ตอนที่ 1 การกลับมา

1375 คำ
เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตสีดำคันหรูดังก้องสะท้อนท่ามกลางความเงียบสงัดภายในโบสถ์ใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานศพ บรรยากาศภายในโบสถ์เคร่งขรึมและสงบเงียบ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามในความหม่นหมองของมัน พวงหรีดดอกลิลลี่ขาวเรียงรายล้อมรอบโลงศพ กลิ่นหอมของดอกไม้ผสานกับแสงเทียนอ่อน ๆ ที่สะท้อนบนผนังหินอ่อน ทำให้ทุกสิ่งดูเงียบสงบแต่ก็แฝงไปด้วยความโศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง เมื่อรถสปอร์ตคันหรูค่อย ๆ ชะลอตัวลงและหยุดจอดตรงประตูโบสถ์ แขกในงานศพต่างหันไปมองด้วยความสงสัย ทันทีที่ประตูรถเปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงที่ก้าวลงมาด้วยท่วงท่ามั่นใจ ทุกคนเงียบลงทันที "นั่นเขาใช่ไหม... เอริค เวสต์ฟิลด์? " เสียงกระซิบดังมาจากกลุ่มแขกที่ยืนอยู่ด้านหลัง "ใช่... เขากลับมาแล้ว" อีกคนหนึ่งตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตกตะลึง "เขาไม่เคยกลับมาหลายปีแล้วนะ... ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนจะมองเขาแบบนั้น" อีกคนเสริมด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูทั้งเกรงใจและหวาดระแวง เอริคก้าวลงจากรถด้วยท่าทางสง่างาม ชุดสูทสีดำที่เขาสวมใส่เสริมความเคร่งขรึมให้กับบรรยากาศ เขายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เต็มไปด้วยความสงสัยและอึดอัดใจ สายตาของผู้ที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความคิดหลากหลาย แต่เอริคไม่ได้สนใจสายตาใด ๆ ทั้งสิ้น "ดูสายตาเขาสิ... เหมือนจะฆ่าใครได้เลยนะ" เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ ในกลุ่มแขก "อย่าพูดแบบนั้นเลย... เขาเพิ่งเสียพ่อไปนะ" อีกคนแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ "แต่ก็จริงนะ... เขาไม่เคยกลับมาหาพ่อเลย จนกระทั่งวันนี้" คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตัดสิน เอริคกวาดสายตามองไปยังโลงศพที่ตั้งอยู่กลางโบสถ์ ดวงตาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีทั้งความเศร้าและความโกรธ ทุกสิ่งดูเยือกเย็นและเฉยเมย บางคนมองเขาด้วยความเห็นใจ บางคนกลับรู้สึกโกรธเคืองกับความเย็นชาของเขา "เขาไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย...ไม่เหมือนคนที่เพิ่งเสียพ่อไป" เสียงหนึ่งพูดขึ้น "เอริคไม่เคยเป็นคนที่จะโชว์ความรู้สึกให้ใครเห็น... เขาเป็นแบบนั้นมาตลอด" อีกเสียงหนึ่งตอบกลับ ที่หน้าโลงศพ แคทเธอรีน เวสต์ฟิลด์ แม่ของเอริค ยืนอยู่ท่ามกลางแขกคนอื่น ๆ เธอสวมชุดสูทสีดำเรียบ ๆ และถือผ้าเช็ดหน้าในมือ ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ เธอพยายามทำตัวให้สงบและมั่นคงในสถานการณ์นี้ แต่ความโศกเศร้าก็ยังคงชัดเจนบนใบหน้าของเธอ เอริคเดินตรงไปยังโลงศพ สายตาของเขาจับจ้องไปข้างหน้า ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทายหรือพูดคุย ทุกคนต่างดูเหมือนจะกลัวเขา หรืออย่างน้อยก็ไม่อยากเสี่ยงกับการขัดขวางท่าทีของเขาในเวลานี้ เมื่อเขาเดินผ่านไป แขกทุกคนค่อย ๆ เปิดทางให้เขาผ่านไป เสียงกระซิบยังคงดังขึ้นรอบตัว เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนต้องการแสดงความเสียใจ แต่ก็ลังเล แววตาที่เย็นชาของเอริคเหมือนเป็นกำแพงที่ขวางกั้นไม่ให้ใครกล้าเข้าใกล้ "ทำไมเขาถึงดูเหมือนไม่แคร์อะไรเลย? " เสียงกระซิบหนึ่งดังขึ้น "เขาอาจจะรู้สึก แต่ก็แค่ไม่แสดงออก... หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรจริง ๆ ก็ได้" อีกคนหนึ่งตอบ เอริคหยุดยืนอยู่หน้าโลงศพ มองดูรูปพ่อที่ตั้งอยู่บนแท่น ดวงตาของเขายังคงนิ่ง ไม่แสดงความอาลัยอาวรณ์ใด ๆ เขากระซิบเบา ๆ กับรูปพ่อที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพ "พ่อ... ถ้าพ่อคิดว่าผมจะร้องไห้ละก็... พ่อคิดผิด" เขายืนเงียบอยู่นาน ไม่มีใครกล้าเข้าหาหรือพูดคุยกับเขา ทุกคนต่างเฝ้ามองเขาด้วยความระมัดระวังใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดและความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความตั้งใจของเอริคในวันนี้ "เขาจะอยู่ที่นี่นานไหม? " เสียงหนึ่งถามขึ้น "ฉันก็ไม่รู้... แต่หวังว่าเขาจะไม่สร้างปัญหาอะไรขึ้นที่นี่" อีกเสียงหนึ่งตอบ ทันใดนั้น สายตาของเอริคหันไปจับจ้องไปที่มุมหนึ่งของโบสถ์ ใกล้กับโลงศพที่ตั้งอยู่ เอริคเห็น เอวา เวสต์ฟิลด์ น้องสาวต่างสายเลือดที่เป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวเวสต์ฟิลด์ นั่งอยู่ที่นั่น มือของเธอกำผ้าเช็ดหน้า ผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยยาวลงมาท่ามกลางแสงเทียนที่สะท้อนประกายบนเส้นผม ใบหน้าของเธอซีดเซียว น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความเจ็บปวด เอริคมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงไปยังเอวา ท่ามกลางความเงียบงัน ทุกย่างก้าวของเขาทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกหวาดหวั่นและถอยห่างออกไป เมื่อเขาหยุดยืนตรงหน้าเอวา เอริคมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดคำที่ทำให้ทุกคนรอบข้างต้องสะดุ้ง "คนนอกคอกอย่างเธอ มาทำไมที่นี่ เสแสร้งทำเป็นเสียใจไปเพื่ออะไร? " คำพูดของเอริคทำให้เอวาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตกใจ น้ำตายังคงไหลอาบแก้มของเธอ ดวงตาใสบริสุทธิ์สะท้อนความเจ็บปวดและความสับสนในสิ่งที่เอริคพูด เธอพยายามจะรวบรวมความกล้าเพื่อตอบกลับ แต่คำพูดที่โหดร้ายของพี่ชายทำให้เธอพูดไม่ออก "พี่เอริค... หนูแค่..." เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือและแผ่วเบา เอริคมองเธอด้วยความเย็นชาและไม่สนใจคำอธิบายใด ๆ เขาตัดบททันที เสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความขมขื่น "อย่ามาทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าคนอื่นเลย เธอคิดว่าฉันจะเชื่อในสิ่งที่เธอแสดงออกเหรอ?" เอวานิ่งเงียบไป หัวใจของเธอเต้นแรงและเจ็บปวดในทุกคำที่เอริคพูดออกมา น้ำตายังคงไหลลงมาตามแก้ม แต่เธอพยายามกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน เธอรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอกำลังแตกสลาย แคทเธอรีนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอพยายามจะก้าวเข้ามาใกล้ แต่ก็หยุดลงเมื่อเห็นแววตาของเอริคที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความขมขื่น เธอยกมือขึ้นแตะหน้าอกตัวเอง พยายามสงบสติอารมณ์ ในฐานะแม่ เธอรู้สึกทั้งเศร้าใจและหวาดหวั่นกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างลูก ๆ ของเธอ เอริคยังคงมองดูเอวาด้วยสายตาเย็นชา ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ต่อความทุกข์ของเธอ เขาหันหลังกลับและเดินออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่เหลียวหลังมอง ในขณะที่เอริคเดินจากไป เอวารู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะแตกสลาย เธอพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ความเจ็บปวดในคำพูดของพี่ชายทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลกนี้ บรรยากาศในโบสถ์ยังคงเงียบงันและตึงเครียด ความเงียบของทุกคนยังคงถูกครอบงำด้วยความไม่แน่ใจและความสับสนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทุกสายตายังคงมองไปยังเอวาที่นั่งอยู่ตรงนั้น น้ำตาของเธอยังคงไหลอาบแก้ม แต่เธอก็ยังคงพยายามกลั้นความรู้สึกและรักษาความสงบของตัวเองไว้ แคทเธอรีนเดินเข้ามาใกล้เอวา เธอวางมือเบา ๆ บนไหล่ของเอวา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความห่วงใย "ไม่เป็นไรนะลูก... แม่อยู่ตรงนี้" เสียงของเธอนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความรัก เอวาพยักหน้าเบา ๆ และกอดแม่ของเธอไว้แน่น การเผชิญหน้าระหว่างพี่น้องครั้งนี้ช่างดูเหมือนกับภาพสะท้อนของความเจ็บปวดและความแตกแยกที่ไม่มีวันจางหายจากครอบครัวนี้ และไม่มีใครรู้ว่าเรื่องราวนี้จะจบลงอย่างไร...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม