ไอ้เด็กคนนี้!
“ไม่ได้ให้มารักษา แต่มาเปลี่ยนชุดให้หน่อยสิ ฮือ ๆ เจ๊ยังใส่ชุดนอนอยู่เลยไม้เอ้ย”
(เฮ้อ หนูบอกแล้วให้หาแฟน เออ ๆ เดี๋ยวไป) ตอบเสร็จก็ตัดสายไปเลย ฉันลุกไม่ไหว จะลุกไปแปรงฟันยังไม่ได้เลย เข้าใจกันหน่อย!
ไม่นาน ใบไม้ที่อยู่คอนโดตึกถัดไปก็เปิดประตูเข้ามา ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมนางเข้ามายืนหน้านิ่งตรงหน้าฉันได้ เพราะห้องนี้ พ่อบอสซื้อให้ฉันกับใบไม้อยู่ตอนมหาลัย เราจึงมีคีย์การ์ดคนละใบ
“ใบไม้ หยิบเครื่องสำอางกับโทนเนอร์มาด้วยสิ” ใบไม้มองหน้าฉันเซ็ง ๆ ก่อนจะหาถุงพลาสติก โกยเครื่องสำอางบนโต๊ะฉันใส่ แล้วเดินมานั่งบนเตียง
“ลุกไม่ไหวเลยเหรอ”
“อื้อ... บีบโทนเนอร์ให้เจ๊หน่อย เร็ว ๆ เดี๋ยวรถโรงบาลมา” ใบไม้ดูเซ็งฉันมาก แต่นางก็ทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง แม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า และแต่งหน้าให้
“เอ่อเจ๊... บอกตรง ๆ เหมือนแต่งหน้าศพ”
ใบไม้!
“ปากเหรอนั่น! เออ อย่าบอกพ่อบอสกับแม่กิ่งนะ ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง”
เบะปากใส่ฉันทันที
“ยัดเยียดบาปให้หนูอีกแล้ว”
“ตรงไหน ไม่ดีรึไง พ่อกับแม่จะได้ไม่คิดมาก”
“เป็นอะไรก็ชอบเก็บคนเดียว เดี๋ยวก็ประสาทกินตายสักวัน” แรง
“เอาน่า แต่งเสร็จยัง คิ้วเท่ากันไหม” ฉันรีบคลำหากระจกมาส่องหน้าทันที โห… ฝีมือไม่เลวแหะน้องสาวฉัน
“แต่งเก่งนะเรา ไปฝึกมาจากไหน”
“ตอนปิดเทอม หนูไปเป็นอาสาแต่งหน้าศพไร้ญาติมา แต่งหลายศพจนชินมือแล้ว”
น้ำตาจะไหล... พอแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว!
‘กริ๊ง กริ๊ง~’
‘รถโรงบาลมาแล้วค่ะ’ ก่อนที่ฉันจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ ก็มีคนกดกริ่งหน้าห้องก่อน
จนน้องสาวสุดที่รักของฉัน ลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ แล้วเดินนำบุรุษพยาบาลเข้ามา อุ้มฉันขึ้นเปล
กว่าจะลงจากคอนโดได้ บอกเลย ฉันอับอายเพื่อนบ้านมาก ทุกคนมองฉันเป็นตาเดียว แต่เดี๋ยว! นี่มันรถโรงพยาบาลน้ำปั่นนี่!! โรงพยาบาลของบ้านนาวา!
ต้องเจอไหม จะได้เจอไหม แต่เขาอินเทรินศัลยแพทย์ คงวนเวียนอยู่ที่ห้องผ่าตัด ไม่ได้รักษากูหรอก สาธุ... ไม่อยากเจอ ไม่อยากเจอ…
“เจ๊เป็นอะไร” อยู่ ๆ ใบไม้ก็ตีมือฉันดังเพียะ จนฉันหยุดทุบหัวตัวเอง แล้วลืมตาขึ้นมองหน้าทุกคน
คือฉันอยู่ในรถโรงบาล ทุกคนกำลังมองมาเป็นตาเดียว แล้วกลั้นหัวเราะใหญ่ ยกเว้นใบไม้ ที่มองฉันหน้านิ่ง ๆ
“ป่าว ๆ แหะ ๆ ไม่มีอะไร”
“เหรอ นึกว่าผีเข้า คราวหลังอย่าเป็นแบบนี้อีกนะ หนูอายเขา”
รักกูบ้างก็ได้ ยัยน้องบ้า!
ฉันนอนนิ่งสงบปากสงบคำจนมาถึงโรงพยาบาล ก่อนที่ใบไม้จะแยกไปทำเรื่องบัตรให้ และพยาบาลสาวสวยก็ตรงมาซักประวัติฉันทันที
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
“ล้มค่ะ ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง ล้มตอนแรกไม่ค่อยเจ็บ ตอนนี้เจ็บมากเลยค่ะ ขยับตัวไม่ได้เลย” พยาบาลจดรัว ๆ ลงแฟ้มประวัติ
จนฉันถูกพยุงลงไปนั่งรถเข็นแทน โอ้ยเจ็บมากเลย! กูจะไม่ล้มอีกสาบาน!
“คนไข้รอเรียกคิวที่หน้าห้องตรวจนะคะ” ฉันยิ้มให้พยาบาลแล้วนั่งเล่นมือถือรอ ขออย่าเป็นอะไรเลย แค่ช้ำก็พอ เฮ้อ...
“เจ๊ ยังไม่ได้ตรวจอีกเหรอ นี่โรงพยาบาลเพื่อนเจ๊นิ เขาไม่แทรกคิวให้รึไง” เมื่อกี้ยังบอกกู ว่าโกหกพ่อแม่มันบาปเลย? What?
“ตามคิวดิ คนอื่นเขาก็รีบเหมือนกัน”
“ดีใจ ที่เจ๊ยังมีความคิดดี ๆ อยู่บ้าง” ใบไม้!
“เชิญคุณ ปัณณภัทร์ ที่ห้องตรวจหกค่ะ” ก่อนที่ฉันจะกินหัวน้องตัวเอง พยาบาลก็เดินยิ้มกว้างมาเข็นรถเข็น ไปห้องตรวจ
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก~’ เอ๊ะ... ชื่อหมอทำไมมัน?
“ครับ” เสียง... ก็
ฉันนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จนพยาบาลเปิดประตู แล้วเข็นรถฉันเข้าไป
ถึงบ้างอ้อเลยกู!
นาวา! เขามาตรวจอะไรในห้องนี้! ไม่ได้อยู่แถวห้องผ่าตัดรึไง โอ้ย... กราวที่ใส่ หน้าขาว ๆ ทำไมเดี๋ยวนี้หล่อจัง ฉันเบิกตากว้างมองเขาไม่ละสายตา จนเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน แล้วขมวดคิ้ว
“แฟ้มประวัติคนไข้ค่ะคุณหมอ” เขารับแฟ้มจากพยาบาลแล้วพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า
“คุณออกไปก่อน...”
“อ๋อ… ค่ะ ๆ” ทำไมต้องให้พยาบาลออกไปด้วยเนี่ย!
“เป็นอะไร ล้มเมื่อคืน?” เขาลุกขึ้นแล้วเข็นรถเข็นไปใกล้ ๆ โต๊ะ ก่อนที่จะเดินอ้อมกลับไปนั่งที่เดิมแล้วมองหน้าฉัน
“ใช่ ตะ… ตื่นเช้ามามันเจ็บมากเลย ขยับไม่ได้” เขามองฉันหัวจรดเท้าอีกแล้ว สายตานี่แบบ โอ้ย… ช่วยมองกูเหมือนหมอมองคนไข้ปกติได้ไหม มันเซ็กซี่เกินไปแล้ว!
“มีอาการอื่นแทรกซ้อนไหม?” อาการอื่น
“ไม่มี นอกจากเจ็บเนี่ย ฉันจะเป็นอะไรไหม”
“ช้ำรึป่าว?”
“ไม่รู้อ่ะ มองไม่เห็น” เขาลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะเข็นรถฉันไปที่เตียงตรวจ
“ทำอะไรอ่ะ?”
“เธอมาหาหมอ ทำไมต้องถามมาก ฉันจะตรวจให้”
และเขาก็จับฉันลุกขึ้นยืนทันที ไม่ถนุถนอมไม่กลัวกูเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น
“โอ้ย… เจ็บ เบา ๆได้ไหม นายเป็นหมอจริงป่ะเนี่ย!” ฉันทำท่าจะทรุดไปนั่งอีกรอบ จนเขาก้มลง แล้วอุ้มฉัน ขึ้นไปนอนบนเตียงแทน
“นอนคว่ำ และถอดกางเกงลง”
“อะไรนะ?”
“หูหนวกรึไง ฉันบอกว่า ให้นอนคว่ำแล้วถอดกางเกงลง!”
ทำไมต้องถอดกางเกงวะ ให้นอนคว่ำ แล้วถอดกางเกง ก็เห็นก้นกูน่ะสิ! บ้า! ไม่เอา!