อรพิมลเริ่มทำหน้ายุ่งไปกับคำถามของสองเพื่อนสนิท และพยายามนึกทบทวนการกระทำของผู้ปกครองหนุ่มไปด้วย ตลอดสามปีที่ผ่านมา ชายหนุ่มก็ดูแลเธอมาอย่างดีโดยตลอด เขามักจะมอบแต่สิ่งดีๆ ให้กับเธอเสมอ และเวลาเธอมีปัญหาอะไร เขาจะเป็นที่ปรึกษาให้เธอทุกครั้ง สิ่งที่ผู้ปกครองหนุ่มตัดสินใจทำลงไป เธอก็มักตอบรับและยินดีทำด้วยความเต็มใจแทบทุกครั้ง นั่นเพราะเธอคิดเสมอว่าทุกสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไป ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“อรขออนุญาตใครออกมาเที่ยวกับพวกเราในคืนนี้” แพรวพัตราถามในสิ่งที่เธอสงสัยและอยากรู้ออกไป ถ้าคนที่อนุญาตให้อรพิมลออกมาเที่ยวในคืนนี้คือผู้ปกครองหนุ่ม เขาคงไม่กระหน่ำโทร. มาแบบนี้ หรือว่าอรพิมลแอบหนีออกมา
“คุณป้าเป็นคนอนุญาต แต่อรต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน”
“คุณป้า?” แพรวพัตรากับปานไพลินพึมพำออกมา ขณะทำหน้ายุ่ง แล้วตวัดสายตามามองอรพิมลอย่างต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ ‘คุณป้า’ ที่ว่านี่...คือ คุณพรรณราย...มารดาของผู้ปกครองหนุ่ม หรือว่าเป็น ป้าอุษา...แม่บ้านใหญ่ของคฤหาสน์วรานนท์กันแน่ นั่นต่างหากคือคำตอบที่พวกเธอต้องการรู้
“คุณแม่ของคุณจอม ผู้ปกครองของเราเอง”
“พวกเธอคุยอะไรกันอยู่เหรอ ถึงคิวของพวกเธอร้องเพลงแล้วนะ” เสียงแหลมปรี๊ดของหนึ่งในเพื่อนสนิทของอรพิมลดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของร่างโปร่งระหงที่ก้าวเท้าฉับๆ ตรงมายังโต๊ะที่สามสาวนั่งสนทนากันอย่างสนุกสนาน
“ถึงคิวพวกเราร้องเพลงแล้วเหรอไอ้คม”
“ก็เออดิวะ” คม หรือ คมธรรม มโนรม ผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่มอรพิมล แพรวพัตราและปานไพลินตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตาคู่สวยมองเพื่อนสาวทั้งสามคนอย่างสงสัย ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่อรพิมล แล้วถามออกมาทันที
“ไม่สบายหรือเปล่าอร เราว่าอรหน้าซีดมากเลยนะ ถ้าอรจะกลับบ้าน เดี๋ยวเราจะขับรถไปส่งอรที่บ้านเอง”
“อรไม่เป็นอะไรหรอก พวกเราไปร้องเพลงกันเถอะ”
“เอางั้นก็ได้” คมธรรมพยักหน้าตอบอรพิมล แล้วเดินกลับไปตรงหน้าเวที งานเลี้ยงฉลองเรียนจบทั้งที ก็ต้องสนุกกันให้เต็มที่ หลังจากจบงานนี้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก เพื่อนร่วมห้องหลายคนตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอก ปานไพลินก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย สำหรับแพรวพัตรายังไม่ชัดเจนว่าจะไปเรียนที่ไหน จากที่พวกเขาเคยนั่งคุยกันเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เป็นไปได้ว่าแพรวพัตราจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ปานไพลินไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ส่วนเขากับอรพิมลตัดสินใจที่เรียนต่อเมืองไทย
“พวกเราก็ไปกันเถอะ ถึงคิวพวกเราร้องเพลงแล้ว” ปานไพลินเตือนแพรวพัตรากับอรพิมลอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจดึงมือของทั้งสองให้ลุกเดินตามคมธรรมไป
“ไม่ต้องจับมือก็ได้นะปาน แพรวกับอรเดินไปเองได้หรอกน่า”
“นั่นสิ เรากับแพรวไม่เดินหลงไปไหนหรอกปาน”
“โอเค. งั้นพวกเราก็ไปกันได้แล้ว ไอ้คมมันควักมือเรียกแล้ว”
“อืม” อรพิมลกับแพรวพัตราพยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินตามปานไพลินตรงไปยังหน้าเวที ก่อนที่ปานไพลินจะรับไมโครโฟนจากมือของคมธรรม แล้วยื่นให้กับแพรวพัตราทันที พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“ถึงเวลาที่เงาเสียงของลุลาจะร้องเพลงแล้วจ้า”
“พอเลยปาน” แพรวพัตราเอ่ยตำหนิปานไพลินเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับไมโครโฟนมาถือเอาไว้ ไม่นานเพลงที่เธอเลือกไว้ก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ โดยมีอรพิมลนั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกอยู่กับการร้องเพลง ปานไพลินตัดสินใจเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของอรพิมลขึ้นมา แล้วตัดสินใจกดหาเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.มาหาอรพิมลเกือบยี่สิบสายทันที
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นสามารถทำลายความตึงเครียดในโต๊ะที่จอมพลและเพื่อนสนิทได้ฉับพลัน ทั้งสามหันไปมองเจ้าเครื่องมือสื่อสารรุ่นจิ๋วที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่หนึ่งในสามหนุ่มหยิบมันดู แล้วก็พบว่าเจ้าของเบอร์ที่โทร.มา คือ คนที่ตนกำลังรอรับสายอยู่นั่นเอง
“ในที่สุดก็โทร.มาได้เสียทีนะหนูอร”
“หนูอรของแกโทร.มาแล้วเหรอไอ้จอม” ไตรภพถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน เพื่อหวังที่จะได้เห็นปฏิกิริยาแปลกๆ จากเพื่อนสนิท แต่เขาได้เห็นเพียงใบหน้าที่เรียบตึงกับสายตาไม่พอใจตอบกลับมาเท่านั้น
“...” จอมพลสบตามองสองเพื่อนสนิทอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะตอบอะไรทั้งนั้น นิ้วเรียวยาวรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถามปลายสายกลับไปด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ฉัน...หนูอร”
(ขอโทษค่ะ เอ่อ...คุณเป็นผู้ปกครองของอรหรือคะ)
“ใช่ ฉันเป็นผู้ปกครองของอรพิมล ว่าแต่เธอเป็นใคร แล้วทำไมถึงใช้โทรศัพท์ของอรพิมลโทร.มาหาฉัน”
(ก็ต้องเป็นเพื่อนอรพิมลสิค่ะ ว่าแต่คุณเป็นผู้ปกครองของอรแน่หรือคะ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นผู้ปกครอง ปานคงเข้าใจว่าคุณเป็นแฟนของอรแน่ๆ) ปานไพลินตัดสินใจถามปลายสายกลับไปด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อเลียน จะมีผู้ปกครองคนไหน ใช้น้ำเสียงแบบนี้ถามเด็กในปกครองกันบ้าง เธอเองก็เคยมีแฟนเหมือนกัน จึงรู้ได้ทันทีเมื่อฟังน้ำเสียงของผู้ปกครองอรพิมล บางทีสิ่งที่เธอสงสัยอาจเป็นจริงก็ได้ ผู้ปกครองหนุ่มคนนี้อาจแอบรักเพื่อนสนิทของเธอก็ได้ ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่ากำลังงอนและน้อยใจที่อรพิมลไม่ยอมรับสายตัวเอง
จอมพลถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยกับคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะสูดอากาศเข้าจนเต็มปอด แล้วเอ่ยถามปลายสายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เขามั่นใจว่านิ่งและดูน่าเชื่อถือที่สุด “ฉันเป็นผู้ปกครองของอรพิมล ตอนนี้อรพิมลอยู่ที่ไหน นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปรับอรพิมลกลับบ้าน”
ปานไพลินเลิกคิ้วมุ่น พร้อมกับทำหน้าเบ้เล็กน้อยทันทีเมื่อฟังคำพูดของปลายสายจบ ก็ไหนบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นแฟนของอรพิมลไง แล้วทำไมต้องมารับอรพิมลกลับบ้านด้วย
(นี่ลุง...)
“ใครเป็นลุงเธอ”
(คุณจะเป็นลุงของปานหรือลุงของใครก็ช่างมันเถอะค่ะ แต่ลุงไม่ได้เป็นแฟนของอรจริงๆ ใช่ไหม)
“ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่ได้เป็นแฟนอรพิมล” จอมพลย้ำคำตอบก่อนหน้านี้ให้ปลายสายฟัง พร้อมกับคิดทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายไปด้วย เขาอดสงสัยไม่ได้ เพราะเหตุใดเด็กสาวคนนี้ถึงคิดว่าเขากับอรพิมลเป็นแฟนกัน
(โอเคค่ะ ปานเชื่อแล้วว่าคุณเป็นผู้ปกครองของอร)
“ตอนนี้บอกได้หรือยังว่าหนูอรอยู่ที่ไหน”
(พวกเรามาจัดงานเลี้ยงฉลองที่เรียนจบที่โรงแรม....แถวราชเทวี มาถึงก็โทร.มาหาปานก็แล้วกันนะคะ จดเบอร์โทร.ของปานไว้นะคะ เดี๋ยวปานจะออกมารับคุณเอง)
“เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” จอมพลจดเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนอรพิมลเสร็จก็ตัดสายทันที แต่เขาก็ดันได้ยินเสียงบ่นพึมพำมาจากปลายสายเสียก่อน ใบหน้าหล่อคมสันถึงกับกระตุกขึ้นทันควัน แล้วแสยะยิ้มเล็กน้อยไปกับคำบ่นที่เขาได้ยิน
(ให้ตายเถอะ! เป็นตาลุงที่ปากแข็งซะมัดเลย) ปานไพลินพึมพำออกมาอย่างหมั่นไส้ ใครเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้ก็โง่แล้ว ฟังจากน้ำเสียงและท่าทางวางอำนาจของเขา เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาต้องเป็นแฟนของอรพิมล
หญิงสาวเก็บโทรศัพท์มือถือของเพื่อนสนิทลงไปกระเป๋า แล้วเดินกลับไปยังหน้าเวที ซึ่งตอนนี้แพรวพัตรากำลังร้องเพลงที่เธอเป็นผู้ขอเอาไว้อยู่ ส่วนอรพิมลก็นั่งจิบน้ำผลไม้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่แพรวพัตรายืนร้องเพลง
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...