ตอนที่ 8 แย่งความรัก

2507 คำ
ห้องทำงานของเอริคในบริษัทเวสต์ฟิลด์ กรุ๊ป ดูเคร่งขรึมและเรียบหรูตามสไตล์ที่สะท้อนถึงบุคลิกของเขา การตกแต่งภายในด้วยโทนสีเทาเข้มและดำ เพิ่มบรรยากาศของความสง่างามและความเป็นผู้นำ มีเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มที่เข้ากันได้ดีกับผนังสีเข้ม ทำให้ห้องดูทรงพลังและมีรสนิยม โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องเต็มไปด้วยเอกสารกองพะเนิน และอุปกรณ์เทคโนโลยีล่าสุดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หน้าต่างบานใหญ่เปิดมุมมองสู่ทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ที่สว่างไสวด้วยแสงไฟยามค่ำคืน แต่เอริคกลับไม่ได้สนใจวิวที่งดงามเบื้องหน้านั้นเลย เขามุ่งความสนใจไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ใบหน้าคมเข้มแสดงถึงความเครียดและความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ เอริค เวสต์ฟิลด์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แม้จะพยายามทำงานให้จบไปอย่างรวดเร็ว แต่ในใจของเขากลับไม่ได้สงบลงเลย ความคิดเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับเอวาที่ร้านเบเกอรี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เอวา เวสต์ฟิลด์... แค่คิดถึงเธอ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่อยากเจอเธอเลย และรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่เห็นเธอใกล้ชิดกับคนในบริษัทและครอบครัวของเขา ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นความไม่พอใจหรือความกลัวที่เธอจะมาแทนที่เขาในใจของครอบครัว เอริคนึกถึงหลายครั้งที่เอวาพยายามเข้ามาทำความรู้จักกับเขา พยายามเป็นมิตร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นหน้าเธอ เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างในตัวเองที่ต่อต้านเธออย่างรุนแรง "น่ารำคาญ..." เอริคพึมพำกับตัวเอง พลางขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังพยายามจะใช้วิธีน่ารักและความใจดีเพื่อเข้าหาเขา "เธอคิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้ของที่เป็นของฉันตกเป็นของเธอแค่เพราะขนมพวกนี้งั้นเหรอ? " เขาพูดกับตัวเองเสียงต่ำ ความโกรธเคืองที่ซ่อนอยู่เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในน้ำเสียง ขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงเอวา เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เอริคขมวดคิ้วหนักขึ้น รู้สึกไม่พอใจที่ถูกรบกวนในขณะนี้ "เข้ามา" เขาพูดเสียงเข้ม และเมื่อประตูเปิดออก เอวาก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดขนมในมือ ใบหน้าของเธอสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "พี่เอริคคะ หนูเอาขนมสูตรใหม่มาฝากค่ะ อยากให้พี่ลองชิมดู" เอริคมองไปที่ถาดขนมในมือของเอวาด้วยสายตาเย้ยหยัน เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังพยายามจะใช้ความน่ารักแบบนี้เพื่อเข้าหาเขาอีกครั้ง "เธอคิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้ของที่เป็นของฉันตกเป็นของเธอแค่เพราะขนมพวกนี้งั้นเหรอ? " เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย เอวาทำหน้างง เธอไม่ได้เข้าใจความหมายของคำพูดของเขา "พี่เอริคพูดเรื่องอะไรคะ? หนูแค่เอาขนมมาให้พี่ลองชิมเฉยๆ ค่ะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจ แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกถึงความไม่เข้าใจในท่าทีของเอริค เอริคยิ้มเยาะ ความเย็นชาปรากฏชัดในสายตาของเขา "เธอคิดเหรอว่าการทำตัวเป็นมิตรกับทุกคนในบริษัทจะทำให้ฉันไว้ใจเธอ หรือคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเข้ามาแทนที่ฉันในทุกอย่าง? " เอวาพยายามยิ้มอย่างใจเย็น แม้จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ถูกผลักดันออกมา "หนูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยค่ะ พี่เอริค หนูแค่อยากให้ทุกคนมีความสุข" เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังดี เอริคหรี่ตาลง จ้องมองเอวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ "ฟังนะ ถึงพ่อแม่จะรักเธอมาก แต่ฉันก็ทำลายเธอได้ เพราะในชีวิตของพวกเราไม่ควรมีเธอตั้งแต่แรก" คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความเย็นชาและเด็ดเดี่ยว เอวายังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน แม้ว่าในใจจะรู้สึกเจ็บปวดจากคำพูดของเขา "หนูเป็นครอบครัวของพี่ค่ะ หนูเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพี่นะคะ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง เอริคหน้าตึง เขาไม่พอใจกับท่าทีที่เธอยังคงใจดีและมองโลกในแง่ดี "เธอไม่มีวันได้สิ่งที่เป็นของฉันไปหรอก เข้าใจไหม? " เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ เอวาไม่ได้โกรธ แต่กลับมองเอริคด้วยสายตาเห็นใจ เธอรู้สึกสงสารเขา คิดว่าเขาคงต้องผ่านอะไรมาเยอะ จึงทำให้เขากลายเป็นคนที่มีท่าทีเย็นชาเช่นนี้ เธอคิดในใจว่า ‘พี่เอริคน่าสงสารจังเลย ไปอยู่ที่อเมริกาคนเดียวตั้งแต่เด็ก คงเหงามากสินะ ถึงได้แสดงออกมาแบบนี้’ แล้วเธอก็ยิ้มให้เขาอีกครั้ง "หนูจะพยายามทำให้พี่ยอมรับหนูให้ได้ค่ะ" เอริคโกรธจัดที่เธอยังคงพูดเหมือนว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในชีวิตของเขา "ออกไปซะ!" เขาตะคอกใส่เธอ เสียงของเขาดังขึ้นในห้องที่เงียบงัน เอวาพยักหน้าอย่างนอบน้อมก่อนจะหันหลังออกไปจากห้อง ทิ้งให้เอริคยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโกรธที่เพิ่มขึ้น เขามองตามหลังเธอด้วยความไม่พอใจ ความรู้สึกเกลียดชังและความโกรธยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจของเขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมรับว่าเธอไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตเขา “ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจ... ทำไมเธอถึงไม่ยอมถอยออกไป?” เอริคพึมพำกับตัวเอง ความคิดของเขายังคงปั่นป่วน เขารู้สึกว่าทุกอย่างในชีวิตของเขากำลังจะหลุดออกจากการควบคุม เขาทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง มือของเขาสั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่ที่เขากลับมาจากอเมริกา ทุกอย่างในชีวิตของเขาดูเหมือนจะยากลำบากขึ้น เอริคปิดตาลง พยายามสูดหายใจลึก ๆ เพื่อสงบจิตใจ เขาต้องหาวิธีที่จะจัดการกับเอวา เขาต้องทำให้เธอออกไปจากชีวิตของเขา ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกสับสนใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้กับเธอ เขาไม่ชอบที่เธอเข้ามาใกล้เขา แต่ลึก ๆ แล้ว เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่ควรจะถูกเกลียดชังขนาดนี้ แต่เขาไม่สามารถยอมรับได้ เขาต้องรักษาความเย็นชาและความเข้มแข็งของเขาไว้ เขาลืมตาขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง พยายามจะกลับมาทำงานต่อ แต่ความคิดของเขายังคงวนเวียนอยู่กับเอวา เขารู้ว่ามันจะไม่จบง่าย ๆ และเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้าครั้งต่อไป “เธอจะไม่มีวันได้สิ่งที่เป็นของฉันไป” เอริคพูดกับตัวเองเบา ๆ แต่หนักแน่น ในใจของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นใคร และไม่มีใครจะมาแทนที่เขาได้ ร้านเบเกอรี่ของเอวาเป็นสถานที่ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก กลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่ลอยอยู่ในอากาศ ผสมผสานกับกลิ่นกาแฟที่ชงสดทุกวัน การตกแต่งร้านในสไตล์อบอุ่นและเป็นกันเองด้วยโทนสีพาสเทลช่วยให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ ทุกมุมของร้านถูกจัดอย่างเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยความรักและความใส่ใจของเอวาที่ใส่ลงไปในการตกแต่ง ทุกสิ่งทุกอย่างในร้านนี้สะท้อนถึงความตั้งใจและความพยายามของเธอที่อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มุมหนึ่งของร้าน มีโต๊ะและเก้าอี้ที่โซฟี เพื่อนสนิทของเอวา มักจะนั่งทำงานเขียนนิยายของเธอ โซฟีและเอวารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และได้กลายเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้น โซฟีเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง และมักใช้เวลาว่างในร้านนี้เพื่อเขียนนิยายของเธอ ร้านเบเกอรี่นี้ไม่ใช่แค่ที่ทำงานของเอวาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่โซฟีรู้สึกสบายใจและได้รับแรงบันดาลใจในการเขียน ขณะที่โซฟีกำลังจดจ่ออยู่กับการเขียนนิยายบนแล็ปท็อปของเธอ เอวากำลังจัดของในร้านและทำขนมด้วยความตั้งใจ ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มสดใสเสมอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่ในร้านนี้ เธอรู้สึกภูมิใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นลูกค้ายิ้มอย่างพอใจเมื่อได้รับขนมอบสดใหม่จากเธอ เอวานั่งลงที่โต๊ะข้างเคาน์เตอร์ ดื่มกาแฟที่เธอชงเอง ขณะที่เธอพูดคุยกับโซฟีที่นั่งอยู่ตรงข้าม ใบหน้าเธอยังคงมีรอยยิ้มสดใส “ฉันดีใจมากเลยที่ได้เจอพี่เอริค แต่ดูเหมือนพี่เขาจะยังโกรธฉันอยู่” เอวาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังดี โซฟีเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อปของเธอที่กำลังพิมพ์งาน หันมามองหน้าเอวาด้วยความสนใจ “โกรธเรื่องอะไรเหรอ?” เธอถามพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างสงสัย เอวาทำหน้าเศร้าเล็กน้อยขณะที่เธอเริ่มเล่าเรื่องราว “พี่เอริคอาจจะคิดว่าฉันเข้ามาแย่งความรักจากคุณพ่อคุณแม่ไปตั้งแต่เด็ก...” เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “แต่ฉันดีใจมากเลยนะที่มีพี่ชายเก่ง ๆ แบบพี่เอริค ถึงพี่เขาจะไม่ชอบฉันเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยังมองเขาเป็นพี่ชายที่ดีอยู่ดี” โซฟีถอนหายใจเบา ๆ เธอมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ “เอวา เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ พี่เอริคเขายังไม่ยอมรับเธอเลย เธอจะทำให้เขาเห็นว่าเธอเป็นคนดีแค่ไหนก็ต้องใช้เวลา” เอวาพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มให้โซฟี “ใช่ ฉันรู้ ฉันต้องพยายามต่อไป ฉันอยากให้พี่เอริคยอมรับฉันเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่ในนาม” โซฟีมองเอวาด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเหนื่อยใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอมองโลกในแง่ดีเกินไป และเธอก็กลัวว่าเอวาจะเจ็บปวดมากขึ้นหากยังไม่ยอมรับความจริง “เธอนี่นะ มองโลกในแง่ดีเสมอเลย” โซฟีพูดพร้อมกับยิ้มบาง ๆ แม้ในใจจะเป็นห่วงเพื่อน เอวายิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มของเธอสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ “ก็ฉันเชื่อว่าความรักและความอบอุ่นของครอบครัวจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นนะ โซฟี พี่เอริคเขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาต้องการความรักเหมือนกัน” โซฟีหัวเราะเบา ๆ “เธอนี่มัน... เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีจริง ๆ แต่ฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้นะ” เอวาหัวเราะเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอกโซฟี ฉันยังมีเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันไง ผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งเยอะ ฉันเชื่อว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้เช่นกัน” โซฟีรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ยินคำพูดของเอวา เธอจับมือของเพื่อนรักไว้และบีบเบา ๆ “เอวา ฉันดีใจที่ได้เป็นเพื่อนของเธอ เธอเป็นคนดีและมีจิตใจที่เข้มแข็ง ฉันเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะผ่านมันไปได้” เอวายิ้มอย่างอบอุ่น ใบหน้าของเธอเปล่งประกายด้วยความสุข “ขอบคุณนะโซฟี ฉันก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มให้กันด้วยความรักและความผูกพัน บรรยากาศในร้านเบเกอรี่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเข้าใจ เอวารู้สึกขอบคุณที่มีโซฟีอยู่เคียงข้าง เธอรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะมีเพื่อนที่คอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างเสมอ เอวาลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเตรียมขนมชุดใหม่สำหรับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาในร้าน เธอยิ้มทักทายลูกค้าทุกคนด้วยความเป็นมิตรและเต็มใจ ช่วงเวลาที่เธออยู่ในร้านเบเกอรี่เป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกมีความสุขที่สุด ทุกครั้งที่เธอได้ทำขนมหรือเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้า เธอรู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่เธอรักและได้แบ่งปันความสุขให้กับคนอื่น โซฟีมองเอวาที่กำลังยุ่งอยู่กับงานด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่เพื่อนของเธอยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งและมองโลกในแง่ดี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย โซฟีรู้ว่าเอวาจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ และเธอจะยังคงพยายามต่อไปเพื่อทำให้พี่เอริคยอมรับเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว “เอวา” โซฟีเรียกเพื่อนของเธอ ขณะที่เธอพิมพ์นิยายไปด้วย “ฉันมีไอเดียใหม่สำหรับนิยายเรื่องใหม่ของฉัน คิดว่ามันจะเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความกลัวและการค้นหาความหมายของความรัก” เอวาหันมายิ้มให้ “ฟังดูน่าสนใจมากเลยโซฟี ฉันมั่นใจว่ามันจะเป็นนิยายที่ดีมาก ๆ เธอเป็นนักเขียนที่เก่งอยู่แล้ว” โซฟีหัวเราะเบา ๆ “ขอบคุณนะเอวา เธอนี่ล่ะที่ทำให้ฉันมีกำลังใจในการเขียน เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเสมอ” เอวาหัวเราะ “ฉันก็แค่เป็นตัวเอง แต่ถ้าฉันทำให้เธอมีแรงบันดาลใจ ฉันก็ยินดีมาก ๆ เลย” ทั้งสองสาวยังคงพูดคุยกันต่อไปด้วยความสบายใจ บรรยากาศในร้านเบเกอรี่ของเอวายังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก ความสัมพันธ์ของเอวาและโซฟีเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองสามารถเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายในชีวิตได้อย่างไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว ความรัก หรือการตามหาความหมายในชีวิต ในขณะที่วันเวลาผ่านไป เอวาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานในร้านเบเกอรี่ของเธอ และโซฟีก็ยังคงเขียนนิยายเรื่องใหม่ของเธอ ทั้งสองสาวรู้ดีว่าไม่ว่าชีวิตจะพาไปทางไหน พวกเธอก็ยังมีความรักและการสนับสนุนจากกันและกันเสมอ บรรยากาศในร้านเบเกอรี่ยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการสนทนาที่อบอุ่นของเพื่อนรักทั้งสอง และถึงแม้ว่าในใจของเอวาจะมีความสับสนและความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังคงมองโลกในแง่ดีและเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม