เพียงออนั่งคุดคู้หนาวจนปากซีดมือสั่นแม้พยายามกอดตัวให้ความอบอุ่นแก่ตนเองก็ไม่ทานทนจนต้องทิ้งตัวลงนอนตรงซอกประตูหวังให้ช่วยกำบังลมที่พัดผ่านแม้เพียงเบาบางก็เพิ่มความหนาวเหน็บให้ร่างร้อนผ่าวได้ทบทวี
“พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย หนูหนาว” เสียงเพ้อดังไม่ขาดจากปากแห้งและแดงจัด ฉับพลันก็รู้สึกเหมือนมีมือมาลูบที่ศีรษะไออุ่นแผ่ซ่านซึมลึกลงข้างในกายขับไล่ความหนาวได้เป็นปลิดทิ้ง
“หายเสียนะคนดี” เสียงอบอุ่นนุ่มหูเรียกให้หล่อนลืมตามอง
“พี่พงศ์!” เพียงออดีใจอย่างสุดซึ้งโผเข้ากอดคนตรงหน้าแล้วเรียกซ้ำๆ อย่างยินดี
“พี่พงศ์มาช่วยเพี้ยงแล้ว พี่พงศ์”
“นี่ผัวนะยายหมาเน่า” เสียงแข็งดังเหนือศีรษะทำให้เพียงออลืมตาแล้วผลักร่างที่กอดรัดไว้แน่นออกห่าง
“คุณพี!”
“เออ ฉันเองไม่ใช่พี่พงศ์” พีรวัสว่าสีหน้าขุ่นเคืองชัดเจน
เพียงออมองรอบตัวก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จึงรีบนอนลงอีกครั้งแล้วดึงผ้าห่มขึ้นจนถึงคอมองหน้าสามีอย่างขออภัยอยู่ในที แต่จะว่าไปแล้วการที่หล่อนฝันเห็นพีรพงศ์มาปัดเป่าความหนาวเหน็บเจ็บไข้ให้มันไม่ใช่ความผิดของตนเพราะมันคือความฝัน
“พี่พงศ์บอกคุณใช่ไหมว่าฉันอยู่ที่ออฟฟิศ” หล่อนถามเสียงลังเล และคำตอบก็ไม่น่าฟังนักเมื่อพีรวัสเดินมายืนค้ำมือคร่อมศีรษะและจ้องตาไม่ให้หลบหนี
“จำเบอร์ผัวไม่ได้จำได้แต่เบอร์ผัวเก่า ถ้ายังรักกันอยู่แล้วปล่อยพี่พงศ์ไปมีผัวทำไม ไหนจะไอ้วินัยอีก ตกลงว่าฉันนี่ผัวคนที่เท่าไหร่ของเธอกันแน่ ยายหมาเน่า”พีรวัสถามเสียงรอดไรฟัน ดวงตาจ้องนิ่งเต็มไปด้วยเพลิงพิโรธทำให้อีกฝ่ายพลอยอารมณ์ขึ้นไปด้วยจึงตอบกลับด้วยถ้อยคำรุนแรงไม่แพ้กัน
“คุณยังไม่ได้เป็นผัวฉันจะใส่ลำดับให้ได้ยังไง”
“เพียงออ!”
นานๆ ครั้งจะได้ยินเขาเรียกชื่อหล่อน แต่มันไม่ใช่เรื่องดีเลยเพราะน้ำเสียงที่เน้นนั้นบ่งบอกถึงระดับความขุ่นเคือง ยิ่งเพียงออเชิดหน้าท้าทายพีรวัสยิ่งเคืองมากขึ้นจนเผลอสบถออกมา
“กากี!”
“คุณพี กล้าดียังไงมาด่ากันแบบนี้”
“หรือไม่จริงผู้หญิงที่มีหลายผัวหว่านเสน่ห์ไปทั่วไม่เรียกกากีแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ดอกหรือยังไง”
“จะมากไปแล้วนะ คุณท่านที่เลี้ยงฉันมายังไม่เคยด่ากันเสียหายแบบนี้เลย คุณเป็นใครถึงได้มาว่ากันแบบนี้”
“เพราะฉันเป็นผัวเธอไง ถึงด่าได้”
“งั้นก็เลิกกัน หย่ากันตอนนี้เลย จะได้จบๆ”
“เออ หย่ากันก็ได้แต่มันคงไม่จบหรอกนะ เพราะเธอต้องอยู่ขวางหูขวางตาฉันจนกว่าป้าจะยกมรดกให้ฉัน”
“เห็นแก่เงิน”
“ใช่ แล้วเธอก็ห้ามมีข้อแม้ด้วย”
“คุณพี! พูดแบบนี้คุณต้องการอะไรกันแน่”
“เอาตามที่เธอบอกไง หย่ากันแต่ห้ามบอกใครจนกว่าฉันอายุครบสามสิบแล้วป้าสุภายกทุกอย่างให้ฉัน เมื่อถึงตอนนั้นเธอก็ไปตามทางของเธอ จะไปเป็นเมียคนงานหรือเป็นเมียใครก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว”
“แล้วคุณค่ะ”
“ฉันทำไม” พีรวัสถามงงๆ
“ไล่ให้ฉันหาผัวใหม่แล้วคุณละจะหาเมียใหม่หรือว่ามีอยู่แล้ว”
“ฉันไม่ได้เลว ซุกกิ๊กสร้างโลกหลายใบเหมือนเธอนี่ ถึงเวลานั้นฉันจะหาเมียใหม่หรือเปล่ามันก็สิทธิ์ของฉันใช่ไหมล่ะ"
‘ทำไมพูดง่ายอย่างนี้วะคะ นี่คุณไม่มีเยื่อใยให้เพี้ยงเลยหรือยังไง’
เพียงออได้แค่คิดในใจแล้วดึงผ้าห่มคลุมหน้าเพราะน้ำตาแห่งความน้อยใจกำลังจะไหลออกมา เสียใจที่เขาไม่ยื้อยังไม่เท่าเสียใจที่เขาใช้หล่อนเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แสดงว่าที่เขายอมแต่งงานเพื่อเงินจริงๆ ไม่ได้มีใจให้ตนเลยสักนิด
แล้วท่าทีกรุ้มกริ่มหลายครั้งหลายครานั่นล่ะ เขาทำไปเพราะสันดานมนุษย์เพศผู้เท่านั้นเองหรือ
“ตามนั้น” เพียงออเปิดผ้าออกมาตอบน้ำเสียงประชดประชันหวังใจว่าพีรวัสจะรีบเปลี่ยนใจเช่นทุกครั้งที่ทำทีเป็นไม่ได้ยินแล้วปล่อยผ่านมันไป แต่ครั้งนี้เขามั่นคงและพูดหนักแน่น
“พรุ่งนี้ไปอำเภอกันก่อนกลับบ้าน” พีรวัสว่าแล้วเดินไปนอนตรงเก้าอี้ยาวชิดผนังตะแคงหันหลังให้คนบนเตียง ถึงแม้จะเป็นห้องผู้ป่วยแบบพิเศษแต่ไม่ได้กว้างขวางเหมือนห้องของโรงพยาบาลเอกชน ระยะจากเตียงผู้ป่วยกับที่นอนคนเฝ้าจึงไม่ห่างกันมากนัก เรียกได้ว่าถ้าเหม็นขี้หน้ากันก็ต้องหันหลังให้กัน เรื่องจะขยับขยายไปนอนไกลๆ ไม่มีที่ทางให้ทำได้
เพียงออมองแผ่นหลังพีรวัสอย่างเจ็บปวด แล้วค่อยๆ ตะแคงหันหลังให้เพื่อซับน้ำตาที่เริ่มซึมออกมาอีกครั้ง หล่อนเสียใจเป็นใครก็ต้องเสียใจมากอยู่แล้วที่ต้องเลิกรากับคนที่ตนรัก และยิ่งเจ็บปวดหลายเท่าเมื่อเขาไม่รักตอบ หญิงสาวอดตำหนิตนเองไม่ได้ที่เป็นฝ่ายท้าหย่าก่อน หากหล่อนไม่พูดคำนี้ออกมาอย่างน้อยก็ยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยา แม้พีรวัสไม่เคยแตะต้องแต่สักวันหนึ่งสวรรค์อาจเป็นใจให้เขาเลิกรังเกียจตั้งแง่สารพัดและยอมรับหล่อนเป็นภรรยาทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยโดยแท้จริง
แต่เมื่อทุกอย่างลงเอยเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรได้นอกจากทำตามความต้องการของพีรวัส แต่หล่อนยังหวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้เขาอาจลืมเรื่องนี้ไปแล้ว และจะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น เพียงออยกมือไหว้ท่วมหัว
‘ขอให้เป็นอย่างนั้น เพี้ยงรักคุณพี ไม่อยากหย่าเลยจริงๆ’
แต่คำอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเพียงออไม่เป็นผล เพราะหลังจากหมอมาดูอาการในช่วงสายแล้วอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ พีรวัสก็พาหล่อนไปที่ว่าการอำเภอทันทีชายหนุ่มแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ว่าขอให้เรื่องนี้เป็นความลับเพราะเป็นการจดทะเบียนหย่าเพื่อแก้เคล็ดเท่านั้น
เพียงออลอบเบะปากกับคำพูดปดของพีรวัสแต่ก็อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ หย่าแก้เคล็ดเมื่อสักวันหนึ่งยามเรื่องหมางเมินเข้าใจผิดเลือนหายไป เขากับหล่อนจะกลับมาจดทะเบียนกันอีกครั้ง
“สาธุ ขอให้เป็นอย่างที่หวังเถอะ” หญิงสาวเผลอพูดและยกมือไหว้ท่วมหัว จนคนนั่งใกล้เช่นพีรวัสและปลัดอำเภอที่นั่งตรงข้ามหันมองเป็นตาเดียว
“ไม่ต้องดีใจออกนอกหน้าเลยนะ” พีรวัสก้มลงไปพูดเสียงรอดไรฟัน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดว่าเพียงออยกมือสาธุยินดีที่ได้หย่าขาดจากเขา
“ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกหนึ่งปีเต็มๆ อย่าทำพิรุธอย่าเผลอพูดให้ใครรู้ ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่”
อะไรวะคะ นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าเจ้าพนักงานยังข่มขู่กันขนาดนี้ คุณไม่มีความรักความเอ็นดูให้เพี้ยงบ้างเลยหรือยังไง เพียงออได้แต่คิดแล้วทำปากยื่นใส่เขาแล้วมองเมินไปทางอื่น พีรวัสจึงหันกลับไปก่อนจะเผลอหัวเราะกับท่าทีน่าขันของเจ้าหล่อน แล้วอดถามใจตนเองไม่ได้ว่าเขายินดีกับการหย่าครั้งนี้หรือไม่
“เรียบร้อยครับ คุณสองคนหย่าขาดกันตามกฎหมายแล้วนะครับ” ปลัดมนตรีพูด เขาเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานยังไม่รู้จักมักคุ้นกับคนที่นี่มากพอและไม่รู้จักพีรวัส วีระวัทน์ว่าเป็นใคร
“ขอบคุณครับ งั้นลานะครับ” พีรวัสหยิบใบทะเบียนสำคัญในการหย่ามาถือไว้ทั้งสองใบแล้วลุกขึ้นยืนดึงแขนเพียงออให้ลุกตาม หล่อนจึงรีบไหว้ลาปลัดมนตรีแล้วเดินตามก่อนจะถูกลากจนล้มคว่ำผ่านประตูอาคารออกไป
“ให้ฉันเดินเองก็ได้ ถ้าจะลากกันขนาดนี้” แม่หม้ายหมาดๆ พ้อเบาๆ ยังต้องสับขาไวๆ เพื่อตามเขาให้ทันและตัวเองไม่ล้มลง
“เดินเองก็มัวแต่ชม้อยชม้ายชายตาให้ปลัดนั่น หน้าตาพอใช้ได้นี่คงเพิ่งย้ายมาถึงไม่รู้จักเรา”
“คุณต้องการแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ หย่าแต่ห้ามให้ใครรู้” เมื่อพูดถึงก็เจ็บจุก หล่อนกลายเป็นหม้ายหลังแต่งงานไม่ถึงเดือนเรียกว่าข้าวยังใหม่ปลายังมันก้นหม้อข้าวยังไม่ทันดำแถมยังไม่ได้ เฮ้อ! เพียงออได้แต่ถอนใจใหญ่
“ถอนใจทำไม อยากอยู่ให้ท่าปลัดคนใหม่หรือยังไง” พีรวัสหันมาถามทันที
เพียงออจึงสะบัดมือหนีแล้วบอกอย่างคับแค้นใจ“ใช่ คุณกลับไปก่อนเถอะ ไหนๆ ฉันก็เจอเป้าหมายใหม่แล้ว ขอใช้ความสามารถสักนิด” หล่อนเชิดหน้าอย่างไม่เกรงกลัวแล้วหันกลับแต่พีรวัสคว้าข้อศอกไว้แล้วลากไปที่รถ เปิดประตูแล้วยัดหล่อนเข้าไปนั่ง
“คิดจะอ่อยผู้ชายอื่นนะหรือฝันไปเถอะ แล้วอีกอย่างก็ต้องหาให้หน้าตาดีกว่าฉันด้วย หน้าตาแบบนั้นนะเลิกคิดจะอ่อยเลย” พีรวัสว่าแล้วปิดประตูรถดังโครม แล้วเดินไปขึ้นประจำที่ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงออเอียงหน้าไปมองนอกหน้าต่างพลางลอบยิ้ม ขอคิดเข้าข้างตัวเองให้ใจชื้นหน่อยว่าเขาหวง
“ยิ้มอะไร” พีรวัสถามขึ้นทำเอาเพียงออสะดุ้งก่อนหันขวับมามอง
“ขันคนหลงตัวเอง หล่อตายละ”
“เออ รู้ตัวเองดีว่าหล่อวัวตายควายล้ม หล่อกว่าผู้ชายทั้งอำเภอนี้แหละ เพราะฉะนั้นยากหน่อยนะที่จะมีผู้ชายหล่อกว่าฉันมารับเดนต่อ” พีรวัสว่าแต่เพียงออไม่ได้นึกโกรธคำพูดเหน็บแนมของเขาแต่อย่างใด กลับนึกยิ้มๆ ว่าเขาหาข้ออ้างห้ามหล่อนมีคนใหม่ได้น่ารักดีและหล่อนก็เห็นพ้อง พีรวัสหล่อที่สุดในอำเภอนี้จริงๆ
“ยิ้มอะไรอีก” เขาถามเสียงเข้มเมื่อเห็นเพียงออยิ้มมุมปาก
“ไม่ได้ยิ้ม”
“ตอแหล! ก็เห็นว่ายิ้ม คิดว่าฉันหึงละสิใช่ไหม เสียใจไม่เคยหึงแค่ไม่ชอบเสียหน้าถ้าคนรู้ว่าเมียนายพีรวัสเที่ยวให้ท่าผู้ชายไปทั่ว จำไว้นะยายหมาเน่ายังไงเธอก็ยังอยู่ในฐานะเมียฉันไปอีกหนึ่งปี อย่าทำเรื่องให้ผัวต้องอับอาย อย่าแรด!”
“ปากจัด”
“ไม่จัดแต่ปากหรอกนะ อย่างอื่นก็จัดด้วยลองไหม” เขาหันมาพูดทำเหมือนจะจอดรถจนเพียงออต้องร้องห้าม
“ไม่ต้องขับรถดีๆ ฉันยังอยากกลับไปเจอคุณท่านอยู่นะ”
พีรวัสหัวเราะหึหึในลำคอแล้วขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านที่มีครอบครัวเขาคอยอยู่ แต่ไม่วายสั่งกำชับ
“อย่าลืมที่สัญญาไว้ละ ห้ามใครรู้เด็ดขาด”
“ฉันไม่เคยสัญญาเสียหน่อย แต่เอาเถอะเพื่ออนาคตเศรษฐีของคุณ ฉันจะทนอยู่ด้วยอีกหนึ่งปี หลังจากนั้น” หล่อนหยุดพูด หรี่ตามองยั่วอารมณ์
“หลังจากนั้นทำไมฮะยายหมาเน่า” พีรวัสหันขวับมาถาม
“ฉันก็เป็นอิสระไง จะมีกี่ผัวก็ได้”
“เออ รอไปเถอะ แต่อย่าริมีผัวซ้อนผัวก็แล้วกัน ฉันเอาตายทั้งเธอทั้งชู้แน่”
โอย ดุจริง เพียงออได้แต่คิดในใจแล้วอดขันไม่ได้ แต่ทำได้แค่ข่มเสียงหัวเราะแล้วหันหน้าหนีแต่ยังมีเสียงกุกกักในลำคอลอดมาให้พีรวัสได้ยินจนได้ เขาหันมามองหล่อนแล้วผลักศีรษะก่อนพูดยิ้มๆ
“ไม่ต้องขำ ฉันพูดจริงไม่ได้ขู่” สิ้นเสียงพูดคนถูกผลักก็หัวเราะออกมาดังๆ ทำให้พีรวัสพลอยหัวเราะไปด้วยบรรยากาศอึมครึมในรถสลายไปทันที