Ep11 : บางอย่างที่ขาดหายไป (จบบท)

2004 คำ
(บางอย่างที่ขาดหายไป) หายไปเลยหายไปราวสองอาทิตย์ วันนี้ก็ไม่มีปิ่นโต...มาขวางหูขวางตาวางเกะกะอยู่หน้าประตูกระท่อม ดงเงี่ยหูฟังเสียง ปกติถ้าเขายังไม่ตื่นนอน...มาแง้มประตูเปิด มะเฟืองมันจะลากไม้กวาดทางมะพร้าวเอาไปกวาดใบไม้แห้งบนพื้นรอบกระท่อมจนสะอาดตา หรือไม่ก็ฉวยถังตักน้ำมารดผักที่เขาปลูกทิ้งไว้ รอให้เขาขานรับ ไม่มีเสียงเรียก ไม่มีเสียงตามตอแย ลานฝึกเพลงดาบก็ไม่เจอหน้าเจ้าหล่อนมาปรากฏตัว ดงรู้สึกสบายใจอยู่ได้ราวห้าวัน...ความรู้สึกกระสับกระส่ายพลันจู่โจมเข้ามาโดยที่ดงไม่รู้ตัว “มันโกรธข้าจริงๆหรือวะ?” ดงถามตัวเอง ดวงตาใต้คิ้วเข้มอ่อนแสง หรือขาที่ถูกไม้ฟืนบาดจะระบมจนกลายเป็นแผลบาดทะยักเดินเหินไม่ไหว ดงมีท่าทางไม่สบายใจ ย้อนคิดไปถึงวันนั้น...ต้นเหตุของเรื่องมันมาจากเขาคนเดียว...ทำให้เจ้าหล่อนบาดเจ็บแถมยังใจดำไม่เคยถามไถ่ถึงอาการ หรือจะไปดูให้เห็นกับตา...ดงตั้งท่าจะหมุนตัวกลับเข้ากระท่อมหยิบเสื้อสักตัวมาสวม หูก็ได้ยินเสียงหวานเรียกหา “พี่ดงจ๋า...พี่ดงอยู่หรือเปล่าเอ่ย?...” เสียวหวานแว่วเข้ามาในหู ทำเอาแผ่นหลังกว้างยืดตรง มุมปากคลี่ขยายออก...เพราะนึกว่าเป็นเสียงจากมะเฟือง...ถ้าหากเป็นมันจริงๆ เขาจะรู้สึกเบาใจได้หน่อย...เขาไม่ได้ทำขามันพิการ “พี่ดงยังอยู่กระท่อมจริงๆด้วย...” เจ้าของเสียงหวานไม่ใช่มะเฟือง แต่เป็นส้มแป้น ดงรู้สึกผิดหวังหากยังเก็บความรู้สึกไว้ใต้ใบหน้าคร้ามคม เขาหมุนตัวมาเพื่อจะถามเจ้าหล่อนมาหาเขาทำไม? ไหนบอกว่า...จะไปตามตื๊อพี่ทัพทองให้สำเร็จ “เอ็งมีธุระ...อะ...ส้มแป้น เดี๋ยวก่อน...” ยังไม่ทันได้ถามไถ่กันให้รู้เรื่องร่างกลมกลึงก็โถมตัวเขามาสวมกอด รัดร่างหนาเขาไว้แนบแน่น นมต้มบดอัดเข้ากับหน้าอกแกร่งแทบจะจมหายเข้ามาในเนื้อเดียวกัน ดงสวมเพียงกางเกงเพราะว่าเพิ่งจะตื่นนอน...พอถูกร่างนุ่มเสียดสีเข้าหน่อย ลำกายเขาจึงดันเนื้อผ้าออกมาตุงเต็มทั้งลำ ส้มแป้นถึงกับเนื้อตัวสั่นเทา รีบดันร่างหนาให้เข้ามาในกระท่อม จัดแจงเป็นฝ่ายหันกลับไปปิดประตูลงกลอน ดงดึงร่างงามมาจูบฟัดตามประสาหนุ่มกลัดมันที่ยังมีความปรารถนาอยู่เต็มล้น...ทั้งที่ก่อนหน้าตั้งใจจะไปดูอาการของคนเจ็บขา มาถูกไฟราคะครอบงำเช่นนี้...เห็นทีคงต้องเก็บความตั้งใจเอาไว้ทีหลัง ไม่แน่หรอกพรุ่งนี้...มะเฟืองคงโผล่หน้าหิ้วปิ่นโตมาให้เขาตามเดิมก็อาจเป็นได้กระมัง “พี่ดงจ๋า รู้ไหมฉันคิดถึงพี่จะแย่...” สาวงามประจำหมู่บ้านสามโคกออดอ้อนเสียงหวาน เขาเล่นหายหน้าไม่ยอมปีนขึ้นหาเธอนานนับเดือน...คงจะยุ่งกับการสอนเพลงดาบให้พวกชาวบ้าน เธอเลยกะจะเดินนวยนาดไปให้นายบ้านทัพทองได้เห็นหน้าบ้าง บางทีเขาอาจจะนึกถึงถ่านไฟเก่าเร่าร้อน เรียกใช้เธอไปบำรุงบำเรอ...รายนั้นกลับยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มองเธอสักนิดไม่ว่า...ยังมีหน้ามาสั่งให้พ่อของเธอรีบลากตัวเธอกลับเรือนเป็นการด่วน...ยังมีการกำชับก่อนจะลงจากเรือนด้วยเสียงกราดเกรี้ยว... ‘วันหน้าวันหลังอย่าได้ขึ้นมาเดินเผ่นพล่านบนเรือนกูให้รำคาญลูกตาอีกเด็ดขาด...ถ้าพวกมึงยังต้องการเงินทองเติมหีบในเรือนอยู่ ก็อย่าบังอาจขึ้นมาเดินยั่วยวนบนเรือนกู...’ ทางเดียวที่ส้มแป้นจะสุขสมหวัง...เธอนึกถึงชายอีกคน วันนี้พอคล้อยหลังพ่อกับแม่ที่พากันลงเรือนแต่เช้าไปช่วยงานบ้านตาทองอยู่ เธอเลยตั้งใจแอบดอดมาหาดงถึงกระท่อม ริมฝีปากอิ่มถูกบดขยี้เร่าร้อนพลุกพล่าน ชุดงามถูกทอดทิ้งเกลื่อนบนพื้นจนเหลือเพียงกายขาวโพลนบดเบียดเข้าหากายแกร่ง มือหยาบตะปบเข้าหาฟอนเฟ้นหน้าอกสองเต้าสล้าง ส้มแป้นเปล่งครางเสียงอ่อนหวาน เผยอกลีบปากอมชมพูธรรมชาติยอมให้เรียวลิ้นร้อนซอกไซ้เข้ามาผัวพันดูดดื่ม “พี่ดง...อ๊า...” ลากฝ่ามือนุ่มไปตามผิวเนื้อแน่นตึง กล้ามชายหนุ่มขึ้นเป็นมัดน่ามอง กลีบกลางสาวชุ่มชื้นด้วยลาวาแห่งตัณหา ไฟร่านร้อนลุกโหมพร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่งให้แหลกลาญในพริบตาเดียว ดงช้อนร่างอ่อนระทวยขึ้นมานอนแผ่หลาบนแคร่ไม้ สาวงามชูมือชูไม้ส่งสัญญาณเรียกหา ดวงตาปรือปรอยเพราะรูร้อนๆต้องการท่อนเอ็นเข้ามาเติมเต็มให้หายคันรู ดงรูดลำอวบในมือหรี่ตามองแม่สาวร่านสวาทด้วยอารมณ์กระเจิง รูดอีกไม่กี่ทีก็จัดการยัดเข้าใส่ร่องสาวจนเต็มทั้งลำ สวบ... “อร๊าย / โอ้ว... “ สองเสียงขานประสานรับ ดงเงยหน้าครางเสียงแหบห้าวเลือดลมในกายชายร้อนฉ่า เขากระทุ้งกระแทกสะโพกโยกโยนลำอวบเข้าทะลวงร่องหนึบหนับ ข้างในยังตอดรัดไม่หลวมโคกเพราะผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน เป็นเรื่องธรรมดาของชายหนุ่มวันฉกรรจ์ ยังมีความต้องการในเรื่องปลดปล่อยตามธรรมชาติ ส้มแป้นกับเขาเป็นของเคยค่าม้าเคยขี่กันเสมอ ต่อให้หัวใจไม่ถึงรักใคร่หากก็ผูกพันด้วยไม่น้อย ... ทั้งคู่มัวเมาในการเสพสังวาสจนตะวันตรงหัว ดงหลั่งออกมาอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวมานอนหอบหายใจถี่ข้างเจ้าของร่างขาวโพลน ท้องของดงชักเริ่มร้องประท้วงถี่ขึ้น หลายวันมานี้เขาแทบไม่ได้แตะต้องอาหารเป็นจริงเป็นจัง...สู้อุตส่าห์ลงมือปรุงกับข้าวเอง...รสชาติมันก็ไม่ถูกปาก กินคำสองคำก็กินไม่ลง “ส้มแป้น...” ดงขยับตัวลุกขึ้นนั่งหยิบกางเกงมาสวม เจ้าของชื่อยังนอนหลับตานิ่ง ดงจึงปรายหางมามอง “ส้มแป้น ข้าหิว...ขะ” “จ๋าพี่...ถ้าพี่ยังไม่อิ่มก็กินฉันอีกสิจ๊ะ...” ยังไม่ทันพูดจบคำดีมือนุ่มวาดมาตะปบลงมาบนท่อนขาแกร่ง กลีบปากบวมเผยอขึ้นรอรับจูบแสนหวาน ดงสะดุ้งมองมือไต่เป็นปลาหมึกก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง “ข้าหมายถึงหิวข้าว ไม่ได้หิวเอ็ง...ลุกขึ้นไปหุงข้าวให้ข้ากินที เดี๋ยวข้าจะออกไปเด็ดผักเอามาลวกจิ้มกับน้ำพริกปลาทอด...” “อ้าว!...” ส้มแป้นลากเสียงยาวทำหน้าเซ็ง ล้มตัวลงนอนกลับท่าเดิม เธออิ่มแต่ก็ยังอยากได้อีก พอถูกใช้ให้ไปหุงข้าว สาวเจ้ากลับส่ายหน้าดิก เรื่องอะไรต้องทำ...ไม่ใช่หน้าที่ของเธอสักหน่อย “พี่ก็หุงเองสิ...ฉันเหนื่อยขอนอนพักสักแป๊บ...” ดงชะงักเอี้ยวตัวมามองด้วยสายตากระด้าง ทีเมื่อกี้ยังระริกระรี้จะให้เขาเย่อรูอยู่เลย...ทีนี้ดันบ่นว่าเหนื่อย โดยไม่คาดฝันจู่ๆภาพในวันวานความสัมพันธ์เลยเถิดระหว่างเขากับสาวไม่น่าพึงปรารถนาในกระท่อมหลังนี้ดันตัดฉับเข้ามาในความคิด วันนั้นตอนเขาตื่นขึ้นมา ภายในกระท่อมเขาสะอาดสะอ้านผิดหูผิดตา มองไปตรงที่วางสำรับกับข้าวก็เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่ากิน... ดงยกมือขึ้นลูบท้องที่ชักเริ่มมีอาการแสบหน่อยๆ หรี่ตามองแม่สาวร่านเสน่ห์พอได้จนอิ่มแปล้ก็เอาแต่นอนหลับตาพริ้ม คงมีดีแค่เรื่องขย่มโยก เรื่องงานบ้านงานเรือนคงไม่ได้ความ ไม่เหมือนกับ... จะไปคิดถึงมันทำไม ดงเอ็ดตัวเองพ่นลมหายใจออกเสียงดังฮึดฮัด... ----------------------------------- ปิ่นโตเถาใหญ่ถูกวางไว้ตรงหน้าสองหนุ่มปาท่องโก๋...วันนี้ถึงคิวของมิ่งแก้วกับฤทธิ์เป็นครูสอนเพลงดาบบ้าง สอนเสร็จก็ได้เวลาพักเที่ยงกินข้าวพอดิบพอดี สองหนุ่มรื้อย่ามบรรจุมื้อกลางวัน...ซึ่งเป็นอาหารประเภทปรุงหากันแบบง่ายๆตามประสาหนุ่มโสด...เป็นข้าวสวยกับน้ำพริกปลาย่าง ห่อมาพร้อมกับผักตำลึงต้มแล้วก็ผักบวบ ห่ออาหารจากใบตองถูกบดบังด้วยปิ่นโตเถาใหญ่ มิ่งแก้วเงยหน้ามองส่วนฤทธิ์กะพริบตาปริบๆ “ฉันทำกับข้าวมาให้จ้ะ...ตอบแทนยาดีของพวกพี่ทั้งสองคนไง...ดูสิ...ฉันเอามาพอกไม่กี่หนแผลฉันก็แห้งตกสะเก็ดหมดแล้วจ้ะ...” มะเฟืองยิ้มแป้นจนเห็นฟันขาวตัดกับสีผิวคล้ำกระดำกระด่าง มิ่งแก้วพยักหน้ารับมาโดยไม่ต้องมีพิธีรีตองจัดการรื้อออกทีละเถา ฤทธิ์ชะโงกหน้าดูอาหารในปิ่นโต เขาถึงกับกลืนน้ำลาย เหลือบตามองหญิงสาวเจ้าของฝีมือกับข้าวน่ากิน นึกชื่นชมเจ้าหล่อนผู้นี้ ถึงหน้าตาจะไม่จิ้มลิ้มพริ้มเพราสวยหวานให้ชวนมอง...เหมือนกับสาวน้อยฉกา ทว่าฝีมือการทำกับข้าวกับปลา...ดูจะไม่ด้อยน้อยหน้าไปกว่ากันสักเท่าไร มะเฟืองเดินมานั่งบนแคร่ไม้ใกล้กับมิ่งแก้ว ท่าทางธรรมชาติไม่กระดากอาย เธอเติบโตมาในหมู่บ้านสามโคกนอกจากรำเพย ส้มแป้น ก็มีพวกพี่ทองก้อน กับ พี่มิ่งแก้วนี่แหละ...ที่เธอคุ้นเคยด้วย มะเฟืองยกขาที่เคยมีร่องรอยถูกซีกไม้บาดขึ้นสูง “นี่ไงแผลที่ขาฉัน ดูสิ...แม้แต่รอยสะเก็ดแผลเป็นก็แทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำ...ต้องยกความดีความชอบให้ยาดีของพี่สองคนเลยน่า...ฉันเลยอยากตอบแทนน้ำใจ ก็เลยทำแกงมาให้ตั้งหลายอย่างแหนะ...” สองหนุ่มมองขาของสาวเจ้าแล้วก็ฉีกปากยิ้มกว้าง... “ขอบใจเอ็งมากนะมะเฟือง...แล้วนี่จะกินข้าวด้วยกันเลยไหม? ข้าพกห่อข้าวมาด้วยแล้วข้าวที่เอ็งเอามาก็อีกตั้งบานตะไท...ถ้าเหลือทิ้งก็น่าเสียดายแย่...” ฤทธิ์ไม่รอฟังคำตอบ เขาเป็นฝ่ายยื่นห่อข้าวอีกห่อมาวางไว้ตรงหน้ามะเฟือง “กินด้วยกันนี่แหละ...ไม่ต้องปฏิเสธ กินอิ่มแล้วจะช่วยสอนเพลงดาบให้...ตั้งแต่ขาเอ็งเจ็บก็ไม่ได้มาซ้อมเลยไม่ใช่หรือไง” ชายต่างถิ่นนิสัยพูดน้อยเป็นฝ่ายอาสา “ได้จ้ะ...ช่วงนี้รู้สึกอึดอัด สงสัยจะนอนพักเยอะไปหน่อย ได้ออกแรงเรียกเหงื่อเสียบ้างก็ท่าจะดี พุงยื่นๆของฉันจะได้ยุบลงหน่อย” มะเฟืองยกมือขึ้นลูบพุง สองหนุ่มต่างพากันส่ายหัว กับข้าวทุกอย่างหมดเกลี้ยง ฤทธิ์อิ่มจนแทบเดินไม่ไหว ตาสองข้างสะลึมสะลือจนแทบจะปิด หนังท้องตึงหนังตาก็แทบหย่อน ฤทธิ์จึงเผลองีบหลับมันเสียดื้อๆ ส่วนมิ่งแก้วถึงกับกางแขนกางขาออก นอนแผ่หลาเอาแรง มะเฟืองเก็บเถาปิ่นโตเสร็จก็ลุกเดินไปหารำเพย...เห็นเพื่อนเดินหน้างอหงิกมาแต่ไกล...สงสัยถูกพี่ทองก้อนพูดจาไม่ดีใส่มาอีกแน่เลย หัวอกเดียวกัน...มะเฟืองก็เลยรักรำเพยมากกว่าส้มแป้นนิดนึง มิ่งแก้วพอหันไปหาฤทธิ์ก็เห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิท เขาจึงลุกขึ้นนั่ง...เดินขึ้นไปบนเรือนหัวหน้าทัพทอง...ยังมีเรื่องที่เขาต้องปรึกษาหารือเกี่ยวกับข่าวกรองที่เพิ่งได้มาจากบ้านสามดอก...พูดค้างเอาไว้ตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้บทสรุป ตอนนี้เขาเริ่มพบพิรุธสำคัญจากไอ้หนุ่มฉกรรจ์กลุ่มนั้น เบื้องหลังมันดูมีลับลมคมในแปลกๆ ไม่มีสาวๆในบ้านสามดอกรู้ที่มาที่ไป พวกมันเป็นใคร มาจากหมู่บ้านไหน หรือลูกเต้าเหล่าใครด้วยซ้ำ... -------------------------------------------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม