ตอนที่ 4 พาเมียเข้าโรงแรม (2)

2006 คำ
ตอนที่ 4 พาเมียเข้าโรงแรม (2) "พี่ปราบต์ใส่แทนตัวที่เปียกสิคะ เดี๋ยวก็หนาวแย่หรอก" พิมพ์ณาราถอดเสื้อคลุมยื่นให้อีกฝ่ายหลังจากเข้ามานั่งในรถ เพราะเธอเห็นเขาเปียกปอนอยู่ฝ่ายเดียว จากการที่เสียสละเสื้อกันฝนมาให้เธอ แทนที่เขาจะรับมันไปกลับใช้มือดันกลับมาเพื่อให้เธอสวมเอาไว้ตามเดิม "เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว น้องเพื่อนใส่เอาไว้น่ะดีแล้ว ให้มันรู้ไปว่าพี่จะไม่สบายเพราะมาตามคนดื้อรั้นกลับบ้าน" ชายหนุ่มทำหน้างอน ขณะเหยียบคันเร่งเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน จนพิมพ์ณาราต้องรีบแก้ตัว เพราะกลัวเขาจะไม่พอใจและเข้าใจผิด "เพื่อนขอโทษนะคะที่ออกมากับสารวัตร ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้" "น้องเพื่อนไว้ใจคนเกินไป ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดอะไร ไม่แน่นะ ถ้าสารวัตรเป็นฆาตกรขึ้นมาจะทำยังไง" เขาพูดหน้าหน้าตาเฉย จนคนฟังอดที่จะหัวเราะกับความคิดแผลงๆ นั่นไม่ได้ "พี่ปราบต์ก็ไปใส่ร้ายสารวัตร ดูหนังฝรั่งมากไปมั้ยคะ" “ก็ทีหลังจะได้กลัว จะได้ไม่ต้องออกมาอีก" ยังไม่ทันที่พิมพ์ณาราจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของปฐพีก็ดังขึ้น เธอเห็นเขากดรับและคุยกับปลายสายอยู่สักครู่ ก็พอจะจับใจความได้ว่า เกิดความไม่ปกติขึ้น อันมาจากการที่พายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในวันนี้ "หม่องซามันโทร.มาบอก ว่ามีต้นไม้ล้มขวางทางข้างหน้า เลยถามข่าวว่าเราอยู่ไหนกันแล้ว" ชายหนุ่มผ่อนคันเร่ง ขณะหันมาบอกหญิงสาวข้างกาย เขาเองก็กำลังคิดไปพร้อมกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป "อ้าว เหรอคะ แล้วเราจะกลับบ้านยังไง" หญิงสาวทำหน้าตื่น เพราะมันเป็นเส้นทางหลักที่จะใช้กลับบ้าน หากเปลี่ยนไปใช้เส้นอื่น ก็ต้องขับรถอ้อมนับว่าไกลพอตัว “นั่นสินะ ทำยังไงกันดีล่ะ" สีหน้าของคนพูดกับน้ำเสียงฟังดูไม่ได้ร้อนรนเลยสักนิด ซ้ำยังหันมายิ้มกับเธอแบบแปลกๆ อีกด้วย เหมือนเขามีแผนสำรองเอาไว้ในใจ "อ๊ะ! เดี๋ยวสิ จะไปไหนคะ" หญิงสาวทำหน้างุนงง เมื่อคนขับไม่ได้ไปยังเส้นทางที่ใช้กลับบ้าน เขาตัดสินใจแยกเข้าเส้นทางย่อยเพื่อเชื่อมไปยังถนนเส้นอื่น แต่เธอเองก็คาดเดาไม่ได้ เพราะเส้นที่ว่ามันเป็นเส้นวกกลับไปทางเก่า ไม่ใช่เส้นที่จะทะลุไปถึงบ้านของเธอได้ "ถนนถูกตัดขาดแบบนี้ พี่คงไม่นั่งหนาวเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่มายกต้นไม้ออก หรือคงจะไม่ขับอ้อมโลกให้เปลืองน้ำมัน เพราะฉะนั้น… เรา...จะไปนอนโรงแรมกัน!" "โรงแรม! ไม่นะคะ ไม่เอา เพื่อนจะกลับบ้าน" "น้องเพื่อนกลัวอะไร กลัวว่าพี่พาเข้าโรงแรมแล้วจะทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นเหรอ ที่จริงก็ไม่ต่างกันหรอกนะ จะที่บ้านหรือโรงแรม เพราะหากพี่จะทำ น้องเพื่อนก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว!" ถ้อยคำของปฐพีทำให้หญิงสาวฉุกใจคิด จริงของเขาที่ว่าหากเขาจะทำก็คงไม่ปล่อยให้รอดมาจนทุกวันนี้ และนั่นทำให้ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาเล่นงาน เพราะรู้ดีว่าที่เขาไม่ยอมปล่อยให้สัมพันธ์รักเกิดขึ้นเพราะเขาไม่ได้รักเธอ และไม่มีใครมาแทนที่รักในอดีตของเขาได้ "เพื่อนรู้ดีค่ะ ว่าทำไมพี่ปราบต์ถึงไม่ทำ" หญิงสาวเบือนหน้าไปนอกกระจกรถ มองผ่านม่านฝนที่ยังคงโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง บดบังทัศนวิสัยจนพร่าเลือน มองแทบไม่เห็นหนทางที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ต่างอะไรกับชีวิตเธอ ที่ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางใด หญิงสาวคิดอย่างเจ็บปวด "ที่นั่นอาหารอร่อย มื้อเย็นเราก็ฝากท้องไว้กับโรงแรมเลยก็แล้วกัน" ปฐพีแสร้งเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขารู้ทันในท่าทีแปลกไปของคนข้างกาย แม้เขาจะไม่แน่ใจตัวเองว่าทุกวันนี้คิดอย่างไรกับเธอ แต่ก็ไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้ "การอยู่โดยไม่ได้หัวใจนี่มันทรมานดีนะคะ แม้จะมีความสุข แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่บอกใครไม่ได้" "แต่น้องเพื่อนก็เลือกที่จะบอกคุณตฤณ" เขาวกเข้าเรื่องเดิม เมื่อรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียดื้อๆ "เขาคงเป็นคนเดียวที่รับฟังมั๊งคะ แต่ตอนนั้นเพื่อนอาจทำลงไปโดยคิดตื้นๆ เกินไป ก็เลยนำปัญหาไปสุมไว้กับคนอื่น" "ทุกคนก็เหมือนกันหมด เข้าใจคนอื่น แต่ไม่เข้าใจอยู่เรื่องเดียว คือหัวใจตัวเอง" "พี่ปราบต์ว่าใครคะ หรือว่าคุณตฤณ" "พี่ก็พูดโดยรวมไม่ได้เจาะจง หรือว่าน้องเพื่อนเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนอื่น" ชายหนุ่มเริ่มฟาดงวงฟาดงา เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูเดือดเนื้อร้อนใจ หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนไปทำให้เขาเริ่มหึงหวงเธอขึ้นมา จากที่แต่ก่อนไม่เคยใส่ใจว่าเธอจะคุยกับใคร ชายหนุ่มเฝ้าถามใจตัวเอง "แล้วพี่ปราบต์ล่ะคะ รวมอยู่ในประเภทนั้นหรือเปล่า" หญิงสาวไม่ตอบ แต่เลี่ยงไปพูดประเด็นอื่นแทน "แม้อาจไม่แน่ใจว่ารักหรือไม่ แต่ที่พี่รู้ก็คือเคยห่วงอย่างไร เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอย่างไร ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม ทุกวันนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังเหมือนเดิม...ไม่เคยหายไป" พิมพ์ณารานิ่งเงียบ เธอไม่ต้องการคำอื่นนอกจากคำว่ารักคำเดียวเท่านั้น รอว่าเมื่อไหร่จะได้ยินเขาพูดมันออกมา แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูด นี่คือความทรมานที่ไม่มีใครเข้าใจมากกว่าเธออีกแล้ว "เป็นห่วงในฐานะอะไรคะ หรือแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น" "จะฐานะอะไรก็ตาม มันก็ไม่สำคัญเท่ากับที่พี่ดูแลน้องเพื่อนได้ดีแค่ไหน หากเอ่ยแต่คำรัก แต่การกระทำกลับสวนทาง อย่างไหนจะเจ็บปวดกว่ากัน น้องเพื่อนลองคิดดู" "พี่ปราบต์น่าจะรู้ดี ว่าการรักอยู่ฝ่ายเดียวนั้นเป็นอย่างไร" สิ้นเสียงของคนพูด สายตาคู่คมตวัดมองมาราวถูกจี้จุดอย่างจัง พิมพ์ณารารีบหลุบตาลงต่ำ เมื่อรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจที่เธอเอ่ยออกมาเช่นนั้น "เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ พี่ไม่อยากคุย" บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงันขึ้นมาทันที เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าเพราะอะไร ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ลืม เพียงแค่ลองหยั่งเชิงเขาก็แสดงความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้าและแววตา พิมพ์ณาราคิดด้วยหัวใจที่ร้าวรวด เมื่อรักของเธอไม่อาจรั้งหัวใจของเขาให้มาหาเธอได้ "เดี๋ยวน้องเพื่อนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน พี่จะได้เรียกคนมารับเสื้อผ้าไปซักแห้ง" ปฐพีเอ่ยขึ้นมาพลางเลื่อนบานประตูห้องน้ำที่ออกแบบเป็นกระจกยาวจรดเพดาน เพื่อมองหาผ้าเช็ดตัวที่เขาและพิมพ์ณาราจะต้องพึ่งมันแทนเสื้อผ้าชุดเดิมไปชั่วคราวก่อน ด้วยสภาพของเขานั้นทำให้ไม่สะดวกที่จะมัวไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยน ชายหนุ่มจึงมุ่งตรงมาที่โรงแรมเลย อย่างน้อยเขาก็ยังพอจ้างทางโรงแรมให้ซักแห้งให้เป็นการด่วน และยังมีเวลาตั้งหลักเพื่อที่จะคิดถึงแผนในช่วงค่ำ เพราะถึงอย่างไรก็คงจะไม่ขับรถอ้อมกลับบ้านในคืนนี้แน่นอน "เอ่อ..." พิมพ์ณารามองไปยังห้องน้ำ ที่ถูกออกแบบขึ้นมาโดยใช้วัสดุเป็นกระจกทั้งแผ่น ด้วยเป็นห้องสวีทสำหรับคู่ฮันนีมูนโดยเฉพาะ พลางทำหน้ากระอักกระอ่วน ขณะอีกฝ่ายทำหน้าพยักพเยิดให้เธอรีบเข้าไป "ไปสิ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี" "ห้องอื่นไม่มีเหรอคะ ที่ห้องน้ำมันมิดชิดกว่านี้ " หญิงสาวยังคงบ่ายเบี่ยง ก็จะให้เธอกล้าอาบไปได้อย่างไร หากเธอยอมทำตามที่เขาออกคำสั่ง เขาก็คงจะต้องเห็นเธอในสภาพเปลือยเปล่าอย่างแน่นอน หญิงสาวคิดขณะเริ่มที่จะหวาดหวั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำเหมือนกับว่าเขาและเธอไม่ใช่สามีภรรยากัน "ห้องอื่นเต็มหมด เหลือแต่ห้องแบบนี้ แล้วเราก็ไม่มีทางเลือกด้วย ทำไมครับ ห้องน้ำมันพิสดารตรงไหน น้องเพื่อนถึงได้กลัว" เขาถามทั้งที่รู้ แกล้งทำหน้ามึนไปอย่างนั้นเอง "ยังจะมาถาม ดูสิคะใครจะไปกล้าอาบ กระจกรอบแบบนั้น" หญิงสาวชี้มือไปยังจุดเจ้าปัญหา เรียกรอยยิ้มคล้ายขบขันให้เกิดขึ้นบนใบหน้าคมคร้ามทันที "อ๋อ นึกว่าอะไร ก็ห้องน้ำเขาทำแบบซีวิว น้องเพื่อนรูดม่านปิดก็สิ้นเรื่อง ถ้าจะมีคนอุตริมาแอบดูก็คงต้องใต่กำแพงมา เพราะสูงเสียขนาดนี้" พูดพลางเดินเข้าไปด้านใน แล้วจัดการรูดม่านปิดด้านที่มองออกไปเห็นวิวทะเลในมุมมองพานอรามา แล้วหันกลับมายิ้มให้หญิงสาว ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านนอกห้องน้ำ "มุมนั้นน่ะไม่เท่าไหร่ เพื่อนหมายถึงมุมด้านใน มันไม่มีม่านปิดเหรอคะ" ปฐพีเดินมาเมียงมองรอบๆ แสร้งทำหน้าผิดหวังแทนคนข้างนอก "ก็มันเป็นห้องพิเศษสำหรับคู่รัก เขาจะติดม่านให้เกะกะทำไม" "โรคจิตสิไม่ว่า เพื่อนไม่อาบดีกว่า พี่ปราบต์อาบไปคนเดียวเถอะ" "จะอายอะไร แค่น้องเพื่อนหลับตาก็ไม่อายแล้ว" คนฟังตวัดสายตามอง เห็นเพียงความขบขันในแววตาที่ถูกส่งมาให้เธอ "ถ้าพี่ปราบต์ยังไม่ชัดเจน ก็ฝันไปเถอะค่ะ ว่าจะได้เห็นมากกว่าขาอ่อน" "จริงเหรอออ..." "มัวแต่พูดอยู่นั่นล่ะ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเลยไป เดี๋ยวเพื่อนจะโทร.ตามซักรีดเอง" "น้องเพื่อนนั่นแหละที่ต้องอาบก่อน พี่สัญญาว่าจะไม่มอง ไม่แอบดู สาบานได้" ชายหนุ่มเดินออกมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก แล้วออกแรงบังคับให้อีกฝ่ายเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ "แล้วเพื่อนจะใส่อะไรคะ ถ้าต้องส่งเสื้อผ้าไปซัก" หญิงสาวทำหน้าเลิกลั่ก ไม่แคล้วคงต้องใช้ผ้าผืนเดียวพันกาย คิดพลางกลอกตามองไปรอบๆ ห้องน้ำอย่างหวาดระแวง อีกฝ่ายปรายตามองไปยังผ้าเช็ดตัวที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบน่าใช้ เขาเอื้อมมือไปหยิบมาผืนหนึ่ง ก่อนสลัดให้คลายออกแล้วยื่นให้คนตรงหน้า “นี่ไงครับ ใช้มันแทนเสื้อผ้าไปก่อน อยู่ในห้องจะไปกลัวอะไร ไม่มีใครมาเห็นอยู่แล้ว" "นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเท่ามด รอจนเสื้อผ้าเสร็จ รออยู่กับพี่ปราบต์ในสภาพนี้น่ะเหรอคะ ไม่ค่ะ ไม่เอา เพื่อนไม่เปลี่ยน เพราะของเพื่อนแค่ชื้นๆ เท่านั้น" "พี่ไม่นอนกับคนไม่อาบน้ำ ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เหม็นจะตาย" เขาแสร้งทำหน้าคล้ายรังเกียจ จนอีกฝ่ายอดที่จะโต้กลับมาไม่ได้ "ถ้ารับไม่ได้ก็ไปจองห้องแยกเลยค่ะ เพื่อนจะนอนห้องนี้คนเดียว" "ถ้าหากยังดื้อแบบนี้ พี่ก็คงต้องใช้ไม้แข็งล่ะนะ โดยการช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า และช่วยอาบให้เสียเลย" ไม่พูดเปล่า เขายังคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อของคนดื้อรั้น ทำท่าจะถลกขึ้นไปด้านบน จนเจ้าตัวต้องปัดป้องเป็นพัลวัน "กะ ก็ได้ค่ะ!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม