บททดสอบ

1774 คำ
ซิงเยียนตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพื่อมาฝึกดาบกับลู่เป่า องครักษ์ทั้งสองของนางยังเทียวไปเทียวมา เพื่อดูแลทั้งนางและน้องสาว แต่หน้าที่หลักในการดูแลหนิงเซียนยังคงเป็นของลู่ซิว เคร้ง! “เห้อ~ ข้ามิเคยเอาชนะเจ้าได้สักที” “เพียงเท่านี้ก็ดีแล้วขอรับฮูหยิน” ลู่เป่ายกยิ้มให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะรับดาบมาเก็บไว้ “ขอบใจเจ้ามาก วันนี้ข้ามิได้ไปที่ใด เจ้าจะออกไปพักผ่อนก็ได้ ทหารในจวนมีมากมาย” “ขอรับ แล้วเรื่องเมื่อคืน…” ลู่เป่าพูดเพียงเท่านั้น สองนายบ่าวก็เข้าใจกันอย่างถ่องแท้ “ข้าจะจัดการเอง…เสี่ยวหง จ้านโหรวตื่นหรือยัง” ซิงเยียนพยักหน้าตอบรับองครักษ์ก่อนจะหันไปพูดคุยกับคนสนิท “ยังมิออกจากห้องเจ้าค่ะ แต่ตื่นหรือยัง บ่าวมิอาจรู้ได้” “มิเป็นไร ข้าจะไปดูเอง” ว่าแล้วซิงเยียนก็รับผ้ามาซับเหงื่อ ก่อนจะเดินไปห้องนอนของตน เพื่อปลุกสามีจอมเกียจคร้าน เมื่อเข้ามาในห้องนอนก็เป็นไปอย่างที่นางคิด ร่างสูงกำลังนอนหลับสนิท ทั้งยังส่งเสียงกรนออกมาเบาๆ แม้จะกลัวบาปที่ปลุกคนกำลังหลับสบาย แต่นางกลัวว่าแขกที่นัดหมายเอาไว้จะต้องรอนาน “จ้านโหรว เจ้าตาสีขนเป็ด ตื่น! ตื่นได้แล้ว” ซิงเยียนออกแรงเขย่าตัวของชายหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า จนจ้านโหรวงัวเงีย ลืมตาตื่นขึ้นมา “อื้อ มีเรื่องอันใดหรือ หากไม่สำคัญก็เอาไว้ก่อน ข้าง่วง” ว่าแล้วร่างใหญ่ก็ฟุบลงไปกับเตียงอีกครั้ง “นี่ ตื่นขึ้นมานะ ข้าจะถามว่าเมื่อคืนเจ้าออกไปที่ใดมา” เพียงได้ยินคำถาม ก็ทำเอาดวงตาสีทองอร่ามเบิกกว้างขึ้น ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ หลังตรงอยู่บนเตียง “ข้า ข้าจะไปที่ใดได้เล่า นอกจาก…ห้องสุขา” “ข้าก็คิดอยู่ว่าเจ้าจะไปที่ใดได้ แต่ทหารยามเหล่านั้นมาแจ้งข้าว่าพบเจ้าแอบปีนรั้วเข้ามา” “ห๊า~ ข้าน่ะหรือจะปีนกำแพงสูงถึงเพียงนั้นได้ ทหารท่านสายตาย่ำแย่เสียจริง” จ้านโหรวปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งยังใส่ร้ายว่าคนของนางมองผิด ทั้งที่คนเห็นเป็นถึง ลู่เป่า องครักษ์เงาที่ทำงานมาเกือบทั้งชีวิต “อืม คงจะมองผิดไปจริงๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำเถิด วันนี้จะมีแขกมาที่จวน” “ผู้ใดหรือ” “ประเดี๋ยวก็จะรู้เอง” ว่าเพียงเท่านั้น ซิงเยียนก็เรียกบ่าวรับใช้ให้มาเตรียมน้ำ และอาภรณ์ที่จะให้สามีใส่วันนี้ จ้านโหรวเคยบอกกับนาง ว่าไม่คุ้นชินกับการถูกปรนนิบัติยามอาบน้ำ นางจึงมิได้เรียกให้คนมาช่วย ปล่อยให้ชายหนุ่มชำระกายด้วยตนเอง แต่ซิงเยียนก็อดคิดไม่ได้ ว่าชายหนุ่มมีชีวิตอย่างไรในเรือนสกุลจง เป็นถึงบุตรชายคนโตของแม่ทัพ แต่กลับมิคุ้นชินกับการถูกปรนนิบัติ กว่ามื้อเช้าแสนวุ่นวายจะผ่านพ้นไป ก็ทำเอาเสี่ยวหงแทบปาดเหงื่อ ตั้งแต่รับใช้องค์หญิงทั้งสองพระองค์มา นางยังไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน นายท่านชอบกลั่นแกล้งให้ฮูหยินโมโห ฮูหยินเองก็อดทนต่อการก่อกวนของนายท่านไม่ได้ “ฮูหยินเจ้าคะ แขกที่ท่านเชิญมา มาถึงแล้วเจ้าค่ะ” “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ เจ้าสั่งให้คนเตรียมชาและขนมไปให้ข้าที่ศาลาด้วย” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวหงรับคำ ก่อนจะออกไปจัดการตามคำสั่ง “ท่านยังมิได้บอกข้าว่าผู้ใดมา” จ้านโหรวก็ยังคงถามคำเดิมตั้งแต่เมื่อเช้า “ท่านอาจารย์ที่ข้าให้มาสอนเจ้าในศาสตร์ต่างๆ” “ห๊า เรียนหรือ ไม่เอาๆ ข้าขี้เกียจ” จ้านโหรวเบ้หน้าทันทีที่ได้ยินดังนั้น “วันนี้ยังมิได้เรียน ท่านอาจารย์แค่จะมาทดสอบเจ้าเท่านั้น ศาสตร์ใดที่เจ้าเก่งอยู่แล้วก็มิต้องเรียน ศาสตร์ใดไม่ได้ ก็จะได้เรียนให้รู้ เผื่อว่าวันหน้าเจ้าจะได้ใช้” แท้จริงแล้วซิงเยียนเพียงต้องการทดสอบดู ว่าคนตรงหน้าแกล้งทำตัวโง่เง่า เกเรไปทั่ว หรือที่จริงแล้วบุรุษผู้นี้เป็นเช่นนั้นจริงๆ “โถ่~ เช่นนั้นข้าคงต้องเรียนทุกศาสตร์” “เจ้ายังไม่ทันได้ทดสอบ ก็ท้อใจเสียแล้วหรือ” จ้านโหรวทำปากขมุบขมิบ ดังเด็กน้อยก็มิปาน ผู้ใดกันที่เอ่ยว่าเขาเป็นบุรุษรูปงามที่สตรีต่างหลงใหล ซิงเยียนเห็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น “คำนับนายท่านจงและฮูหยิน” “คำนับท่านอาจารย์ฉิวเจ้าค่ะ” “คำนับท่านอาจารย์ฉิวขอรับ” เมื่อภรรยาก้มคำนับชายแก่ตรงหน้า จ้านโหรวจึงทำตาม “ข้านำแบบทดสอบศาสตร์ต่างๆ มาพร้อมแล้ว เชิญนายท่านจงทางนี้” “ประเดี๋ยวก่อนขอรับ เอ่อ ขอข้าทำใจก่อนได้หรือไม่” “เริ่มเลยเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” ซิงเยียนมิฟังคำโอดครวญของสามี ดันร่างสูงเข้าไปนั่งบนพื้นที่ที่เตรียมไว้ ดูเหมือนว่าการทดสอบศาสตร์แรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับจารีต “มิใช่เด็กๆแล้ว อย่างอแง ข้าจะนั่งจ้องเจ้าอยู่ตรงนี้ หากว่ามิตั้งใจ ข้าจะฟ้องมารดาของเจ้า” เมื่อได้ยินคำขู่ของฮูหยิน จ้านโหรวก็นั่งลงแต่โดยดี ทำให้หญิงสาวพอใจไม่น้อย การทดสอบเป็นไปย่างทุลักทุเล แต่ชายหนุ่มก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงจนท่านอาจารย์ฉิวพลาดท่า เผลอเอ่ยคำตอบออกมา ทั้งศาสตร์เกี่ยวกับจารีต อักษร และการคำนวณ จ้านโหรวล้วนเอาตัวรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว ไม่สอบตก แต่ก็มิได้เก่งกาจ อยู่เพียงระดับกลางเท่านั้น “ดูเหมือนว่าศาสตร์ด้านดนตรี นายท่านจงจะเชี่ยวชาญ” อาจารย์ฉิวปาดเหงื่อ เพราะศาสตร์นี้คงมิต้องเหนื่อยระวังคำพูดให้อีกฝ่ายจับคำไปตอบ “ขอรับ เป็นความสามารถที่ได้จากการไปเที่ยวหอนางโลม คราหน้าข้าจะชวนท่านอาจารย์ไปด้วยดีหรือไม่ขอรับ” มือหนาถูกยกมาป้องปาก ก่อนจะกระซิบกระซาบเสียงเบา แต่ก็มิพ้นหูของซิงเยียน “ข้าได้ยิน” “อะแฮ่ม! ท่านอาจารย์ทำการทดสอบศาสตร์อื่นเถิดขอรับ ข้าพร้อมแล้ว” อาจารย์ฉิวเห็นท่าทีของสองสามีภรรยาก็พลอยขำขันไปด้วย ข่าวลือเสียหายมากมายที่เขาได้ยินมาจากชาวบ้าน มิรู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ที่เขารู้ในตอนนี้ คือจงจ้านโหรวผู้นี้ทำให้องค์หญิงสี่ของเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก “เช่นนั้นเราไปทดสอบการยิงธนูกันเถิด” กว่าจะทดสอบครบทุกศาสตร์ก็ล่วงเลยเข้าสู่ปลายยามอู่ (11:00 – 12:59 น.) ซิงเยียนจึงชวนท่านอาจารย์อยู่ทานมื้อกลางวันด้วยกัน เมื่อทานเสร็จ นางก็เดินออกมาส่งอาจารย์ฉิวขึ้นรถม้าหน้าจวน “ท่านอาจารย์คิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ” ซิงเยียนถามถึงเรื่องการทดสอบในวันนี้ “เป็นอย่างที่ฮูหยินคิด นายท่านจงมิได้ด้อยสามารถ แต่กำลังทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาโง่เง่า ทุกครั้งที่ข้าแสร้งเอ่ยผิด เขาก็จะทักท้วงทุกครั้ง หาว่าข้ากลั่นแกล้ง” ในศาสตร์ของการคำนวณ มีข้อหนึ่งที่จ้านโหรวบอกว่าทำมิได้ จึงขอให้อาจารย์ฉิวช่วย ท่านอาจารย์จึงแสร้งบอกคำตอบที่ผิดไป แต่ชายหนุ่มกลับรู้ว่านั่นมิใช่คำตอบที่ถูกต้อง ชายหนุ่มโวยวายเสียยกใหญ่ว่าอาจารย์ฉิวกลั่นแกล้งตนเอง “…” “ศาสตร์การยิงธนูก็เช่นกัน ลูกแรกที่เขายิงพลาดเป้าไปปักที่ต้นไม้ด้านหลัง หากข้ามิได้เข้าไปดู คงคิดว่าเขาด้อยสามารถจริงๆ แต่เมื่อเข้าไปดูแล้วกลับพบว่าหัวศรปักเข้าไปในลำต้นลึกมาก” “คนทั่วไปมิมีทางมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนั้น” “ขอรับ อย่างน้อยก็ต้องเคยผ่านการฝึกยิงธนูมาอย่างหนัก” ซิงเยียนพยายามนึกข้อมูลเกี่ยวกับชายหนุ่ม แต่เท่าที่นางรู้มา สามีของนางมิเคยสนใจเรื่องเล่าเรียน การทหารก็มิเคยฝึก “วันนี้ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากเจ้าค่ะ แล้วข้าจะแวะไปเยี่ยมเยือน” “มิเป็นไร จะทำสิ่งใดคิดให้รอบคอบ อย่าได้ผลีผลาม” “ศิษย์น้อมรับคำสอนเจ้าค่ะ” จ้านโหรวกำลังนอนเล่นอยู่กลางศาลาอย่างสบายใจ เพราะช่วงบ่ายนี้ไม่ต้องทำการทดสอบแล้ว แต่อยู่ๆ ฮูหยินคนงามก็นำม้วนตำรามากมายมาวางบนโต๊ะ “ฮูหยินของข้าทำสิ่งใดหรือ” เพียงแค่ได้ยินนายท่านจงออกปาก เสี่ยวหงก็รีบย่องออกจากบริเวณนั้นทันที หากนางอยู่ต่อ คงเป็นนางที่ต้องเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ย “อ่านเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน” “ให้ข้าช่วยหรือไม่ อะๆ อย่ามองข้าเช่นนั้น ท่านอยู่ในวังมาตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนข้าอยู่นอกวังมาทั้งชีวิต เรื่องความเป็นอยู่ของชาวเมือง ข้าย่อมรู้ดีกว่าท่าน” “อืม เช่นนั้นช่วยดูตรงนี้ที มีผู้ร้องเรียนมาว่าเนื้อหมูแพงมาก” ซิงเยียนยื่นข้อร้องเรียนให้สามีอ่าน “เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก” “อย่างไรหรือ” ร่างระหงเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ เพื่อฟังวิธีแก้ปัญหาจากอีกฝ่าย “หมูแพง ก็ไม่ต้องกินไง ปล่อยให้คนรวยเขากินไป” ม้วนกระดาษในมือบาง ถูกยกขึ้นมาฟาดลงไปกลางอกแกร่ง ทั้งที่นางตั้งใจฟังถึงเพียงนี้ แต่ชายหนุ่มกลับพูดจาน่าโมโห “…” “หรือไม่ก็เปลี่ยนมากินไก่ กินเป็ด กินห่านแทน” “เจ้านี่นะ! ข้าชักจะเหลืออด นั่นมันใช่วิธีแก้หรืออย่างไร” ซิงเยียนอ้อมไปผลักสามีลงกับพื้น ก่อนจะใช้ม้วนตำราทุบกายใหญ่เพื่อระบายอารมณ์ แต่นางก็มิได้ลงแรงมาก ถือเป็นการหยอกเย้ากันเล็กน้อยของสามีภรรยา “โอ๊ย โอ๊ย ฮ่าๆ ยอมแล้ว ข้าไม่กวนท่านแล้ว” นับวันทั้งสองก็ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงถกเถียง เสียงหัวเราะของสามีภรรยาดังไปทั่วจวน จนผู้มาใหม่ทั้งสามคนถึงกับหันมองหน้ากันอย่างงุนงง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม