เสียงร้องไห้จ้าเพราะพึ่งถูกเพื่อนในวัยเดียวกันแย่งมงกุฎดอกไม้ไปดังลั่นทั่วทั้งทุ่งดอกซินเนีย หยาดน้ำตาใสๆ เปื้อนเปรอะดวงหน้ารูปไข่ขาวสะอาด ดวงตากลมโตดำขลับที่อยู่ภายในกรอบแพขนตาหนางอนเต็มไปด้วยความเสียใจ เด็กสาวในชุดกระโปรงบานผ้าลายดอกไม้วินเทจสีส้มวิ่งไล่ตามร่างของเด็กผู้ชายที่แย่งมงกุฎดอกไม้ไปอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอามงกุฎของซันนี่คืนมานะ เอาคืนมา...”
“ไม่คืน จะทำไมยายซันนี่ขี้แย มงกุฎดอกไม้เหี่ยวๆ แบบนี้จะเอาไปทำไม”
“เอาคืนมานะ ไม่อยากนั้นซันนี่จะฟ้องพ่อ เอาคืนมา”
เด็กหญิงวิ่งตามไปทั่วทั้งทุ่งดอกซินเนียแต่มงกุฎดอกไม้ที่บิดาเป็นคนทำให้เมื่อเดือนก่อนครั้งที่ครอบครัวเดินทางไปเที่ยวเมืองไทยก็ดูจะหลุดลอยไปไกลแสนไกล เพราะร่างของเด็กผู้ชายคนนั้นวิ่งหายลับตาไปเสียแล้ว
“เอาคืนมานะ เอามงกุฎของซันนี่คืนมา...” ทานตะวันในวัยเพียงแค่ 5 ขวบวิ่งตามไปจนสะดุดกับกิ่งไม้หกล้มลงกับพื้น และเมื่อทำอะไรไม่ได้อีกเด็กหญิงจึงนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนาของใครคนหนึ่งยื่นมาตรงหน้า เด็กหญิงเงยดวงหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาขึ้นมอง รอยยิ้มจากริมฝีปากสวยจัดคู่นั้นช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูแกมขบขัน
“พี่ชาย...”
“เรียกว่าพี่บรูซก็ได้ มาส่งมือมาให้พี่”
เด็กหญิงมองเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่ง เพียงแค่รอยยิ้มน้อยๆ ของเขาก็ทำให้หล่อนรู้สึกไว้วางใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ มือเล็กๆ ขาวสะอาดยกขึ้นก่อนจะวางลงในอุ้งมือที่ใหญ่กว่า เขาอมยิ้มดึงหล่อนให้ลุกขึ้นยืน ไออุ่นจากฝ่ามือสีแทนทำให้หล่อนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างประหลาด หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา และระบายยิ้มไร้เดียงสา
“พี่บรูซ...”
“ใช่ พี่บรูซ...”
“พี่บรูซ...”
บรูซ คาร์ตันในวัย 17 ปียิ้มกว้างให้กับเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้า ครอบครัวของเขากับครอบครัวของทานตะวันสนิทสนมกันมาก และการเดินทางมาพักผ่อนในครั้งนี้ก็เป็นการเดินทางมาพร้อมกันทั้งสองครอบครัวอีกครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา
“กลับไปหาคุณอากันเถอะ ป่านนี้เป็นห่วงแย่แล้ว”
“แต่ว่า...” ท่าทางอิดออดของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้บรูซต้องเลิกคิ้วสูง พร้อมกับย่อเข่าลงมาแตะพื้นเพื่อที่จะได้สบประสานสายตากับนัยน์ตากลมโตไร้เดียงสาของทานตะวันได้ถนัด
“แต่ว่าอะไรครับ”
มือเล็กยกขึ้นแตะที่ศีรษะด้านบนของตนเอง และเริ่มผลิตหยาดน้ำตาออกมาอีกครั้ง บรูซเห็นแล้วก็พอจะเดาออก
“มงกุฎดอกไม้ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ พี่บรูซ... เด็กพวกนั้นแย่งของซันนี่ไป” เด็กหญิงฟ้องเสียงเครือ นัยน์ตากลมโตแดงก่ำ
บรูซอมยิ้ม พลางช้อนดวงหน้าเล็กด้วยอุ้งมือข้างหนึ่ง “พี่จะทำให้ใหม่ รับรองสวยกว่าอันเดิมอีก ดีไหมครับ”
“จริงเหรอคะพี่บรูซ...” เด็กหญิงอุทานตาโต ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“จริงสิครับ” ว่าแล้วบรูซที่คุกเข่ากับพื้นหญ้าอยู่ก็ทิ้งกายนั่งลงขัดสมาธิกับพื้น ทานตะวันนั่งตาม และนั่งมองคู่สนทนาที่กำลังจับเถาวัลย์ข้างกายมาถักเป็นมงกุฎดอกไม้ให้อย่างใจจดจ่อ
“เห็นไหม สวยด้วย อีกประเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วครับ” บรูซถักเถาวัลย์ไปมาแซมด้วยดอกไม้แถวๆ นั้นจนในที่สุดมงกุฎดอกไม้ที่ประหลาดที่สุดในโลกก็สำเร็จ
“เสร็จแล้ว... สวยไหมครับ”
“สวยค่ะ”
ด้วยความที่ยังเล็กนัก พอได้มงกุฎดอกไม้ใหม่เด็กหญิงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ แก้มยุ้ยๆ ฉีกยิ้มกว้างจนแทบปริ นัยน์ตาไร้เดียงสาระยิบระยับ
“ถ้าสวย... งั้นก็ก้มหัวให้พี่สิ พี่จะสวมมงกุฎให้ครับ”
เด็กน้อยลุกขึ้นยืน และก้มศีรษะให้ ไม่ช้ามงกุฎจากมือหนาของ บรูซ คาร์ตันก็ถูกสวมลงบนศีรษะเล็กของทานตะวัน
“ต่อไป... มงกุฎดอกไม้อันนี้จะเป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์องค์หญิงนะพ่ะย่ะค่ะ หากมีภัยร้ายแค่ร้องตะโกนเรียกชื่อกระหม่อม... กระหม่อมก็จะรีบมาทันที”
“ขอบคุณพี่บรูซมากค่ะ”
ด้วยความน่ารักน่าชังของเด็กหญิงวัยเพียง 5 ขวบทำให้ บรูซอดที่จะหอมแก้มยุ้ยๆ ของทานตะวันไม่ได้ จากนั้นก็สวมกอดเอาไว้
“หากดอกไม้เหี่ยวแล้ว บอกพี่นะ พี่จะทำให้ใหม่”
“ค่ะ พี่บรูซ” ทานตะวันยิ้มหวาน มือยังคงยกขึ้นลูบคลำมงกุฎดอกไม้อันใหม่ที่อยู่บนศีรษะของตนเองตลอดเวลา บรูซเห็นแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้ “งั้นเรากลับที่พักกันเถอะ คุณอาคงรอแล้ว”
“ค่ะ พี่บรูซ”
“งั้นพี่อุ้มซันนี่ไปนะครับ”
เด็กหญิงอมยิ้มพยักหน้ารับ พลางกอดคอของผู้ชายที่ชื่อบรูซ คาร์ตันเอาไว้แน่น และสายใยแห่งความรักก็ถูกถักทอขึ้นอย่างแน่นหนาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา