ยิม
ผมมองชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินมาด้วยกันด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากคนเป็นแฟน แล้วที่สำคัญเธอก็เห็นผม แต่กลับทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน หึ แรดดีจริงๆ
ผู้หญิงแบบนี้หรอวะ ที่แม่ผมเอ็นดู แม่ผมอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ ท่านจะรู้ไหมว่ายัยนี่มั่วแค่ไหน ตอนที่ผมรู้ว่าคู่หมั้นผมเป็นยัยนี่ ผมแม่งเกือบจะยกเลิกงานหมั้นเลยก็ว่าได้ ก็ใครมันจะอยากได้ผู้หญิงเจ้าชู้ ขี้อ่อยแบบนี้มาอยู่ด้วยวะ
แต่ช่างเธอไปเถอะ ยัยนี่ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมไม่ได้สนใจอะไร ถึงแม้จะเป็นคู่หมั้นแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธออยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนอ่อยไปทั่วแบบนี้ด้วย ยิ่งไม่มีทางที่ผมจะสนใจ ผมเลยเดินนำผู้หญิงของผมที่พามาดูหนังด้วยเข้าโรงไป เพราะถึงเวลาแล้วและไม่สนใจยัยมัตซีนั่นอีก
มัตซี
ให้มันได้แบบนี้สิคู่หมั้นฉัน มาเดินเที่ยวกับผู้หญิงอื่นยังไม่พอ พอเห็นคู่หมั้นตัวเองเดินกับผู้ชายคนอื่น อาการหึง หรือหวงของก็ไม่มีสักอย่าง แบบนี้มันต้องรีบทำให้รักให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ จะได้รู้ว่าผู้หญิงอย่างมัตซี ไม่ใช่คนที่จะมาถูกเมินกันง่ายๆแบบนี้นะ พี่ยิม
“เราเข้าโรงกันเถอะ” ฉันบอกไนท์ออกไป เพราะเรามาได้เวลารอบหนังที่จะดูพอดี ทำให้ซื้อปุ๊บได้เข้าโรงปั๊บ
“ครับ” ไนท์ตอบก่อนจะเดินเคียงข้างฉันเข้าโรงหนังไป
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกับการดูหนัง ก่อนจะออกมาหาอะไรกินแล้วก็แยกกันกลับ ซึ่งฉันก็ขับรถกลับเอง ไนท์ไม่ได้ตามมาส่งหรอก เพราะคอนโดอยู่คนล่ะฝั่งกัน พอกลับมาถึงห้อง ใครจะไปคิดว่าจะเจอพี่ยิมที่กลับมาถึงห้องก่อนแล้ว
“วันนี้ไม่ได้อยู่กินของคาวต่อหรอคะ” ฉันทักพี่ยิมตามมารยาทของคนที่อยู่ด้วยกัน
“เรื่องของฉัน” ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
“ค่ะ ก็เรื่องของพี่ยิม” ฉันตอบพร้อมกับไหวไหล่ให้พี่ยิมอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ
ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีฉันก็ทำธุระในห้องน้ำเสร็จ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว และก็เห็นพี่ยิมนั่งพิงหัวเตียงดูทีวีอยู่ ฉันเดินไปนั่งที่หน้ากระจกเครื่องแป้งโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่การไม่พูดไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอะไร
ฉันนั่งทาโลชั่นบำรุงผิวตั้งแต่แขน และขา ฉันค่อยๆก้มไปลูบไล้มันช้าๆจะได้ซึมเข้าผิว แต่ถ้าจะทาขาให้ทั่วนั้นมันก็ต้องร่นผ้าขนหนูให้ขึ้นมา จนตอนนี้ผ้าขนหนูมันปิดอยู่แค่ส่วนนั้นของฉันไว้อย่างมิ่นเหม่ แต่เพื่อความเซ็กซี่เราต้องห้ามทำให้มันเห็นส่วนนั้นเด็ดขาด
พอทำแบบนี้ฉันก็แอบเหล่มองกระจกเพื่อดูเงาที่สะท้อนจากด้านหลัง และแน่นอนว่าฉันเห็นสายตาของคนเย็นชากำลังมองมาทางนี้ หึ แบบนี้ก็ดีสิ ไหนๆก็มองแล้วขอใช้หน่อยได้ไหมล่ะ
“พี่ยิม ทาโลชั่นที่หลังให้ซีหน่อยได้ไหมคะ” ฉันทำหน้ากึ่งขอร้อง กึ่งใสซื่อออกไป แต่มือก็ขยับปลดปมผ้าขนหนูให้หลวมๆก่อนจะร่นผ้าด้านหลังลง จนตอนนี้โชว์แผ่นหลังเปลือยอยู่
พี่ยิมไม่ได้ตอบอะไร ฉันเลยถือขวดโลชั่นไปที่เตียงก่อนจะนั่งหันหลังให้พี่ยิมอยู่ที่ริมเตียง มือข้างหนึ่งก็จับปมผ้าด้านหน้าไม่ให้มันหลุดลง ส่วนมือข้างหนึ่งก็ยื่นขวดโลชั่นให้พี่ยิมที่ไม่รับมันไปสักที
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อเห็นว่าพี่ยิมมองหน้าฉันนิ่งไม่ขยับ ไม่หยิบขวดโลชั่นจากมือ ฉันก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่สำนึกผิดที่ไปรบกวนเค้า ก่อนทำท่าจะลุกจากเตียง
“หน้ารำคาญ” เสียงเข้มเอ่ยออกมาเหมือนรำคาญจริงๆ แต่มือหนาก็มาฉกขวดโลชั่นไปจากมือฉันก่อนทำให้ฉันชะงักอยู่ที่เดิม นั่งนิ่งมองตรงไปด้านหน้า
และไม่นานฉันก็ได้รับสัมผัสชื้นที่หลังพร้อมกับมือหนาที่กำลังทำการลูบไล้แผ่นหลังให้ฉันเบาๆ หึ ทำเหมือนไม่พอใจที่ฉันใช้ แต่พอมาสัมผัสจริงๆกลับทำเบามือเลยนะ จะให้ซีคิดยังไงคะพี่ยิม
“ขอบคุณนะคะ” เมื่อเห็นว่าพี่ยิมทาทั่วแผ่นหลังแล้ว ฉันก็พูดพร้อมกับจะหันไปหยิบขวดโลชั่นเพื่อเอาไปเก็บ แต่มือหนากลับจับแขนฉันเอาไว้แน่น
“ยังไม่เสร็จ” เสียงเข้มเอ่ยออกมานิ่งๆตามสไตล์ ก่อนจะทำการลูบไล้ฝ่ามือไปที่แผ่นหลังเหมือนเดิม โดยที่มือข้างหนึ่งยังคงจับมือฉันไว้ไม่ปล่อย
“เสร็จหรือยังคะ” เมื่อเห็นว่าตอนนี้ทานานเกินกว่าไป ฉันก็เลยถามไปด้วยความใสซื่อ เพราะไม่รู้จริงๆว่าทำไมพี่ยิมทานานแบบนี้ หึ
“ทาเสร็จแล้ว แต่...” พี่ยิมพูดด้วยเสียงนิ่งๆเหมือนเดิม แต่น้ำเสียงตอนนี้ฉันสัมผัสได้ว่าไม่เหมือนเดิม และพี่ยิมก็เงียบไป ฉันเลยหันไปเพื่อจะถาม
“แต่อะ...ว้าย!” ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร พี่ยิมก็จับแขนฉันที่ยังไม่ปล่อยดึงจนฉันล้มลงไปนอนกับที่นอนจนต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าพี่คนนิ่งๆแบบพี่ยิมเวลารุกจะน่ากลัวขนาดนี้
“แต่อย่างอื่น ยังไม่เสร็จ” คำพูดที่ต่อจากประโยคก่อนหน้าของพี่ยิม ทำเอาฉันแทบไม่เชื่อ ว่านี่คือพี่ยิม เวลาอยู่บนเตียง
“ยะ...อย่างอื่น อะไรคะ” ฉันยังคงความใสซื่อเก็บไว้เหมือนเดิม ถามพี่ยิมออกไปพร้อมกับมองหน้าเค้าที่คร่อมฉันอยู่ตอนนี้ไม่หลบตา
“ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะรู้”
“ซีไม่รู้จริงๆค่ะ”
“ไม่ได้ตั้งใจจะอ่อย?” พี่ยิมยกคิ้วข้างหนึ่งถามออกมานิ่งๆ
“ซี่แค่ให้พี่ยิมช่วยทาโลชั่นให้แค่นั้นเอง” ฉันบอกพี่ยิมออกไปด้วยสีหน้าใสซื่อ
“.....” พี่ยิมมองหน้าฉันเหมือนไม่เชื่อ ฉันก็เลยพูดออกไปให้จบประโยค
“แต่ถ้าอยากให้ซีอ่อย ซีอ่อยก็ได้นะคะ” ฉันพูดพร้อมกับใช้มือลูบไล้แผงอกพี่ยิมขึ้นไปที่ต้นคอ ก่อนจะค่อยๆลากลงมาจนผ่านสะดือลงมาเรื่อยๆจนลมหายใจพี่ยิมติดขัด ฉันเลยหยุดมันอยู่ล่างสะดือบริเวณท้องน้อย แล้วส่งยิ้มหวานให้พี่ยิม
“หึ” เสียงหัวเราะจากลำคอหนาดังขึ้น ก่อนจะพุ่งหน้าเข้ามาประกบจูบฉันทันทีโดยไม่ให้ฉันตั้งตัว
“อื้ออออ” ฉันตกใจไปพักหนึ่งก่อนจะหลุดเสียงครางออกมา และจูบตอบพี่ยิมกลับไปอย่างไม่ประสา ฉันบอกแล้วว่าเห็นฉันขี้อ่อย ขี้ยั่ว แต่ฉันใช้แค่สายตากับคำพูด ร่างกายฉันยังไม่เคยมีใครได้สัมผัสหรอก มากสุดก็แค่จับมือเดินหรือจูบหลังมือ
พูดง่ายๆนี่คือจูบแรกของฉันเลย ที่กล้าคือพี่ยิมเป็นคู่หมั้นของฉัน อีกทั้งอยากจะรู้ว่าที่ยัยเพื่อนสองคนนั้นมันบอกว่าพี่ยิมต้องเป็นฝ่ายเลือกกินเองเท่านั้นจะจริงแค่ไหน(แต่เหมือนจะไม่จริงแล้ว) และที่สำคัญคือ ฉันอยากจะรู้ว่ารักแรกที่พี่ยิมฝังใจ จะทำให้พี่ยิมไม่สามารถรักฉันได้จริงๆหรือเปล่า แต่บอกไว้ก่อน ว่าฉันไม่ยอมพี่ยิมเจาะไข่แดงฉันง่ายๆหรอกนะ
“อื้อ” เสียงครางจากลำคอหนาร้องออกมาอย่างพอใจ พี่ยิมค่อยๆผละจากจูบฉันออก ก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปตามซอกคอของฉันพร้อมดูดเม้มเบาๆ
“อ๊า อ๊ะ” สัมผัสจากบุรุษเพสครั้งแรกที่ฉันพึ่งได้รับ มันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกไปทั่วตัว พร้อมทั้งความรู้สึกต่างๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันทั้งตื่นเต้น และกลัวไปพร้อมกัน ถึงแม้จะมีประสบการณ์ผ่านการดูคลิปมามาก ดูหนังมาเยอะ อ่านนิยายมาอีก แต่พอได้สัมผัสของจริงแล้ว สิ่งของพวกนั้นมันไม่ได้ครึ่งหนึ่งกับที่รู้สึกอยู่ตอนนี้จริงๆเลยด้วยซ้ำ
ฝ่ามือหนาที่เหมือนจะว่างเกินไปของพี่ยิมทำการปลดปมผ้าของฉันออกไปนิดหน่อยก่อนจะบีบเค้นหน้าอกของฉันและสะกิดหัวนมเบาๆ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของฉันมันร้อนขึ้นกว่าเดิม
จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ สัมผัสและเสียงจากการดูดดึงยอดออกจากปากและลิ้นร้อนดังขึ้นไม่หยุด ฉันเชื่อแล้วว่าพี่ยิมไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันเชื่อแล้วว่าการผ่านผู้หญิงมาเยอะของเค้ามันไม่ใช่แค่กินไปวันๆ แต่ความโชกโชนของเค้ามันนำพาฉันไปจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว
“อ๊ะ พี่ยิม” ฉันร้องออกมาเมื่อร่างกายสัมผัสกับความเย็นไปทั่ว เพราะพี่ยิมกระชากผ้าขนหนูออกจากตัวฉันหมดแล้ว ทำให้ตอนนี้ฉันเปลือยเปล่าต่อหน้าผู้ชายเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่หมั้นฉันก็เถอะ แต่มันก็เขินอยู่ดี
“สวย” คำเดียวที่หลุดออกจากปากหนาพร้อมกับสายตาที่โลมเลียร่างกายฉันอย่างเปิดเผย ทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง เก่งมาตลอดพอเจอของจริงทำไมถึงได้อ่อนแบบนี้ห๊ะยัยมัตซี
พี่ยิมพูดจบก็ถอดเสื้อตัวเอง เผยให้เห็นซิกแพกพร้อมกับกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทั่วร่างกาย บ่งบอกได้ว่าเค้าดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันยกมือไปสัมผัสกับกล้ามหน้าท้องของเค้าพร้อมกับลูบไล้ขึ้นไปที่หน้าอก และสะกิดหัวนมของเค้าเล่นเหมือนกับที่เค้าทำกับฉัน
“อ่า” เสียงครางหลุดออกจากปากพี่ยิม มันยิ่งทำให้ฉันได้ใจ อย่างน้อยตอนนี้เค้าก็กำลังจะทนไม่ไหว พี่ยิมทำท่าจะเข้ามาจูบฉันอีกรอบ แต่ฉันหันหน้าหนีได้ก่อน ก่อนจะพูดกับพี่ยิมด้วยเสียงหวาน
“ซีมีรอบเดือนค่ะ”
“อะไรนะ!” เสียงเข้มเอ่ยถามออกมาเหมือนกับพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้
“ซีใส่ผ้าอนามัยแบบสอดอยู่” คราวนี้ฉันหันไปสบตากับพี่ยิมหวานเยิ้ม ก่อนจะพูดออกไปอีกครั้งให้พี่ยิมได้รู้
แล้วสีหน้าพี่ยิมตอนนี้ไม่ต่างกับเนื้อย่างกำลังจะเข้าปากแล้วตกลงพื้นไปต่อหน้าต่อตาโดยทำอะไรไม่ได้ ผ่านไปสักพักเหมือนพี่ยิมจะปรับอารมณ์ได้ ก็ลุกจากตัวฉันก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำทันที ฉันเลยลุกนั่งเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วมองไปทางห้องน้ำด้วยรอยยิ้มร้าย
ก็ฉันไม่ได้เป็นประจำเดือนนี่ อีกอย่างถ้าเป็นฉันใช้ผ้าอนามัยแบบปกติไม่ได้ใช้แบบสอดอยู่แล้ว แต่ที่ต้องโกหกไปแบบนั้น ฉันก็แค่อยากแกล้งให้พี่ยิมอยากเล่นๆ(ถึงแม้ว่าตัวเองจะมีอารมณ์ด้วยก็เถอะ)
“นี่มันแค่เริ่มต้นค่ะ ที่รัก”
ให้มันรู้จักซะบ้างว่านี้มันมัตซี ไม่ยอมใครง่ายๆอยู่แล้ว ‘มัตซี’