นิสาปวดฉี่มาพักใหญ่ๆ ในที่สุดเธอก็สุดกลั้น ผสมกับอาการมึนเริ่มหนักข้อขึ้น หากได้น้ำสะอาดล้างหน้า อาการวิงเวียนคงหายไป แต่เมื่อลุกยืน นิสาจึงเพิ่งรู้ เธอมึนหนักมากกว่าที่คิดไว้ จังหวะเดินจึงเซไปเซมา จนคนที่อแบมองอยู่ รู้สึกเป็นห่วง
เขาจึงลุกจากโต๊ะ ก้าวตามไปห่างๆ ในขณะนั้นเอง เจรามี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มีใครบางคนตามนิสาไปห่างๆ เช่นกัน เขาจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“น้องสาวคนสวยไปไหนจ้ะ ให้พี่ไปส่งไหม?” คนถาม ถามเสียงยานคาง เมื่อแอลกอฮอล์ไหลวนอยู่ในร่างกายจนล้น กลิ่นเหม็นเอียนๆ ฉุนขึ้นจมูก นิสาเบี่ยงกายหนี แต่คนเมาดูถ้าจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาเอื้อมมือจับแขนของเธอไว้ เพราะตกใจ หญิงสาวจึงสะบัดอย่างแรง!! แต่ก็ไม่สามารถสลัดมือที่จับยึดไว้แน่นๆ ให้หลุดออกไปได้ เมื่อจนหนทางช่วยตนเอง เธอจึงปรับอารมณ์โกรธให้ลดลง มองหาวิธีใหม่ ก่อนที่จะจวนตัว
“ปล่อยนิสานะคะคุณพี่ นิสาขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมคะ”
“ให้พี่เข้าไปช่วยไหมจ้ะคนสวย” หนุ่มขี้เมาอาสาเสียงกรุ่มกริ่ม
“นิสาเกรงใจค่ะ” นิสาปฏิเสธเสียงสุภาพ
“พี่รออยู่ตรงนี้นะ ออกมาไวไวล่ะ”
นิสารีบเดินเข้าห้องน้ำ เธอยืนตั้งสติอยู่พักใหญ่ๆ รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าจุ่มน้ำเช็ดไปตามแขนเและตามลำคอ นึกหาทางเอาตัวรอด เธอควานหาโทรศัพท์ส่วนตัว ก่อนจะล้วงออกมาจากกระเป๋ากระโปรง พยายามมองหาตัวช่วย แต่...ไม่มีใครในที่นี้พอจะช่วยตนเองได้ เธอจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม พร้อมกับถอนใจแรงๆ
ปัญหาแค่นี้เล็กน้อย นิสาคิดว่าตัวเองสามารถจัดการได้ เธอจึงล้างหน้าต่อ หลังจากตัดสินใจสู้กับขี้เมาด้านนอกด้วยตัวเอง เมื่อทำธุระในห้องน้ำจนเสร็จก็เดินออกมา กวาดมองไปรอบๆ ตัว แต่กลับไม่เห็นหนุ่มขี้เมาคนนั้น จึงรีบหนีไป
เจรามี่รีบเดินตามไป เขาทิ้งระยะห่างพอสมควร ชายหนุ่มจัดการเคลียร์ทางให้ แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ นิสาเดินเลยออกไปด้านนอกผับหรู เขาจึงอดใจไม่ไหว พูดท้วงออกไปจนหล่อนรู้สึกตัว
“ที่นี่ผับนะคุณ ไม่ใช่ตลาดนัด ชิลไปไหมครับ?”
นิสาตวัดตามอง เธอขมวดคิ้วจนเป็นปม
“สำหรับสถานที่แบบนี้ ไม่มีความปลอดภัยกับผู้หญิงสาวๆ หรอกนะ”
เจรามี่พยายามเตือน
“หึ!! ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันดูแลตัวเองได้”
“อ้อเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่...” นิสาเชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายตามองคนตัวใหญ่ตรงหน้าด้วยสายตารู้ทัน
“ผมเป็นคนชอบเสือกมั้ง!!”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” นิสาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ
“ยังไงเสียคุณก็เป็นผู้หญิงนะ”
“ผู้หญิงแล้วไงคะ...แต่คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันเห็นคุณออกทีวีเมื่อตอนค่ำ คุณยังอยู่ต่างประเทศเลยนี่นา”
“ข่าวเก่านะ ตอนนี้ผมว่างก็เลยมาดื่มแก้เบื่อ”
“ไม่มีแฟนคลับตามมาด้วยเหรอคะ?” นิสากระเซ้า
“คุณว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ชัด”
“เปล่านี่…” เจรามี่หัวเราะหึๆ เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวตรงหน้า
“คนไทยนี่ก็แปลกนะครับ ไม่ค่อยยอมรับความจริง ต้องรีบปฏิเสธ ไว้ก่อน”
“คุณหมายความว่าไงคะ?”
“ผมได้ยินว่าคุณตอบ แต่พอถามกลับไปคุณก็ปฏิเสธหมายความว่ายังไงล่ะครับ”
“ฉันแค่รำพึงน่ะ ไม่ได้คิดจะพูดจริงจังสักหน่อย แค่แปลกใจทุกทีคุณจะมีผู้หญิงคอยตามติดตัวตลอด แต่วันนี้ไม่เห็นก็เลยแปลกใจไงคะ”
“คุณสนใจผมหรือไง? ทำไมรู้ความเคลื่อนไหวของผมล่ะ”
“ใครสนคุณ ...หลงตัวเองชะมัด ฉันก็แค่พูดตามที่ฉันเห็นน่ะค่ะ”
“เราอยู่กันสองคน ผมจะพูดถึงใครล่ะครับ ถ้าไม่พูดถึงคุณ”
“ก็บอกแล้วว่าคุณไม่ใช่สเปคฉัน” นิสาตอบเสียงสะบัด เธอเชิดปลายคางขึ้น ปรายตามองเจรามี่ด้วยหางตา
“งั้นมาพนันกันไหมครับ ถ้าผมสามารถทำให้คุณสนใจหรือชอบได้ คุณจะว่าไง”
“ไร้สาระค่ะ ไม่จำเป็นต้องพนันขันต่อกันเลย ยังไงฉันก็ไม่ชอบคุณ”
“คุณ...ไม่กล้าล่ะสิ”
“นิสาไม่เคยกลัวอะไรค่ะ แค่นี้ทำไมจะไม่กล้า” เพราะถูกท้าทายซึ่งๆ หน้า จะถอยหนีก็เกรงว่าจะเสียศักดิ์ศรี นิสาจึงพลั้งปากรับคำท้านั่นจนได้
“ตกลงเราสองคนเดิมพันกัน ใครแพ้และเป็นฝ่ายหลงรักอีกฝ่ายก่อน จะต้องยอมทำตามที่คนชนะบางการทุกอย่างนะ”
“ต้องยอมอะไร?”
“ถ้าคุณหลงรักผมก่อน ก็จะต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง ถ้าผมหลงรักคุณก่อน คุณจะบงการอะไรผมก็ย่อมได้ แต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้เลยล่ะที่ผมจะแพ้”
“ไม่มีทางแพ้เลยเหรอคะ คุณมั่นใจเกินไปแล้วค่ะ ก็ได้ค่ะ เราสองคนมาสู้กันซักตั้งก็ได้ค่ะ แต่ต้องขอโทษล่วงหน้าไว้ก่อนนะคะ เวลาที่คุณเสียใจเพราะฉัน จะมาว่ากันทีหลังไม่ได้” นิสาพูดพร้อมกับยิ้มหวาน “ผมก็ต้องขอโทษคุณล่วงหน้าเหมือนกันครับ ในกรณีที่คุณมาหลงรักผม มันเป็นแค่เกม ขอให้เข้าใจผมด้วย”
“ผมเป็นคนรักษาคำสัญญา ไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบไหน เราสองคนจะไม่โกรธหรือเกลียดกัน กรณีที่คุณแพ้” ชายหนุ่มกล่าวเสียงสำรวม เขามีทีท่าเป็นสุภาพบุรุษ แต่นิสาเชื่อไม่ลง
“ฉันก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ฉันยอมรับความจริงได้เสมอ และหากฉันแพ้ฉันก็จะไม่โกรธ ไม่เกลียดคุณ และถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอ ก็ขอให้ยอมรับความจริง ตอนแพ้ให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันแล้วกัน”
เกมการเฉือดเชือนเริ่มต้นขึ้น ทั้งสองคนมุ่งหวังที่จะเอาชนะกัน โดยลืมนึกถึงหลักความจริง หัวใจไม่ใช่ก้อนเนื้อ มันมีความรู้สึก จะบังคับหรือฝืนก็ไม่ได้ เมื่อตกอยู่ในห้วงความรัก หัวใจจะเป็นฝ่ายนำทาง เมื่อนั้นทั้งนิสาและเจรามี่จะรู้ การบังคับใจตัวเองให้ลืมมันยากกว่า การบังคับให้จำ
เจรามี่มีเวลาพักผ่อนหนึ่งอาทิตย์ และชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เวลาทั้งอาทิตย์ที่เมืองไทย เล่นเอานิสาต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เธอกดหัวแม่มือลงระหว่างคิ้ว เธอกลุ้มใจเมื่อยังหาวิธีเอาชนะชายผู้นั้นยังไม่ได้ เกิดมายังไม่เคยอ่อยผู้ชาย ไอ้ครั้นจะมัดหัวใจเขาด้วยเสน่ห์ที่มี มันก็เป็นงานยากเหลือเกิน เมื่อเจรามี่ไม่ใช่ผู้ชายทั่วไป เขามีเสน่ห์พอตัว และชั้นเชิงเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อ่อนด้อยจนหลงคารมเธอง่ายๆ งานนี้คงเป็นงานหินสำหรับเธอแล้วล่ะ
หญิงสาวถอนใจ เธอสร้างปัญหาให้ตัวเองแหงๆ หากงานนี้แก้ คงตกงานชัวร์ แต่จะให้ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น ก็ไม่ใช่นิสาอีกนั่นแหละ เสียหน้าได้ แต่ไม่ยอมเสียชื่อ ผู้ชายคนนั้นคงดูถูกจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ตืดดดด...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างๆ ตัว นิสาจึงยกขึ้นมาดูแล้วก็ต้องแปลกใจ เบอร์ที่ขึ้นโชว์เขียนว่า ‘ที่รัก’ ซึ่งนิสาไม่เคยเมมชื่อใคร ไว้ในโทรศัพท์ส่วนตัวแบบนี้เลย แล้วชื่อเลี่ยนๆ แบบนี้มาอยู่ในโทรศัพท์ของเธอได้ยังไง แต่พอกดรับ และแนบหูฟังเสียง ทำเอาเธอลมออกหูเพราะความโมโหจนได้
“Hi! คุณว่างไหมตอนกลางวันผมจะแวะเข้าไปรับ เราสองคนน่าจะมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง จะได้สนิทกันมากขึ้น”
เสียงคู่แข่งของเธอ เจรามี่นั่นเอง
“คุณมายุ่มย่ามกับโทรศัพท์ของฉันตอนไหนคะ?”
เสียงหัวเราะจากปลายสาย กระตุ้นต่อมโมโหของนิสาได้ผลเสียด้วย
“มันเป็นความสามารถส่วนตัวครับ... คุณเป็นคนแรกที่ผมอนุญาตให้ใช้คำนี้เลยนะ ตกลงกลางวันคุณมีนัดไหม ถ้าไม่มีผมจะเข้าไปรับ เราสองคนจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานด้วยกัน หรือว่าคุณกลัว”
“ฉันจะออกไปรอข้างนอก คุณไม่ต้องเข้ามาที่นี่นะ” นิสากัดฟันตอบ
“คุณกลัวคนอื่นรู้รึไงว่ากำลังมีผมอยู่ใกล้ๆ”
“ฉันกลัวคุณเสียชื่อ เวลาโดนฉันสลัดทิ้งต่างหากล่ะคะ มันคงทำให้คุณเสียหน้าไม่น้อยเลยแหละ”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่คุณทำใจไว้แล้วใช่ไหมครับ”
“คะ... อะไรนะ?”
“อ้าวคุณ!! เวลาที่คุณหลงรัก ผมจะได้ไม่รู้สึกผิดที่ต้องทิ้งคุณ เพราะมันก็เป็นแค่เกม”
เจรามี่กล่าวเหมือนจงใจเยาะหยัน จนนิสาเดือดปุดๆ เธอทุบมือกับต้นขาเพื่อระบายความโกรธ งานนี้เธอยอมตายถวายชีวิต จะพ่ยแพ้ไม่ได้เด็ดขาด