บทนำ
หญิงสาวอยู่ในชุดราตรีเปิดไหล่สีแดงเพลิง ผมยาวที่เคยปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังวันนี้ถูกเกล้าเป็นมวยสูงเปิดต้นคอระหงเผยผิวนวลเนียนไร้เครื่องประดับใดๆ มาลดทอนแววชื่นชมจากสายตาบรรดาชายหนุ่มฉกรรจ์ที่จ้องมองเหมือนหล่อนเป็นนางเนื้อทรายอาหารอันโอชะของสิงโตหนุ่มที่พร้อมจะขย้ำได้ทุกเวลาแต่เพราะเจ้าหล่อนมีคำว่านายผู้หญิงแห่งบ้านวีระวัทน์พ่วงท้ายจึงไม่มีชายใดกล้าเกี้ยวพา คงทำได้แค่จ้องมองอย่างชื่นชมแล้วเก็บเอาไปฝันถึงเท่านั้น
เพียงออแม่หม้ายป้ายแดงโดยไม่มีใครรับรู้เพราะพีรวัสอดีตสามีที่ลากหล่อนไปเซ็นใบหย่าขู่เอาไว้ว่าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนเขาอายุครบสามสิบและรับมรดกทั้งหมดของวีระวัทน์แล้วเท่านั้น อีกอย่างเขาก็ไม่อยากเสียหน้าที่แต่งงานกับหล่อนได้ไม่นานก็เลิกรากันเรียกว่าก้นหม้อข้าวยังไม่ทันดำ แกะกล่องของขวัญที่ยังกองพะเนินเต็มห้องไม่ทันหมดก็หย่ากันแล้ว
และสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้การหย่าครั้งนี้เป็นความลับเพราะป้าสุภาญาติผู้ใหญ่และผู้จัดการมรดกของตระกูลวีระวัทน์เป็นคนจัดการแต่งงานให้ทั้งคู่ ป้าสุภากลัวเหลือเกินว่าหลานชายคนเล็กที่ต้องเป็นผู้รับมรดกทั้งหมดจะมีรสนิยมทางเพศเหมือนพีรพงศ์หลานชายคนโตที่ตัดสินใจเลือกทางเดินของตนเองโดยไม่สนใจทรัพย์สินมหาศาลของตระกูลด้วยการแต่งงานกับโทนี่ชาวต่างชาติที่พบรักกันตอนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ
การเลือกลงหลักปักฐานในต่างแดนกับสามีตาน้ำข้าวของพีรพงศ์เหมือนฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อมสุภาและผ่าลงกลางบ้านวีระวัทน์ที่ยังถือธรรมเนียมให้ลูกชายคนโตเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว ภายใต้เงื่อนไขให้ดูแลคนในบ้านอย่างสุขสบายเท่าเทียมกันจากเม็ดเงินที่ได้จากกิจการทางการเกษตรและปศุสัตว์ของครอบครัว
เมื่อน้องชายทั้งสองของป้าสุภาพร้อมภรรยาต่างเสียชีวิตจากการถูกลอบยิงเรื่องขัดผลประโยชน์ภายในชุมชน ป้าสุภาจึงรับภาระเลี้ยงดูหลานสามคนอันมีพีรพงศ์ลูกคนเดียวของน้องชายคนโต และพีรดากับพีรวัสลูกน้องชายคนเล็กจนเติบโตพร้อมทั้งเป็นผู้บริหารงานทำให้กิจการของวีระวัทน์ไม่ล่มสลาย เพื่อรอเวลาถ่ายโอนให้พีรพงศ์รับช่วงต่อเมื่อกลับจากต่างประเทศที่ไปเรียนตั้งแต่อายุสิบหกสิบเจ็ดด้วยเหตุผลบางประการ
แล้วความหวังของป้าสุภาที่จะได้วางมือจากงานทุกอย่างก็ล่มสลายเมื่อพีรพงศ์แจ้งมาว่าแต่งงานจดทะเบียนกับสามีหนุ่มชาวอังกฤษเรียบร้อยแล้วและจะใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศตลอดไป ฝากป้าสุภาจัดการเรื่องทรัพย์สินของวีระวัทน์ต่อไปโดยเขาขอสละสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ทุกประการและทายาทคนถัดมาของวีระวัทน์ก็คือพีรวัสลูกของน้องชายคนเล็กนั่นเอง
ป้าสุภาสัญญาไว้ว่าเมื่อพีรวัสอายุครบสามสิบปีเมื่อไหร่จะโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้ไปดูแล แต่มีเงื่อนไงว่าเขาต้องแต่งงานกับคนที่ป้าเลือกให้เท่านั้นเพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
แล้วกรรมก็มาตกที่เพียงออเด็กกำพร้าที่สุภานำมาเลี้ยงตั้งแต่อายุห้าขวบ ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเด็กคนนี้นอกเหนือคำบอกเล่าจากป้าสุภาว่าเป็นหลานกำพร้าของคนงานเก่าที่แม่เสียชีวิตตอนคลอด ตายายไม่มีปัญญาเลี้ยงดูจึงมอบให้มูลนิธิเด็กรับไปดูแล สุภาไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าเนื่องในวันเกิดเห็นเพียงออครั้งแรกก็ถูกชะตาจึงขอมาเลี้ยง แล้วเพียงออก็เป็นเด็กรู้อยู่กตัญญูรู้คุณ เชื่อฟังป้าสุภาทุกอย่างแม้กระทั่งให้แต่งงานกับพีรวัส
‘เป็นใครก็ยอมถูกบังคับ ได้เป็นถึงนายหญิงของบ้านวีระวัทน์เชียวนะ’ พีรวัสเคยพูดกับป้าต่อหน้าเพียงออ แต่เมื่อถูกย้อนถามว่าแล้วเขาเล่ายินดีแต่งงานหรือจะสละสิทธิ์ในกองมรดก ป้าจะได้เขียนพินัยกรรมบริจาคให้การกุศลเสียให้หมด
‘แต่งก็ได้ครับ จะแค่ไหนกันเชียว’
เพียงออยอมรับว่าไม่เข้าใจคำพูดนี้ของพีรวัสในตอนนั้น แต่หลังจากแต่งงานจดทะเบียนกันแล้วก็เข้าใจ เขาพูดกรอกหูหล่อนทุกวันว่าเป็นมารความสุข ช่วยป้าฮุบสมบัติของเขา และอีกมากมายจนหล่อนทนไม่ได้ลุกขึ้นมาท้าหย่าให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งเขาก็เต็มใจรับข้อเสนอทันทีทว่ายังมีเงื่อนไขอันถือเป็นคำสั่งให้หล่อนต้องปฏิบัติตามคือห้ามบอกเรื่องหย่ากับใครและต้องนอนร่วมห้องกันไปจนกว่าเขาจะอายุครบสามสิบแล้วได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงเสียก่อน
‘แค่ปีเดียวเอง หวังว่าเธอจะรักษาสัญญา’
พีรวัสพูดง่ายนัก แต่สำหรับเพียงออนั้นยากมาก เพราะหล่อนไม่ได้อยากเลิกกับเขาจริงๆ เสียหน่อย หล่อนรักเขาและอยากแต่งงานกับเขามาตั้งแต่เริ่มจำความได้แล้ว
เมื่อไม่อยากเลิกแต่ต้องหย่า ปฏิบัติการยั่วยวนจึงเกิดขึ้น หล่อนจะทำให้เขาเสียดายที่ปล่อยมือ และทำให้เขากลับมารักหล่อนให้ได้ สู้ๆ นะเพียงออ
“อุ้ย! สะดุด” เพียงออทำเหมือนจะเซตกบันได จนชายหนุ่มที่เดินอยู่ใกล้ที่สุด รีบคว้าข้อศอกไว้ หล่อนได้ทีรีบจับแขนเขาไว้แล้วเอ่ยขอบคุณเสียงอ่อนหวาน
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณปลัดเพี้ยงคงตกลงไปแข้งขาหัก”
“กระแดะ!”คนว่ากระชากแขนหล่อนออกห่างปลัดอำเภอหนุ่มหน้าตาพอใช้ที่เพิ่งย้ายมาจนเจ้าตัวหน้าเหรอ อาจเพราะเพิ่งมาอยู่จึงไม่รู้จักทั้งคู่และเพราะไม่รู้จักจึงกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยทั้งที่ผู้ชายอื่นๆ ถอยห่างหมดแล้วเมื่อเห็นพีรวัสเดินตามหลังมา
“ขอบคุณคุณปลัดอีกครั้งนะคะ” เพียงออหันมายิ้มหวาน แล้วเอ่ยขอบคุณปลัดมนตรีอีกครั้ง แต่พีรวัสดึงมือที่กระพุ่มไหว้ลงแล้วลากหล่อนไปลานจอดรถ แถมก่นด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง
“กากี!”
“อุ้ย! ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ฉันจะทำยังไงกับเธอดี”
“ไม่ต้องทำยังไงค่ะ อย่าลืมสิคะว่าเราหย่ากันแล้ว ฉันจะดอกทอง จะกากีก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”เพียงออลอยหน้าลอยตาเมื่อพูดยั่ว
"เกี่ยวสิ ในเมื่อคนอื่นยังไม่รู้ คนจะมองว่าฉันเป็นไอ้งั่ง ถูกเมียสวมเขา"
"เรื่องของคนอื่น ไม่เกี่ยวกับฉัน"
"แต่มันเกี่ยวกับฉัน ห้ามเธอไปยุ่งกับใครอีก เข้าใจไหม!"
"ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจ! ฉันโสดทำไมจะมีคนอื่นไม่ได้"
"เพียงออ! งั้นก็เป็นเมียฉันสักครั้งเถอะจะได้หายโสด แล้วต้องซื่อสัตย์กับฉันคนเดียวเท่านั้น" พีรวัสผลักหล่อนเข้าไปในรถแล้วโถมตามลงไป มือปิดปากที่กำลังร้องประท้วงเอาไว้แน่น ระดมจูบทั่วใบหน้าแล้วพูดคลอเคลียริมฝีปากเพิ่งถูกปลดปล่อย
"เธอต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น"
"ปล่อย! อื้อ"
ริมฝีปากร้อนผ่าวบดคลึงจนกลีบปากบอบบางแตกแสบ เพียงอออ่อนปวกเปียกอยู่ในรถใต้ร่างใหญ่ตรงลานจอดนั่นเอง แต่ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่าการจูบเสียงเคาะกระจกรถเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก
“พีเอ้ย! กลับถึงบ้านก่อนเถอะลูก”
“ป้า!”