ข้อตกลง

1807 คำ
“งดงามยิ่งนักเพคะ พี่หญิง” หนิงเซียนนั่งดูนางกำนัลอาวุโสแต่งแต้ม เครื่องประทินผิวลงบนใบหน้าของพี่สาว แม้จะรู้สึกยินดี แต่นางก็ใจหายไม่น้อยที่พี่สาวจะต้องสมรสและออกไปอยู่นอกวัง ทั้งยังต้องถอดยศ เพื่อรอการคัดเลือกองค์รัชทายาทอีก สามีขององค์หญิงคนใดได้รับเลือกมาเป็นองค์รัชทายาท จึงจะได้สิทธิ์เข้ามาอยู่ในฐานะเชื้อพระวงศ์อีกครั้ง “หึๆ ทุกทีพี่ก็งามอยู่แล้ว” “เพคะ พี่หญิงของข้างามอยู่แล้ว” พระสนมหวังมองบุตรีทั้งสองด้วยสายตาที่อ่อนโยน องค์หญิงตัวน้อยของนาง บัดนี้จะได้ตบแต่งออกไปใช้ชีวิตครอบครัวแล้ว วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง “เสร็จแล้วเพคะ” “เช่นนั้นพวกเจ้าออกไปรอด้านนอกเถิด” เมื่อพระสนมเอ่ยสั่ง เหล่ากำนัลก็รีบพากันออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงสามแม่ลูก “แม่มิรู้ว่าเหตุใด เจ้าจึงตัดสินใจแต่งกับชายผู้นี้ แต่ในเมื่อเจ้าได้เลือกแล้ว จงทำหน้าที่ของภรรยาอย่างเต็มที่ อย่าได้ขาดตกบกพร่อง ฮึก” สนมหวังปาดน้ำตา พลางส่งยิ้มให้บุตรสาว “ลูกเข้าใจแล้วเพคะ อึก” ซิงเยียนเองก็พยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ “แม้เราจะมีฐานะสูงกว่า แต่อย่าได้กดขี่เขา จงนับถือเขาเป็นสามี ถือเขาเป็นครอบครัวของเรา เป็นคู่ชีวิต คำพูดใดที่เป็นการเหยียดหยาม ดูถูก ก็คิดให้ดีก่อนจะเอ่ยออกไป” “เพคะเสด็จแม่” “ข้าจะคิดถึงพี่หญิง” หนิงเซียนขยับเข้าไปกอดพี่สาว สนมหวังเห็นดังนั้นจึงเข้าไปโอบกอดบุตรทั้งสองเอาไว้ “เสด็จแม่อย่าได้ร้องไห้ไปเลย เจ้าก็ด้วยหนิงเซียน พี่ยังต้องเข้าประชุมเช้ากับเสด็จพ่อ พี่ย่อมต้องแวะมาที่ตำหนักทุกวัน หรือไม่พี่ก็จะขอเสด็จพ่อพาเจ้าและเสด็จแม่ออกไปเที่ยวเล่นที่จวน” “แม่จะรอ” หลังจากโอบกอดกันจนพอใจ ซิงเยียนก็ถูกพาออกไปประกอบพิธี งานสมรสขององค์หญิงแห่งแคว้นจวิ้น จัดขึ้นพร้อมกันทั้งองค์หญิงสามและองค์หญิงสี่ ขบวนเกี้ยวและสินเดิมของเจ้าสาวยิ่งใหญ่สมเป็นองค์หญิงของแคว้น ด้วยเพราะเป็นสมรสพระราชทาน ขั้นตอนพิธีต่างๆ จึงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ทำให้มีพิธีกรรมยิบย่อยมากมาย ประชาชนรากหญ้าล้วนแล้วต่างปีติยินดี แม้จะมีข่าวลือเสียหายถูกเล่าต่อกันอยู่เป็นนิจ “นับจากนี้ จะเป็นพิธีเข้าหอของคู่สมรส” เรือนหอของซิงเยียนและจงจ้านโหรวถูกจัดขึ้นที่จวนนอกวังขององค์หญิง ซึ่งฝ่าบาทได้พระราชทานจวนนอกวัง ให้แก่องค์หญิงทุกพระองค์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ หลังจากงานสมรส ซิงเยียนตัดสินใจจะพักอยู่ที่จวนผิงจิ้งของนาง เพราะนางต้องเข้าวังอยู่ตลอด และจวนผิงจิ้งอยู่ใกล้พระราชวังมากกว่าเรือนสกุลจง แต่ซูหนี่คงจะอาศัยอยู่ที่เรือนสกุลจงกระมัง “เสี่ยวหง เจ้าอยู่ด้านนอกใช่หรือไม่” “เพคะองค์หญิง- เอ่อ ฮูหยิน” “เมื่อใดจงจ้านโหรวจะเข้ามา ข้ารออยู่นานแล้วนะ” ซิงเยียนรออยู่ในห้องหอมานานพอควร แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสามี ทั้งที่คิดจะพูดคุยและตกลกันอย่างสันติ แต่ชายผู้นี้กลับทำให้นางต้องโมโหจนได้ “เอ่อ นายท่านร่ำสุราอยู่ที่ศาลาในสวนเจ้าค่ะ” “หึ! เช่นนั้นให้ลู่เป่าไปลากตัวเขามา จะใช้วิธีใดก็ได้ แต่ข้าต้องได้พบเขาภายในครึ่งเค่อ (7 นาที) ” “พ่ะ- ขอรับฮูหยิน” ด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป เหล่าคนสนิทจึงไม่คุ้นชิน พูดผิดพูดถูกกันเป็นประจำ ซิงเยียนนั่งรอเพียงไม่นาน เสียงเอะอะโวยวายก็ดังลอดเข้ามา ก่อนที่นางจะเห็นเงาของสามีรางๆ ร่างสูงในชุดสีแดงถูกบ่าวชายหามเข้ามาในห้องหอ มือข้างหนึ่งกอดไหสุราไว้ อีกข้างจับแขนของบ่าวชายไว้ มิให้ตก ตุบ! “โอ๊ย ซี๊ดดดด ข้าเจ็บนะ พวกเจ้านี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียเลย” เสียงร้องโอดครวญของชายหนุ่มดังขึ้น “หากเจ้ามิชักช้า ข้าคงมิต้องใช้กำลัง มาเปิดผ้าคลุมหน้าให้ข้าประเดี๋ยวนี้ แล้วจะได้ดื่มสุรามงคลให้เสร็จสิ้นพิธีการไปเสีย” เสียงสะบัดของหญิงสาวตรงหน้า ฟังดูก็รู้ว่าอารมณ์เสียเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าจงจ้านโหรวผู้นี้จะไม่สน คิดแต่จะกวนใจสตรีตรงหน้า “อ่า ท่านอยากเข้าหอแล้วล่ะสิ ได้ๆ ข้าเปิดผ้าให้ท่าน” เมื่อเปิดผ้าคลุมหน้าออก นัยน์ตาของซิงเยียนก็สบเข้ากับดวงตาสีเหลืองทอง เห็นเช่นนี้นางก็ยิ่งมั่นใจว่าสามีของนาง คือชายชุดดำผู้นั้น “อะแฮ่ม เจ้ารินสุราให้ข้าสิ” “องค์หญิง ไม่สิ! ฮูหยินรัก เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของท่านกระมังที่ต้องรินสุรา” ซิงเยียนได้แต่ถอนหายใจ กับท่าทีและคำพูดที่ติดเล่นอยู่ตลอดเวลา มือบางคว้าสุรามารินลงจอก ก่อนทั้งสองจะยกขึ้นดื่มให้เสร็จสิ้นตามประเพณี “อ่า~ รสดีไม่น้อย กรมพิธีการไปสั่งสุรานี้มาจากที่ใดหรือ” “ข้ามิรู้ เจ้าไปอาบน้ำอาบท่าเสีย ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้า เราจะมาทำข้อตกลงกัน” ซิงเยียนไล่ชายหนุ่มไปอาบน้ำอาบท่า ส่วนตนเองก็พยายามถอดเครื่องประดับต่างๆ อย่างยากลำบาก “ข้าอาบน้ำจนเสร็จ ท่านยังถอดเครื่องประดับมิได้อีกหรือ” “นี่เจ้าอาบน้ำ หรือเพียงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแน่ ได้ขัดขี้ไคลหรือไม่” “ข้าขัดแล้ว มาๆ ข้าจะช่วยท่านถอดเครื่องประดับ” ว่าแล้วชายหนุ่มเรือนผมทองก็มายืนซ้อนด้านหลังของซิงเยียน ภาพสะท้อนในกระจกเงา ทำให้ฮูหยินน้อยถึงขั้นหน้าขึ้นสี เพราะบัดนี้สามีของนางสวมเพียงอาภรณ์สีขาวบาง ทั้งยังปล่อยสาบเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียน บ้าจริง! เจ้าตาสีขนเป็ดนี่ดูดีถึงเพียงนี้เลยหรือ “เสร็จแล้วหรือยัง” “เหลืออีกแค่ชิ้นเดียว…เสร็จแล้ว ท่านรีบไปอาบน้ำเถิด จะแช่น้ำก็ได้ ข้ามิได้ลงแช่ เพียงแค่ตักอาบเท่านั้น” “อืม ขอบใจ เจ้าอย่าพึ่งหลับนะ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยด้วย” เมื่อชายหนุ่มพยักหน้า ซิงเยียนจึงรีบเข้าไปชำระกายให้หายเหนื่อยทันที วันนี้ทั้งวันนางต้องอยู่ในชุดที่ทั้งหนักและร้อน ไหนจะพิธีการที่มากมายนั่นอีก ซิงเยียนใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำเสร็จ แน่นอนว่านางรู้สึกว่าร่างกายของนางมิสะอาดสะอ้านเหมือนเคย คงเพราะทุกทีมีเสี่ยวหงอาบให้ มิเคยต้องอาบน้ำเองเช่นวันนี้ “หลับแล้วหรือ ตื่นขึ้นมาคุยกันก่อน” ซิงเยียนใช้นิ้วสะกิดชายที่นอนเปลือยอกอยู่ “อื้อ ข้าเพียงพักสายตาเท่านั้น ท่านมีสิ่งใดจะพูดหรือ” จงจ้านโหรวมิได้ลุกขึ้น แต่ถดกายเข้าไปด้านในของเตียง เว้นที่ให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยิน ได้เข้ามานอน และซิงเยียนก็มิคิดจะปฏิเสธ เพราะนางเองก็เมื่อยขบมาทั้งวัน “มิถามหรือ ว่าเหตุใดข้าจึงเลือกจะสมรสกับเจ้า” ซิงเยียนหันมองชายหนุ่ม “เพราะน้องชายข้าต้องแต่งกับพี่สาวท่านมิใช่หรือ” “นั่นก็ใช่ แต่อีกเหตุผลคือข้าต้องการฮ่องเต้ปกครองเมือง มิได้ต้องการแม่ทัพควบคุมกองทัพ” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มขำทันทีที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว “เช่นนั้นท่านคิดผิดแล้ว เพราะนอกจากดื่มสุราและเข้าหอนางโลม ข้าก็มิเก่งกาจเรื่องใดทั้งสิ้น” “แน่หรือ…” สายตารู้ทันของซิงเยียน ทำเอาจ้านโหรวชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มร่าเช่นเดิม “ข้าแน่ใจว่าท่านคิดผิด” “หึ เจ้ามิต้องกังวลเรื่องนั้น เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องเรียนทุกอย่างที่จะใช้ในการแข่งขัน เพื่อคัดเลือกองค์รัชทายาท” “ประเดี๋ยวก่อน ขะ ข้าต้องทำด้วยหรือ” “ใช่สิ และเจ้าก็ต้องทำให้ได้ด้วย…นี่คือคำสั่ง มิใช่คำขอร้อง เพราะฉะนั้นเจ้ามิมีสิทธิ์ปฏิเสธ” จ้านโหรวได้แต่อ้าปากพะงาบๆ มิรู้จะตอบกลับไปเช่นไร “หากท่านจะให้ข้าทำตาม ท่านต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” “เจ้าว่ามา” “ข้าขอเพียงอย่างเดียว ท่านต้องทำดีกับมารดาของข้า อย่าได้กดขี่นาง เคารพนางในฐานะแม่สามี ยอมรับนางในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่ง” จ้านโหรวคิดว่าองค์หญิงของแคว้นคงรับรู้เรื่องราวของชนเผ่าท่านแม่แล้ว “หากท่านแม่ของเจ้ามิคิดร้ายกับข้า ข้าย่อมดีต่อนาง เจ้าก็เช่นกัน หากเจ้าดีต่อข้า ข้าก็เคารพเจ้าในฐานะสามี แต่หากเจ้าดื้อรั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ว่าแล้วซิงเยียนก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปกอกเปลือยของอีกฝ่าย มิได้เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายจะไม่สบายหรอก แต่แผงอกขาวนั่นทำให้นางละสายตาออกมายากเย็นเหลือเกิน อ่า~ นี่นางติดนิสัยชอบมองหนุ่มรูปงามมาจากป้าสะใภ้หรือ “ได้ ถือเป็นสัญญาระหว่างเรา อยู่กันอย่างสันติ เอื้อประโยชน์แก่กัน” ว่าแล้วร่างสูงก็พลิกกายขึ้นมาคร่อมซิงเยียนเอาไว้ “จะทำอันใด!” มือบางดันไหล่หนาทั้งสองเอาไว้ “ก็เข้าหออย่างไรเล่า จะได้เสร็จพิธีการทั้งหมด” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างหน้าตาย “มิได้ ห้ามเจ้าทำเช่นนี้ จนกว่าจะได้รับคำอนุญาตจากข้า” “แต่เราเป็นสามีภรรยากัน” “อึก ขอ ขอข้าทำใจก่อน” “โถ่~ ทำใจสิ่งใดเล่า ประเดี๋ยวข้าสอนท่านเอง” “อย่ากระทำตน เช่นคนอดอยากปากแห้งหน่อยเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าหอนางโลมบ่อยยิ่งกว่าเข้าห้องสุขาเสียอีก” “ถ้าเป็นถ่ายหนักก็ใช่อยู่ แต่หากถ่ายเบา ข้าเข้าห้องสุขาบ่อยกว่าเข้าหอนางโลมนะ” “จิ๊ เจ้านี่มันเหลือเกิน ออกไปเลยนะ! ข้าจะนอนแล้ว” ซิงเยียนผลักให้อีกฝ่ายนอนลง ก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้สามี “หึ เด็กเอาแต่ใจ” จ้านโหรวพึมพำเบาๆ ก่อนหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับรอยยิ้ม ที่มิรู้ว่าพอใจสิ่งใดนักหนา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม