Aid & Kivi
3
ร่างบางที่รู้สึกตัวก็ค่อยๆ ขยับตัวไปมาแต่รู้สึกถึงหัวตัวเองที่เจ็บจนใบหน้าหวานต้องบิดหน้าไปมาอย่างเจ็บปวด กีวี่ลืมตาขึ้นมามองเพดานห้องก็ต้องงุนงง เพราะห้องของเธอไม่ใช่โทนสีเทาแต่นี่มันห้องใครกัน? ใบหน้าของเธอหันไปมองร่างหนาของอิฐที่กำลังหลับอยู่ก็ตกใจทันที
“คะ คุณ!! อะ โอ๊ย...”
“หือ? กะ กีวี่ เจ็บเหรอครับ?” อิฐที่รู้สึกตัวก็รีบลุกขึ้นจับร่างเล็กทันที กีวี่ส่ายหน้าไปมาแล้วมองตัวเองที่สวมเสื้อเชิ้ตไม่ใช่เสื้อของตัวเองก็เงยหน้ามองร่างสูง อิฐที่เห็นแบบนี้ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“คุณไม่ต้องห่วงนะ เมื่อคืนผมให้หมอกับพยาบาลมาทำแผลให้คุณ... และวานคุณพยาบาลให้ช่วยเปลี่ยนชุดให้ ส่วนชุดของคุณผมให้แม่บ้านเอาไปซัก วางอยู่ที่ตะกร้าตรงนั้น” กีวี่มองไปที่ตะกร้าที่อิฐชี้และหันมามองเขาที่เสยผมตัวเองขึ้น ก่อนจะหน้าร้อนทันทีที่เห็นซิกแพ๊คหนาและรอยสักของเขา
“ขอบคุณค่ะ...”
“เอาเป็นว่าคุณก็ไปล้างหน้า ล้างตา... ผมจะไปเข้าห้องน้ำห้องด้านล่าง”
“...”
“ผมเตรียมของทุกอย่างไว้ในห้องน้ำแล้ว คุณวางใจได้” อิฐมองกีวี่ที่พยักหน้ารับ และตัวเขาก็เดินไปหยิบกางเกงห้าส่วนสีดำในตู้ออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาว เดินออกจากห้องทันทีปล่อยให้กีวี่นั่งอยู่แบบนั้น... เธอครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็พาให้น้ำตาไหลออกมาทันที ถ้าเขาไม่ไปช่วยเธอมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้? เธอจะตายตามแฟนไปใช่ไหม ไฟนอลร้ายกาจมานานเธอรู้ดีว่าคนอย่างเขาต้องทำให้เธอเจ็บปวดแน่ๆ ร่างเล็กลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปมองตัวเองในกระจกก็พาให้หัวใจที่พยายามเข้มแข็งต้องอ่อนยวบอีกครั้ง อิฐที่เข้าไปอาบน้ำอีกห้องก็ออกมาจัดการทำข้าวต้มให้กีวี่ และใช่วันนี้เขาจะต้องถามเธอให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างหนามองกีวี่ที่เดินจับราวบันไดลงมาอย่างช้าๆ จนเขาที่เตรียมอาหารอยู่ รีบวิ่งไปยื่นมือให้เธอจับ
“ฉันโอเค...”
“มาเถอะครับ คุณยังไม่หายนะ” กีวี่มองมือหนาที่ยื่นอยู่แบบนั้นก็เลยถอนหายใจออกมา แล้วยื่นมือไปวางที่มือหนาทันที อิฐประคองร่างบางให้เดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร...
“ผมทำข้าวต้มหมู คุณทานก่อนนะจะได้ทานยา... เสร็จผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“เออ ไม่เป็นไรคุณอิฐ ฉันรบกวนคุณมามากแล้ว... ไปส่งฉันที่ร้านเถอะค่ะ”
“ไม่ได้ ผมต้องพาคุณไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คสมองก่อน”
“แต่ว่า...”
“เชื่อผมนะครับกีวี่ ให้ผมพาคุณไปหาหมอและผมจะพาคุณกลับร้านทันทีเลย” อิฐมองร่างเล็กด้วยสายตาอ้อนวอนเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นห่วงเธอมาก หลังจากกินข้าวกันเสร็จอิฐก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กีวี่ก็ใช้เวลาที่รอเขาเดินสำรวจไปรอบๆ คอนโดชั้นล่าง เธอหยิบกรอบรูปที่มีรูปของเขา และอีกภาพก็คงจะเป็นรูปครอบครัวของเขาที่มีคุณหญิงอิสราและชายสูงวัยอีกคนคงจะเป็นคุณพ่อของเขา สายตากลมมองไปที่กรอบรูปอีกภาพก็ยิ้มออกมาทันที กับใบหน้าหล่อของโชที่เธอรู้จักดี กำลังกอดคอกับอิฐ รูปนี้ทั้งสองคนยิ้มกันจนเธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
“รูปนั้นเป็นรูปตอนที่ผมกับไอ้โชเพิ่งเริ่มรู้จักกันครับ...”
“เหรอคะ ถึงว่าดูพวกคุณทั้งสองคนจะยังรุ่นๆ อยู่”
“พูดแบบนี้ คุณว่าผมแก่เหรอกีวี่?”
“อ่ะ เปล่านะ ฉันเปล่าหมายความแบบนั้น” กีวี่โบกมือไปมามองอิฐที่เดินมา พร้อมกับแต่งตัวด้วยชุดธรรมดาแต่มันดูดีมาก เขาสวมแค่เสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาเดฟสีดำ ผมสีดำของเขาก็มัดไว้ที่ท้ายทอย
“ผมล้อเล่นนะ ไปเถอะครับ” อิฐยิ้มแล้วเดินนำร่างเล็กไปแต่กีวี่ก็เกิดอาการวูบทันที จนร่างเล็กเซพิงกับโซฟา... อิฐหันไปมองก็ต้องตกใจทันที วิ่งเข้าไปประคองร่างเล็ก
“คุณโอเคไหม?”
“อะ อืม แค่มึนนิดหน่อย...” ร่างเล็กหันไปยิ้มให้เขาก่อนจะฝืนตัวเองเดินออกจากห้อง อิฐมองตามด้วยความเป็นห่วง กีวี่เป็นผู้หญิงที่หวงตัวสุดๆ เป็นผู้หญิงในแบบที่เขาไม่เคยเจอ เป็นผู้หญิงที่ไม่สนใจใครและไม่เรียกร้องอะไร ถึงแม้ตัวเองจะเจ็บจนเดินไม่ไหว อย่างที่โชพูดไว้ไม่มีผิด... ร่างหนาเดินไปประชิดร่างเล็กจนกีวี่เงยหน้ามองเขา
“มีอะไร... อ่ะ คุณอิฐ!!”
“ผมอุ้มคุณดีกว่า... ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมจำเป็น”
“คะ คุณปล่อยฉันเถอะ ฉันเดินเองได้นะ”
“ถ้าคุณเดินเอง เราคงถึงโรงพยาบาลพรุ่งนี้เช้า”
“อะ เออ...”
“แป๊บเดียวครับ ลงลิฟต์ไปที่ลานจอดรถก็ถึงรถผมแล้ว” กีวี่ได้แต่ตกใจคว้าคอหนาไว้แน่น ก่อนจะเงยหน้ามองเขาที่เดินตรงเข้าลิฟต์ไป โดยช้อนตัวเธออุ้มอยู่แบบนั้น... ใบหน้าหล่อก้มลงมองใบหน้าหวานที่นิ่งจนเขายิ้มออกมาแล้วกระชับแขนแน่นขึ้น ทำให้ใบหน้าของกีวี่ใกล้ชิดกับเขา
“ผมกลัวคุณตก...”
“ถ้ากลัวก็ปล่อยฉันลงสิ คุณไม่หนักเหรอ?”
“ไม่นะ คุณตัวเบาดี” อิฐยิ้มออกมาทำให้กีวี่เบือนหน้าหนีทันที บ้าจริง... เขาคิดอะไรของเขาอยู่เนี้ย ลิฟต์ไล่ลงมาจนถึงชั้นจอดรถวีไอพี อิฐก็ยังคงอุ้มกีวี่มาถึงรถปอร์เช่ของตัวเองก่อนจะพาให้เธอเข้าไปนั่งทันที ร่างหนาเข้ามานั่งในรถก็เห็นกีวี่กุมหัวตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ จนกีวี่ตกใจหันหน้ามา
“อ่ะ...”
“!!!” ใบหน้าของกีวี่ชนกับใบหน้าของอิฐทันที ร่างเล็กเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ไม่ต่างจากอิฐที่ริมฝีปากเฉียดริมฝีปากบาง ลมหายใจร้อนๆ รดกันไปมา... หัวใจของอิฐเต้นระรัวที่มองใบหน้าของกีวี่ชัดๆ
“คะ คือฉันคาดเอง...”
“ขอโทษครับ” ร่างหนาถึงกับไปไม่ถูก ก่อนจะหันไปทำหน้าที่ขับรถไปโรงพยาบาลทันที ส่วนกีวี่ก็หันหน้าออกไปด้านนอกเพราะอาการปวดหัวของเธอยังคงมีอยู่ รถปอร์เช่มาจอดที่โรงพยาบาลแล้ว อิฐมองบุรุษพยาบาลที่เอารถเข็นวีลแชร์มาพากีวี่ไปที่ห้องหมอ เพราะเขาโทรบอกกับหมอประจำตระกูลตัวเองไว้แล้ว... อิฐยืนมองกีวี่ที่ตอนนี้กำลังเข้าสแกนสมองด้วยเครื่องสแกนคอมพิวเตอร์ ตรวจร่างกายและสมองเสร็จอิฐก็เดินไปหาหมอทันที
“ครับคุณอิฐ คุณกีวี่... ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ สมองก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่หมอเป็นห่วงก็คือเธอยังคงมีอาการปวดหัวอยู่ และมีอาการหน้ามืดเป็นเพราะแผลที่ยังคงหายไม่สนิท”
“แล้วเราจะช่วยเธอยังไงได้ครับ ถึงจะหายจากอาการนี้?”
“ก็หมออยากให้คุณกีวี่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักวันสองวันก่อน รอดูอาการเพราะเธอจะได้ทานยาได้ตรงเวลา และล้างแผลบ่อยๆ”
“งั้นก็จัดการเลยหมอ...”
“แต่คุณกีวี่เธอไม่ยอมนะครับ”
“ห๊ะ!! ทำไมล่ะหมอ เขาได้บอกไหม?”
“เปล่าครับ แค่บอกว่าเกรงใจคุณอิฐ... ก็เลยให้ผมจัดยาให้ก็เท่านั้น” อิฐที่ได้ฟังถึงกับถอนหายใจออกมาทันที เสยผมตัวเองขึ้นไปอย่างหงุดหงิดทันที
“เวลาแบบนี้จะมาเกรงใจอะไร?”
“คุณอิฐว่าอะไรนะครับ...”
“เออเปล่าครับ เอาเป็นว่ากีวี่จะพักรักษาตัวที่นี่ตามที่หมอบอก... จัดห้องให้เธอได้เลยครับ ผมคุยกับเธอเอง” ร่างหนามองหมอที่พยักหน้ารับก่อนจะหันไปสั่งพยาบาลให้เตรียมห้องให้กีวี่ ส่วนร่างหนาก็เดินไปตามทางที่ตอนนี้บุรุษพยาบาลกำลังเข็นร่างเล็กมา
“คุณไปส่งฉันที่ร้านเลยใช่ไหม?”
“อืม ผมเข็นเองครับ” อิฐเข็นรถมาเรื่อยๆ จนกีวี่ขมวดคิ้วทันทีเพราะอิฐเข็นรถมาจนถึงห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จนร่างเล็กถึงกับเงยหน้ามองเขา
“คุณอิฐ...”
“หมอบอกให้คุณพักรักษาตัวสองวัน?”
“แต่ว่าฉันหายแล้ว ฉันมีงานต้องทำนะ ร้านฉัน...”
“โอเค เอางี้นะคุณพักรักษาตัวไปก่อน เรื่องชุดที่คุณจะตัดให้ผมกับสิตา ผมจะเคลียร์เอง”
“แต่ว่าฉันไม่...”
“อย่าปฏิเสธเลยกีวี่ คุณโดนทำร้ายมาหนักมากนะ...”
“...”
“ให้ผมได้ดูแลคุณเถอะ แค่นี้ก็ยังดี” กีวี่มองสบตากับอิฐที่พยักหน้าให้อย่างยิ้มๆ จนเธอถึงกับไปไม่ถูก... คำพูดมันเหมือนเขามากไปไหม? เหมือนแฟนซีไม่มีผิด ดวงตากลมโตถึงกับน้ำตาคลอทันที จนอิฐขมวดคิ้วนั่งลงตรงหน้าเธอ
“กีวี่...”
“...”
“คุณมีอะไรทุกข์ใจ หนักใจ คุณบอกผมได้นะ... อย่างน้อยเห็นว่าผมเป็นเพื่อนของคุณอีกคนก็ได้” อิฐเอื้อมมือไปวางบนมือเล็กที่กุมกันอยู่ แต่กีวี่ก็เลือกที่จะดึงมันออกมาทำให้อิฐชะงักไปทันที
“เปล่า ฉันไม่มีอะไร”
“จะไม่มีได้ไง ในเมื่อ...”
“คุณจะให้ฉันพักไม่ใช่เหรอ? ฉันอยากพักแล้ว” กีวี่มองอิฐที่จะพูดเรื่องของไฟนอลก็เป็นอันต้องชะงักไป ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วพาร่างเล็กเข้าห้องไป ก่อนจะมองพยาบาลที่กำลังเตรียมทุกอย่างให้เธอ อิฐฝากพยาบาลช่วยดูกีวี่ด้วยเพราะเขาต้องไปทำธุระเรื่องร้านของเธอและเรื่องตัดชุด ร่างหนาขับรถมาที่ร้านของกีวี่ก็เห็นพนักงานนั่งรอกันอยู่
“พวกคุณคือพนักงานของกีวี่ใช่ไหม?”
“ค่ะ คุณกีวี่ไปไหนเหรอคะ?”
“คือกีวี่ป่วยนิดหน่อยนะครับ สองสามวันถึงจะหาย... ผมเป็นเพื่อนเธอ ก็เลยอาสามาบอกพวกคุณ”
“อ๋อค่ะ ถ้าไงฝากบอกคุณกีวี่ให้หายป่วยเร็วๆ นะคะ” อิฐมองพนักงานที่ยิ้มให้เขาและเดินจากไป ร่างหนาเลยหันไปเปิดประตูรถและหยิบป้ายปิดร้านมาแปะไว้ ก่อนจะขับรถตรงไปที่บ้านของตัวเองก็ต้องขมวดคิ้วทันที เพราะรถตู้ของใครไม่รู้มาจอดอยู่
“แม่อยู่ไหน?”
“มาดามกำลังคุยกับคุณสิตาที่ริมสระน้ำครับผม” ร่างหนาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองที่นานทีปีหนจะมาเหยียบสักที อิฐเดินตรงไปที่สระน้ำก็เห็นแม่ของเขากำลังคุยอยู่กับสิตา ซึ่งแน่นอนมันทำให้เขาหงุดหงิดจริงๆ กับสิ่งที่แม่กำลังจะยัดเยียดให้เขา
“แม่...”
“อ้าวอิฐ มาได้ไงลูก... แหมพอดีเลยหนูสิตามาหาแม่ เอาชามาฝาก”
“แล้วไงครับ?” อิฐมองแม่ตัวเองที่ทำหน้าเหวอทันทีที่เขาพูดออกมาแบบนี้ สิตาที่เห็นอิฐก็ยิ้มออกมาทันทีและแน่นอนเธอจะต้องแต่งงานกับอิฐให้ได้ ร่างเล็กลุกขึ้นเดินไปควงแขนอิฐให้เดินมานั่งทันที
“พี่อิฐลองทานชาสิค่ะ สิตาชงเอง...”
“พี่ไม่ชอบ อีกอย่างผมมีเรื่องจะคุยกับแม่”
“เสียมารยาทนะอิฐ!!”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า พี่อิฐคงมีธุระคุยจริงๆ งั้นสิตาขอตัวนะคะ”
“ไม่ต้องไปไหนหรอกสิตา” คุณหญิงอิสรามองหน้าลูกชายของตัวเองที่ตอนนี้สีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ เลยที่ผู้หญิงเพียบพร้อมอย่างสิตามาอยู่เคียงข้างแบบนี้ นี่ลูกชายเธอเป็นเกย์หรือเปล่า?
“มีอะไรเหรอตาอิฐ?”
“เรื่องห้องเสื้อ Green Kivi...”
“ทำไม? หนูกีวี่ทำไม” อิฐมองหน้าแม่ตัวเองที่เรียกชื่อของกีวี่อย่างสนิทสนม จนสิตาเองก็งงไม่แพ้กัน...
“แม่รู้จักกีวี่ด้วยเหรอ?”
“ก็รู้จัก หนูกีวี่เป็นแบรนด์เสื้อผ้าให้แม่นะ... เสื้อผ้าที่แม่ใส่อยู่เนี้ยก็แบรนด์ของหนูกีวี่ แกต่างหากรู้จักหนูกีวี่ได้ไง?”
“กีวี่เป็นเพื่อนกับไอ้โช”
“เหรอ? แม่ไม่รู้เลยนะว่าหนูกีวี่จะเป็นเพื่อนกับโช คนใกล้ตัวทั้งนั้นเลยนะ” คุณหญิงอิสรายิ้มทันทีแต่เป็นสิตาที่รู้สึกเหมือนตัวเองจะดูเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้
“งั้นผมเข้าเรื่องเลยแล้วกัน พอดีกีวี่ป่วย... เรื่องเสื้อที่จะให้กีวี่ตัดคงต้องเลื่อนไปก่อน”
“แล้วพี่รู้ได้ไง!!” สิตาตะโกนออกมาทันทีทำให้อิฐกับคุณหญิงอิสราถึงกับตกใจ สิตาที่รู้สึกตัวก็ยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับข่มอารมณ์ตัวเองให้นิ่งไว้
“กีวี่ป่วยและผมก็ช่วยเธอไว้...”
“ตายจริง งั้นแม่ไปเยี่ยมได้ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปเยี่ยมเธอเองเพราะเธอไม่มีใคร ผมจะมาบอกแม่แค่นี้ล่ะ...” อิฐยักไหล่อย่างนิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกมือของแม่ตัวเองจับไว้
“ไปส่งหนูสิตาด้วยสิลูก...”
“สิตามีคนขับรถมานี่ครับ”
“!!!”
“ผมไปก่อนนะแม่ สวัสดีครับ” ร่างหนายกมือไหว้แม่ตัวเองและเดินจากไปทันที สิตาถึงกับเหวอแล้วเหวออีกกับอาการเฉยชาของอิฐ คุณหญิงอิสราถึงกับหันไปมองสิตาที่ยิ้มให้แต่ความจริงแล้วเธอโกรธอิฐมากซะจนอยากจะตามเขาไปจริงๆ ด้านอิฐก็ขับรถออกมาทันทีตรงไปที่คอนโดเพื่อเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า แวะซื้อของกินไปด้วยจนเยอะ ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นกีวี่กำลังขีดเขียนอะไรอยู่
“คุณทำอะไร?”
“คือฉันเบื่อๆ ก็เลยออกแบบชุดนะ”
“หมอบอกให้คุณพัก...” อิฐเดินไปหยิบกระดาษจากมือกีวี่ออกทันที ร่างเล็กเลยได้แต่ถอนหายใจออกมามองของที่วางอยู่ที่โซฟาก็ขมวดคิ้วทันทีอย่างมึนงง
“ของอะไร? ทำไมเยอะจัง”
“อ๋อก็กระเป๋าเสื้อผ้าผม และก็ของกิน... คุณหิวยัง? พยาบาลเอาข้าวมาให้ยังล่ะ” กีวี่ส่ายหน้าไปมามองอิฐที่เดินหายเข้าไปในห้องพักญาติที่ในนั้นมีทั้งครัวเล็กๆ และที่นอน ก่อนที่ร่างหนาจะเดินออกมาพร้อมกับถ้วยโจ๊กในมือ
“ทานโจ๊กก็แล้วกันนะ... เพื่อคุณจะหิว เดี๋ยวผมระงับอาหารที่ห้องของคุณเอง”
“คือคุณอิฐ ฉัน...”
“มีอะไรครับ? ปวดหัวเหรอ หรือว่ายังไง” อิฐมองกีวี่ที่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะตักโจ๊กกินทันที จนกระทั่งค่ำลงกีวี่ก็ต้องกินยาและใช่เธอเองก็เลือกที่จะมองร่างหนาที่กำลังโทรคุยกับลูกน้องเรื่องส่งอาวุธอะไรสักอย่าง ก่อนจะวางสายไป
“คือคุณไปทำงานเถอะนะ ฉันอยู่ได้...”