ตอนที่ 8

1340 คำ
ในเวลานี้ ถ้าหล่อนชี้นก ดาวียาคงจะเห็นว่าเป็นไม้ และชี้ไม้ก็คงจะเห็นเป็นนก หล่อนเองก็ไม่อยากจะเถียงเพื่อนสาวด้วยเรื่องไร้สาระเพราะผู้ชายเป็นต้นเหตุ “งั้นฉันต้องกลับล่ะ นอนหลับฝันดีนะแก” ชฎาเดือนเป็นคนบอกเพื่อน ควรที่จะต้องแยกย้ายเพื่อกลับบ้านใคร บ้านมันเสียแล้ว “เช่นกันจ้ะ” ชฎาเดือนไปที่รถของหล่อน แล้วขับออกไป ชฎาเดือนสังเกตว่า หล่อนไม่เห็นรถของสองหนุ่มที่เข้ามาใช้บริการด้วย ซึ่งเขาลุกไปก่อนหน้าของหล่อน ทำไมชฎาเดือนต้องมองหาเขาด้วยนะ หล่อนเฝ้าถามใจตนเอง หรือว่า หล่อนสนใจเขา แต่ชฎาเดือนไม่บอกใจตัวเอง นอกจากยิ้มเอาไว้ ซึ่งความจริงแล้ว รถของปลายศกที่มากับไอยวุธ จอดคนละที่กับทนายความสาว ซึ่งจอดอยู่ปากทางประตู เขาจึงออกง่ายดาย ส่วนของชฎาเดือนเข้ามาจอดข้างในเรียกว่า ในหลืบ กว่าจะผ่านด่านออกไปได้ ต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาเข็นรถที่จอดขวาง ไร้สาระทั้งเพ ชฎาเดือนบอกกับตัวเอง ที่หล่อนผ่านเหตุการณ์ในวันนี้มาได้ แยกจากดาวียา ซึ่งกลับเอง ฝ่ายไอยวุธ เขาต้องเป็นธุระส่งเพื่อนยากให้ถึงบ้าน เพราะคนเมาไม่สามารถขับเองได้ จนกระทั่งส่งปลายศกเข้าบ้าน และเขาก็กลับบ้านพักของตัวเองเพื่อที่จะพักผ่อน และเวลานั้นก็ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆแล้ว กระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน ชฎาเดือนมาทำงาน ไอยวุธเข้าทำงานตามปกติของเขา แต่จู่ก็มีผกายรุจีเดินเข้ามา และบอกจุดประสงค์ “ฉันต้องการคุยกับเธอหน่อยไอยวุธ” ไอยวุธต้องขมวดคิ้วที่ถูกเรียกจากลูกสาวเจ้าของบริษัท ไม่แน่ใจว่า ผกายรุจีต้องการคุยกับเขาด้วยธุระอันใด “เอ้อ ไม่ทราบว่า คุณผกาย มีธุระอะไรจะคุยกับผมหรือครับ” ไอยวุธไม่มีอะไรพิรุธ ที่ต้องซ่อนปกปิด เพราะว่าเขาไม่ได้ทำความผิด “มีสิ และมีมากๆด้วย ฉันอยากจะคุยกับเธอเรื่องส่วนตัว เกี่ยวกับ ปลายเขาหน่อย” และเมื่อถามถึงปลายศก แม้จะเป็นเพื่อน แต่ว่าเขาไม่น่าจะเกี่ยวด้วย ถ้าเป็นเรื่องของสามีภรรยาที่ผิดใจกัน เขาจึงขอออกห่าง “กับเรื่องของนายปลาย แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมนี่ครับ คุณรุจี” จำเป็นที่เขาจะต้องอกตัว และรีบปฏิเสธเรื่องนี้ “ว่าได้หรือคะ แต่ฉันเห็นคุณสนิทสนมกับเขามากนี่” เมื่อผกายรุจีไม่ยอม และเขาไม่รู้ว่า หล่อนจะฟื้นฝอยหาตะเข็บด้วยเรื่องอะไร แต่ว่าผกายรุจีเป็นคนหนึ่งที่เขาไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยสักเท่าใด “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ สิ ไอย แล้วที่ฉันถามเธอว่ารู้จักกับ ปลายของฉันมานาน” “ก็รู้จักกันมานานพอสมควรครับ คุณผกาย เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่บางสิ่งบางอย่าง ผมก็ไม่ได้รู้ลึกไปกว่านั้น” และผกายรุจียิ้มพราย ดั่งหล่อนจะหว่านเสน่ห์ให้เขา ทั้งที่รู้ว่า ได้รับแต่ความชาชืด หรือเรียบเฉยจากเขา และเวลานี้ก็เช่นกัน ที่ไอยวุธอยู่ใกล้กับผกายรุจี สีหน้าของเขายังดูเรียบเฉยปกติ ทั้งที่ผกายรุจีอยากจะให้เป็นอย่างนั้น “ใช่มั๊ย ไอย ก็ดีที่เธอตอบคำถามของฉันได้แค่นั้น ก็เพราะอยากจะรู้ว่า เขาเป็นคนยังไงกันแน่ ฉันหมายถึงนิสัย” เมื่อถูกถามเช่นนี้ ไอยวุธนิ่งเงียบก่อน เพราะไม่ใช่เรื่องของเขา จึงไม่อยากยุ่ง “ผมว่า คุณผกายไปถามนายปลายเองเถอะ มันน่าจะดีกว่าผม ซึ่งเป็นแค่เพื่อน เพราะคุณผกายเองก็อยู่บ้านเดียวกันกับนายปลาย” “เธอคิดว่า เขาจะบอกฉันเรื่องนี้หรือ” ผกายรุจีถามลูกน้องหนุ่มด้วยสีหน้าที่เครียด และก็เลยทำให้ไอยวุธเครียดตาม ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเขา “งั้นผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะบอกับคุณผกายได้เท่านี้ ผมได้รู้จักนายปลายเท่านี้เอง” “ฉันรู้ว่า เขาชอบเที่ยว ชอบกิน แล้วก็ผู้หญิง” ทำให้ไอยวุธแปลกใจ ก็พอจะรู้นิสัยของสามีตัวเองดีแล้ว เหตุใดต้องมาถามเขาให้วุ่นวายอย่างนี้ เขาได้แต่พยักหน้า หรือว่าผกายรุจี เหงาปาก ไม่มีเพื่อนคุย จึงอยากจะชวนเขาคุยด้วย ก็เพื่ออะไร? และไอยวุธคิดว่า เขาจะไม่ยอมผิดใจเพื่อนเพราะผู้หญิงหรอก “งั้น ฉันขอบใจมาก ที่เธอตอบฉันมา แม้จะได้แค่นี้ ก็ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะไอยวุธ” เมื่อหล่อนกล่าวจบ แล้วก็หมุนตัวเดินจากไป ทำให้ไอยวุธขมวดคิ้วอย่างงุนงง แล้วก็ถอนใจดังเฮือก ที่มีเรื่องแบบนี้ด้วย และคนที่ทำให้เขายุ่ง ทำให้เขารีบร้อนที่จะต้องโทร.ไปถามหาสาเหตุ ทั้งที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย จึงพบว่า ปลายศกยังนอนอยู่ที่บ้าน เพราะเขายังไม่สร่าง “นายต้องลุกตื่นเดี๋ยวนี้ แล้วช่วยตอบคำถามของนายด้วย” ไอยวุธถามด้วยอารมณ์เดือดและไม่พอใจ อีกฝ่ายที่เพิ่งตื่น มีอาการงุนงง “มีเรื่องอะไรวะ” “นายทำอะไรไว้ ก็ควรจะแก้ปัญหาตัวเอง ไม่ใช่โยนให้ฉัน” “เฮ้ย ฉันทำอะไรไว้วะ” “อย่ามาไก๋ แกล้งทำไม่ได้สิวะ ก็เรื่องที่นายเมาหัวราน้ำ แล้วชวนฉันไปเที่ยว เวลานี้ คุณผกาย ซักเรื่องของนายจนละเอียดยิบเลย” เมื่อไอยวุธกล่าวจบ ทำให้ฝ่ายนั้นอุทาน “ตายแล้วหว่า” “เอ้อ ไอ้ที่จะตาย เป็นฉันสิ ที่จะต้องตายก่อน ที่ต้องตอบคำถามนาย ทั้งที่ฉันไม่รู้” ไอยวุธโวยวายเอาเรื่องเหมือนกัน ที่เรื่องเป็นแบบนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ เนื้อไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รอง แถมต้องเอากระดูกมาแขวนคอตัวเองอีก และก็ทำให้อีกฝ่ายนั้น หายง่วงเหมือนปลิดทิ้ง และชฎาเดือนไม่นึกว่าหล่อนจะได้รับเบอร์โทร.จากเขา เป็นเขา ซึ่งก็ทำให้หล่อนกดรับ แล้วถามออกไป “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ไอยวุธเมื่อได้ยินเสียงของหล่อน เขารู้สึกชื่นใจ ทดแทนเรื่องเครียด ที่เพิ่งคุยกับผกายรุจีลูกสาวเจ้าของบริษัทได้เช่นกัน เป็นน้ำเสียงที่ฟังแล้วเพราะจับใจ และน่าค้นหา “งานยุ่งหรือครับ” “ก็ยุ่งพอสมควรค่ะ แต่ไม่มากเท่าไหร่” ไอยวุธยิ้มอีก “แล้วคุณล่ะคะ งานไม่ยุ่งหรือไง?” ชฎาเดือนเงียบ แล้วถามเขาต่อ “ไม่ค่อยยุ่งครับ งานวันนี้ดูสบาย ผมถึงนั่งว่างอย่างนี้ พอนึกขึ้นได้ เลยโทร.มาหาคุณ” ไอยวุธหยอดเสียงหวาน เวลานี้เป็นข่วงที่มีความสุขของไอยวุธมากที่สุด ใช้ช่วงเวลาว่าง เพราะงานที่เข้ามาน้อย ทำให้เขาเลือกทำอะไรได้หลายอย่าง ปลายศกรู้ว่า มาทำงานไม่ได้ และคุณผกายรุจี ก็ออกไปข้างนอก และในช่วงบ่ายโมงครึ่ง ไม่มีใครนึกว่าปลายศกจะมาทำงานได้ และไอยวุธก็แปลกใจที่เพื่อนลากสังขารมาทำงานไหวแบบนี้ “เฮ้ย ฉันตกใจแทบไม่เชื่อ ที่นายโผล่มาทำงานในเวลานี้” เสียงทักของไอยวุธ เขามีท่าทีตกใจเช่นกัน ที่เพิ่งเห็นปลายศกโผล่มา ในชุดที่เตรียมทำงาน “นายอย่าบอกฉันนะว่า นายมาทำงาน” ปลายศกยิ้ม ที่เขารู้สึกสร่างเมาแล้ว “ทำไม ฉันก็มาทำงานนะสิ นายก็รู้นี่นา ว่า เมียฉันเตรียมจะเฉ่งฉันอยู่ด้วย ก็เลยต้องทำตัวให้ดีหน่อย ไม่อยากให้จับฉันได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม