บทที่ 04 พระแม่ทำงาน

1903 คำ
"ไอ้มิว มึงขอพระแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ!?" โอโซนที่นั่งหลังพวงมาลัยเผลอร้องออกมาเสียงหลง เมื่อได้ฟังเพื่อนสาวเล่าในที่สิ่งที่เพิ่งจะขอพรไปไม่กี่นาทีที่ผ่านมา โดยสเปกที่เพื่อนขอนั้นถ้าหาได้บนโลกนี้น่าจะมีคนเข้าข่ายอยู่ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วในสิบเปอร์เซ็นต์ก็มีเมียกันห้าเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว "ก็มึงบอกเองว่าให้บอกให้ละเอียด กูผิดตรงไหน" ที่เธอชอบก็ต้องคนประมาณนั้น ถ้าดวงคนจะได้ อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าห้าเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่ยังไงก็ต้องได้มาครอบครองสักคน และแน่นอนว่าหากบุญหล่นทับส่งคนตรงทุกอย่างที่อยากได้จริง ๆ เธอจะปักใจหลงรักเขาหัวปักหัวปำไปเลย "กูก็ไม่คิดว่าสเปกมึงจะสูงขนาดนั้น ตาย ๆ ชาตินี้จะมีผัวไหม" มิวสิคยักไหล่ไม่ยี่หระ เธอไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้ามีตามนั้นจริง ๆ ก็ดี แต่ถ้าไม่ก็คงต้องหาวิธีใหม่สู้กับคนเป็นแม่ต่อไป อย่างไรเธอก็ไม่ยอมหมั้นกับตาแก่ที่ไหนก็ตามที่คนเป็นแม่หามาให้แน่นอน "โอโซนขับอะไรของแกเนี่ย!!" อยู่ ๆ รถบีเอ็มคันหรูก็เซไปมาจนซินดี้และมิวสิคพากันหาที่เกาะ คนที่นั่งหลังพวงมาลัยอย่างโอโซนก็ค่อย ๆ ชะลอรถช้า ๆ เพราะสาเหตุนั้นไม่ได้มาจากการขับรถที่ไม่ดี แต่เหมือนจะเป็นเพราะปัจจัยอื่นจากภายนอกตัวรถที่ทำให้เสียการทรงตัวและไม่สามารถควบคุมทิศทาง จนสุดท้ายรถก็หยุดนิ่งด้วยโอโซนที่เหยียบเบรกแล้วจอดข้างทาง โอโซนตีไฟฉุกเฉิกไว้แล้วทั้งสามก็ไม่รอช้ารีบลงจากรถวนดูความผิดปกติทั้งสี่ด้านรอบตัวรถ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ล้อหลังข้างซ้ายที่เหลือลมอ่อนหรือเรียกว่าแทบไม่มีลมแบนสนิทไปกับถนนเลยก็ว่าได้ "OMG ลูกชายแม่!!" โอโซนถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นลูกชายที่รักมากเกิดอาการป่วยขึ้นมากระทันหัน ทั้งที่ดูแลรักษาประคบประหงมมาเป็นอย่างดีแต่สุดท้ายก็มายางรั่วเอาข้างทางหลังพ้นทางลัดแล้วเจอถนนใหญ่มาไม่กี่นาที "กูว่าเพราะเส้นทางลัดของมึงแน่ ๆ" มิวสิคว่าแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะพวกเธอเลือกเส้นทางที่รู้สึกใกล้กว่าและรถติดน้อยกว่า แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทางสายหลักที่หลายคนใช้กันจนบางทีอาจจะมีของแหลมคมพอที่จะทำให้รถของเธอยางแบนจากเส้นทางนั้น "เอาเถอะ ก็ยังดีที่พ้นถนนเปลี่ยวเส้นนั้นมาแล้ว" อย่างน้อยตรงนี้ก็ยังมีรถผ่านไปผ่านมาไม่ได้น่ากลัวเหมือนถนนเส้นนั้น แต่ต่อไปก็ต้องคิดกันต่อว่าจะเอาอย่างไร เพราะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งมีแต่สาว ๆ ที่เก่งแค่ขับรถอย่างเดียวก็ยิ่งรู้สึกเคว้งขึ้นมา "เอายังไงดีวะ" ซินดี้ถามเพื่อนอีกสองคนที่แววตาว่างเปล่าไม่ต่างกัน "กูลองโทรหาไอ้พี่กันย์ดู แต่ถ้าพวกมึงมีใครที่ดีกว่านี้ กูแนะนำว่าโทรไปเลยไม่ต้องรอ" เพราะอย่างไรแล้วคนอื่นน่าจะดีกว่าพี่รหัสของเธออยู่แล้ว ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด… นั้นไง...สิ่งที่คิดไว้ก็เกิดขึ้นไม่มีผิดเลยสักนิด ตอนจะขอความช่วยเหลือบ้างก็ติดต่อไม่เคยจะได้ มิวสิคจึงเลิกโทรแล้วเดินกลับมาหาเพื่อนอีกสองคนที่ยืนรอ "ไม่รับสาย" "พี่เซนต์ไปดูงานต่างจังหวัดว่ะ" เซนต์คือพี่ชายแท้ ๆ ของซินดี้ แน่นอนว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเธอด้วย นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้วพวกเธอก็แทบไม่รู้จักผู้ชายที่พอจะไว้ใจและพึ่งพาได้แล้ว หลังจากที่กำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามจะปรึกษาหาทางออก อยู่ ๆ ก็มีรถเฟอร์รารี่สีดำเงาชะลอความเร็วแล้วตีไฟเลี้ยวจอดข้างทาง รถคันหรูใส่เกียร์ถอยหลังแล้วถอยกลับมาจอดใกล้ ๆ ทำให้พวกเธอสามคนพยายามเพ่งมองคนมาใหม่ ก่อนที่เขาจะดับรถแล้วเปิดประตูรถลงมา "ใครวะ?" ทั้งสามต่างพากันขมวดคิ้วจ้องมองเจ้าของแผ่นหลังที่สวมชุดปฏิบัติการหรือเสื้อช็อป ซึ่งคือช็อปคณะวิศวกรรมศาสตร์มหา'ลัยเดียวกัน พวกเธอจำได้ดี "เชี่ย…" ขณะที่เจ้าของแผ่นหลังนั้นหมุนตัวกลับมาทั้งโอโซนและซินดี้ก็อุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เว้นแต่มิวสิคที่ยืนจ้องนิ่ง ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถหรูคันนั้นคือคนคนเดียวกันกับคนที่เดินชนจนเธอตัวปลิวที่ผับเมื่อคืนนี้ "กูว่าพระแม่ลัดคิวให้ยายมิวแล้ว ~" โอโซนกระซิบกระซาบเอ่ยกับซินดี้เสียงเบา เพื่อไม่ให้มิวสิคได้ยินแล้วหันมาแวดใส่ เนื่องจากรู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนกำลังอยู่ในอารมณ์โมโหต่อจากเหตุการณ์เดิมที่เคยเกิดขึ้น "ไอ้หน้าหล่อที่เดินชนฉันเมื่อคืน นายมาทำไม!?" "ฮะ ฮ้ะ!?" เพื่อนสนิททั้งสองพากันเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกัน ถ้าเธอได้ยินไม่ผิดเพื่อนที่กำลังเหวี่ยงใส่คนที่ทำกับเธอไว้กำลังใช้สรรพนามที่ใช้เรียกเขามันรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล เหมือนจะเอาเรื่องแต่ก็ชมเขาไปในตัว "ตกใจอะไร ก็หล่อจริงแต่นิสัยแย่!" มิวสิคไม่วายที่จะหันมาอธิบายกับเพื่อนสาวที่ยืนงง เขาหล่อจริงอันนี้ไม่อยากเถียง แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขาทำไว้จึงหันหน้าไปเอาเรื่องเหมือนเดิม "เธอพูดกับคนที่ตั้งใจจะมาช่วยแบบนี้เหรอ?" ชายหนุ่มในเสื้อช็อปกระตุกยิ้มแล้วเลิกคิ้วเรียงยาวขึ้นสูง ถูกใจสรรพนามที่เธอใช้ไม่น้อยเลย "ช่วยเหรอ ใครขอให้นายช่วย เรื่องเมื่อคืนนายยังไม่ขอโทษฉันเลยนะ!" "ฉันอธิบายทีละข้อนะ หนึ่งคือเมื่อคืนเธอเป็นคนลุกขึ้นมาชนฉันเอง สองคือไม่มีใครขอให้มาช่วยแต่แค่เห็นเพื่อนร่วมทางกำลังลำบากเลยอยากจะช่วย" "มันจริงอย่างที่เขาว่านะมึง เมื่อคืนมึงก็ลุกไปชนเขาจริง ๆ" โอโซนดึงแขนเพื่อนรักเพื่อให้เธอตั้งสติ ความจริงเธอก็เห็นเต็มตาว่าเขาเดินมาของเขาดี ๆ มีแต่เพื่อนของเธอที่อยู่ ๆ ก็ลุกพรวดพราดไม่มองทางแล้วดันไปชนเขาล้มตึงไปเอง "โอโซนมึงเข้าข้างเขามากกว่ากูเหรอ" มิวสิคจ้องเพื่อนตาเขียวปั๊ด ทว่ามันไม่จบแค่นั้นเมื่อซินดี้เองก็เอากับเขาด้วย "ฉันเป็นพยานได้นะแก แกน่ะผิด แล้วยังโวยวายใส่เขาอีก" "ยายซิน!!" มิวสิคกระฟัดกระเฟียดใส่เพื่อนทั้งสอง อาจจะเป็นเรื่องจริงแต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เพื่อนจะต้องพูดต่อหน้าเขา "เอาเถอะ...ในเมื่ออยากให้ขอโทษก็จะขอโทษให้" คนโวยวายหันมากอดอกสบตากับคนพูด "ขอโทษครับ…พอใจหรือยัง?" สุดท้ายคนที่พาลใส่เขาไปทั่วก็ยอมสงบแล้วพยักหน้าให้ผ่าน ๆ เธอแค่ต้องการแค่นั้น และเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการมันก็จบแล้วหยุดโวยวายอีก "หึ..." โจเซฟหัวเราะในลำคอเบา ๆ จะกี่ครั้งเธอก็ยังดื้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังคงพยศเหมือนครั้งก่อนที่เจอ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะปราบเธอภายในหนึ่งเดือนไม่ได้ "แล้วตกลงรถเป็นอะไรครับ?" "อ๋อ น่าจะยางรั่วค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน" คนที่ตอบคือโอโซน แม้จะโดนถลึงตาจากมิวสิคไม่ให้ยอมรับการช่วยเหลือ แต่เวลานี้เธอต้องขัดใจเพื่อนเพราะมันอาจจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะช่วยพวกเธอไว้ได้ "พี่ขอดูหน่อย" "ทางนี้ค่ะ" มิวสิคที่กำลังจะเดินไปขัดถูกซินดี้ล็อกแขนเอาไว้ให้ยืนนิ่ง ๆ "อะไรของมึงเนี่ย ไว้ใจเขาเหรอถึงยอมให้ช่วย" ร่างสวยจึงหันไปแวดใส่เพื่อนที่กันท่าไม่ให้เธอเข้าใกล้เขา "แล้วมึงมีทางที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ พี่เขาก็ดูเป็นคนดีออก มึงนั้นแหละอคติ" "สร้างภาพน่ะสิ หน้าแบบนี้เหรอคนดี ปล่อยเลยนะ" ในที่สุดเธอก็สะบัดแขนหลุดจากปราการของซินดี้ แล้วปรี่ตรงไปหาโอโซนและผู้ชายที่ไม่น่าเชื่อใจกำลังพากันไปดูล้อหลังรถที่ยางแบน "นายกลับไปได้ละ พวกเราไม่ได้อยากให้นายช่วย" มือบางกระชากแขนเขาออกมาให้ห่างจากเพื่อนสนิทอีกคน แล้วกล่าวเสียงเรียบไม่ต้องการรับความช่วยเหลือทุกอย่างที่มาจากเขา แม้เรื่องที่เกิดจะจบไปแล้วแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะเชื่อใจเขาขึ้นมา "แล้วแต่แล้วกัน ค่ำป่านนี้อู่ซ่อมรถก็คงพากันปิดหมดแล้ว ถ้าอยากทิ้งรถหรูไว้ข้างทางแบบนี้ก็...ตามใจ" "ไม่ได้นะมึง กูไม่ยอมปล่อยลูกชายกูไว้ตรงนี้แน่" โอโซนเถียงขึ้นมาทันควัน นี่มันลูกชายลูกรักอันดับหนึ่งของเธอเลยนะ จะปล่อยทิ้งไว้ข้างทางแล้วตัวเองก็กลับบ้านไปนอนสบายใจได้อย่างไรกัน "มึงให้พี่เขาช่วยเถอะ พี่เขามีเพื่อนเปิดอู่อยู่ เขาให้คนมาลากรถกูได้" โอโซนกระพริบตาบอกเพื่อนปริบ ๆ เพื่อรถของเธอแล้วยังไงก็ต้องทำทุกอย่างให้ลูกชายอยู่รอดปลอดภัย "..." มิวสิคยืนเงียบไปชั่วขณะ ปรายสายตามองคนที่ยืนนิ่ง ๆ และไร้อารมณ์ จนกระทั่ง... "เออ ๆ ก็ได้ ตามเพื่อนนายมาสิ" ท้ายที่สุดโอโซนก็ผุดยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด โจเซฟจึงหมุนตัวเดินออกไปแล้วยกโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนสนิทในทันที "พี่โทรหาเพื่อนแล้วนะ สักพักคงมาถึงแล้ว อู่มันอยู่แถวนี้พอดี" ชายหนุ่มพูดจบก็ปรายมองคนที่ยืนกอดอกแล้วหันไปไม่ยอมมองหน้าค่าตา แต่ก็ต้องผละออกมาก่อนเมื่อมีคำถามขึ้นมาจากเพื่อนของเธอที่เป็นเจ้าของรถ "ขอบคุณนะคะ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอ?" "โจเซฟครับ เรียกพี่เซฟก็ได้" "โอโซนนะคะ ส่วนนี่ก็ซินดี้ แล้วยายขี้เหวี่ยงนั้นก็…" "มิวสิค" เจ้าของชื่อหันขวับมองผู้ชายที่พูดชื่อเธออกมาก่อนจะทำการแนะนำ ทำเอาโอโซนและซินดี้ต่างมองหน้ากัน เช่นเดียวกับมิวสิคที่เดินมาถึงเขาแล้วทำหน้าสงสัยเหมือนกัน "รู้จักชื่อฉันได้ยังไง?" "ไอ้เซฟ!" ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถาม โจเซฟก็ต้องหมุนตัวกลับไปมองก่อนจะเห็นเปเปอร์เพื่อนสนิทเจ้าของอู่ที่โทรตาม และตามมาถึงโลเคชั่นที่เขาเพิ่งจะส่งไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม