “ทูลจวิ้นอ๋อง องค์ชายรอง เมืองหมานฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลตั้งแต่ปีก่อนแล้วพ่ะยะค่ะ ทำให้ผลผลิตไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ตามเป้า ทุกบ้านเรือนต้องอาศัยผลผลิตในยุ้งฉางที่เหลือเพียงเล็กน้อยจุนเจือครอบครัว พวกเขาหวังว่าฤดูฝนถัดไปจะได้ทำการเพาะปลูกพอได้เก็บเกี่ยวผลผลิตบ้าง แต่โชคชะตาช่างโหดร้ายนัก ปีที่แล้วฝนไม่ตกมาเลยสักหยดเดียว การเพาะปลูกมิอาจทำได้ ผู้คนเริ่มอดยาก ในครัวขาดแคลนอาหาร กระหม่อมจึงได้เปิดยุ้งของทางการ แจกจ่ายเสบียงอาหารเพื่อบรรเทาทุกข์ แต่เพียงไม่นานอาหารก็หมดลง อีกทั้งแม่น้ำลำธารทุกแห่งต่างพร้อมใจกันแห้งขอด แม้กระทั่งบ่อน้ำใหญ่ทั้งห้าแห่งของเมือง ก็ไม่มีน้ำอีกต่อไป ตอนนี้เหลือเพียงบ่อเดียวแล้วพะยะค่ะ” “เรื่องร้ายแรงถึงเพียงนี้ เหตุใดพวกท่านจึงไม่ถวายฎีกา” องค์ชายรองกล่าวตำหนิขุนนางที่ปล่อยปละละเลยปัญหามานาน จนเกิดความทุกข์เข็ญอย่างหนัก “หาไม่พะยะค่ะ กระหม่อมถวายฎีกาไปหลายฉบับแล้ว แต่ก็ไร้วี่แวว ข้าน้อยไร้สามารถ ไม่รู้จะทำอย่างไรได้อีกพะยะค่ะ” “เอาเถอะ ปัญหาก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ข้าต้องไต่สวนหาคนผิดที่ละเลยแน่ แต่ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่าเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ขุนนางทั้งหลาย พวกท่านเห็นว่าอย่างไรก็รีบกล่าวมาเถอะ” องค์ชายรองกล่าวตัดขึ้นมา เขาไม่อยากเสียเวลานาน การกล่าวโทษและหาผู้ทำผิดยังไม่จำเป็นต้องทำตอนนี้ เขาต้องการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุด “เรียนองค์ชาย จากสถานการณ์ที่ได้รับรายงานมา ตอนนี้บ่อน้ำเหลือเพียงหนึ่งแห่งและกำลังแห้งขอดลงเรื่อยๆ กระหม่อมคิดว่าควรให้กรมโยธาออกสำรวจหาตาน้ำ แล้วเร่งขุดบ่อเพิ่มเพื่อหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมพะยะค่ะ” ขุนนางที่ติดตามมาไม่ได้จับฉลากมา ย่อมต้องมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่บ้าง แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ วิธีการเหล่านี้เคยทำมาบ้างแล้วแต่มันไม่ได้ผล “ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี พวกเจ้าต้องเร่งลงมือ แต่ก็อาจไม่เพียงพอ ถึงจะมีแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก ชาวเมืองยังต้องการอาหาร” องค์ชายรองกล่าวขึ้นอย่างต้องการคำตอบจากขุนนางเหล่านี้ “ทูลองค์ชาย กระหม่อมเสนอการแลกเปลี่ยนแถบชายแดนพะยะค่ะ หากเดินทางจากนี้ไปยังชายแดนแคว้นตงไห่ใช้เวลาเพียงสามวัน หากสามารถจัดซื้อเสบียงจากชายแดนได้ ก็พอจะแก้ไขปัญหาปากท้องไปสักระยะ จนกระทั่งฝนมาพะยะค่ะ” “นับเป็นแนวทางที่ดีเช่นกัน แต่การจะเดินทางไปเจรจา ฝ่ายนั้นย่อมต้องการข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่มีวันขาดทุน หากเพลี่ยงพล้ำเจ้าจะทำอย่างไร” จวิ้นอ๋องที่เงียบมาสักพักกล่าวขึ้น เขาเป็นทหารย่อมรู้จักเรื่องเขตชายแดนดี ถึงตอนนี้ทุกคนที่กำลังพยักหน้าเห็นด้วยกับแนวคิดข้างต้น ก็ต้องชะงักจากคำถามของจวิ้นอ๋อง นั่นสิ ใช่ว่าไปขอแบ่งแล้วเขาก็จะให้ซะเมื่อไหร่ หากเขามีข้อเรียกร้องที่ได้ไม่คุ้มเสีย การเจรจาย่อมล้มเหลว “จริงดังจวิ้นอ๋องกล่าว กระหม่อมได้จัดขุนนางเดินทางไปเจรจาขอซื้อเสบียงบ้างแล้ว พวกเขากดราคาอย่างหนักและไม่ยอมขายให้ในที่สุดพะยะค่ะ” เจ้าเมืองหมานกล่าวยืนยันอีกเสียง “แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ข้าคิดว่าควรส่งคนไปเจรจาซื้อขายในนามของพ่อค้าเร่ หาผู้ชำนาญ ถึงราคาอาจจะแพงกว่าปกติ แต่ก็เป็นธรรมดาของยุคขาดแคลน แถบนี้ไม่มีฝนตกมานาน และเมืองนี้ก็อยู่ห่างไกลจากเมืองอื่นหลายร้อยลี้ การเดินทางไปซื้อเสบียงจากแคว้นตงไห่ เป็นตัวเลือกที่ดี เพื่อป้องกันการสงสัย ควรซื้อมาครั้งละไม่มาก แต่ซื้อบ่อยๆก็พอ” องค์ชายรองยังยืนยันแนวคิดเดิม “ทูลองค์ชาย นับว่าเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดแล้วในขณะนี้ กระหม่อมจางซานผู้นี้ขออาสารับหน้าที่นี้เองพะยะค่ะ กระหม่อมเคยเดินทางค้าขายระหว่างชายแดนแคว้นตงไห่มานาน พอทราบเส้นทางและผู้ติดต่อการค้าบ้าง” จางซานเป็นขุนนางฝ่ายตระกูลเฟิง เขามีเส้นสายการค้ามากมายและตระกูลของเขาทำการค้าให้ตระกูลเฟิงมาช้านานแล้ว เรื่องนี้นับเป็นเรื่องถนัด “ดี งั้นข้ามอบเรื่องนี้ให้ท่านดูแล หากต้องการสิ่งใดเพิ่ม ให้บอกเจ้าเมืองได้เลย เจ้าเมืองหมาน! ท่านต้องทำงานร่วมกับเขาและอำนวยความสะดวกจนกว่าการเพาะปลูกจะสามารถทำได้ตามปกติ” “รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ ข้าน้อยจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” องค์ชายรองและขุนนางฝ่ายเขาได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ทันท่วงทีและเป็นไปได้ แสดงให้เห็นว่าขุนนางที่สนับสนุนฝ่ายองค์ชายรองนั้นมีประสิทธิภาพ สมกับตำแหน่งที่ครอบครอง ส่วนขุนนางฝ่ายองค์ชายใหญ่นั้นมีเพียงขุนนางฝ่ายการทหาร ยังไม่คุ้นเคยกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแบบนี้ ถ้าหากเป็นเรื่องวางกลยุทธ์กับต่อยตีผู้คนก็โปรดไว้ใจพวกเขาเถอะ รองแม่ทัพไป๋แทบจะเสนอแนวทางไปตีเอาเสบียงอยู่แล้ว ดีที่เขายังพอคิดได้บ้างว่า หากไม่มีสมองก็ให้ปิดปาก เมื่อการหารือการแก้ปัญหามีทิศทางที่แน่ชัดแล้ว ทุกฝ่ายก็พูดคุยถึงการตามหาแหล่งน้ำต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม