บทที่ 1 บุรุษสิ้นดี

1104 คำ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “เสี่ยวเจิ้ง! เสี่ยวเจิ้ง! ได้เวลากลับแล้วนะ” เสียงเถียนฮุยเคาะประตูดังลั่นจนจานเจิ้งต้องลุกงัวเงียขึ้นหยีตา มองซ้ายมองขวาควานมือไปทั่วใต้ผ้าห่ม เขาร้องอ๊ะออกมาคำหนึ่งเมื่อคว้าได้เอี๊ยมตัวน้อยสีฟ้า ครั้นมองเห็นก็โยนทิ้งไปที่ปลายเตียง จากนั้นควานเข้าไปข้างในใหม่ ครั้งนี้ได้กางเกงขายาวของสตรี ชายหนุ่มร้องเฮ้อ! ก่อนจะทิ้งไปทางปลายเท้าอีกครั้ง “เดี๋ยวๆ ข้ายังหาเสื้อผ้าไม่เจอเลย” เขารีบร้องบอกสหาย ชายหนุ่มยกส้นมือขึ้นเคาะเหนือขมับของตนเองเบาๆ ค่อยๆ ทบทวนเหตุการณ์ตอนที่พาสตรีที่นอนฟุบหลับใหลข้างกายผู้นี้เข้ามาในห้อง ผัวะ! เถียนฮุยคร้านจะรอ ชายหนุ่มเป็นคนเจ้าอารมณ์จึงใช้เท้ายันประตูแล้วเข้ามายืนอยู่ข้างเตียง ในมือของเขาถือเชิงเทียนที่มีเทียนจุดสว่างไสวอยู่สามเล่ม คุณชายเถียนวางเชิงเทียนลงบนโต๊ะกลม แล้วก้มลงหยิบเสื้อผ้าของสหายรักที่เรี่ยราดอยู่ตามพื้นโยนขึ้นไปบนผ้าห่มที่คลุมร่างสตรีผู้หนึ่งเอาไว้มิดชิด “เอ้านี่! เจ้าร้อนแรงจนไฟแทบลุกเลยสิท่า ถึงได้ถอดมาตั้งแต่ครึ่งห้องเช่นนี้” คุณชายเถียนปรายตามองหญิงสาวที่ผมสยายปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง “ข้าให้เสี่ยวฮ่าวลงไปรอข้างล่างแล้ว รีบๆ เข้าเถอะ!” จานเจิ้งรีบรับกางเกงไปสวมแล้วหยิบเสื้อมาใส่อย่างรีบร้อนแล้วลงจากเตียงโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองหญิงสาวที่เพิ่งพบกันเมื่อคืนแล้วมาลงเอยบนเตียงอย่างถึงพริกถึงขิง “มาเรียกข้าแล้วก็ไม่คิดจะรอเลยสักนิด อย่างเจ้านี่...มันน่าจะวางยาให้ทำตามใจข้านัก” จานเจิ้งบ่นพึมพำในเสื้อตัวนอกด้านในของเขามีแถบผ้ายาวที่เต็มไปด้วยตลับแบนๆ เรียงรายอยู่เป็นพรืด เถียนฮุยหันกลับมาชี้หน้าจานเจิ้งในทันที “เล่ห์เหลี่ยมพวกนั้นเจ้าเอาไว้ใช้กับคนอื่น อย่าคิดใช้กับข้าและเสี่ยวฮ่าวเด็ดขาด!” “เออนะๆ ข้าไม่ทำกับสหายร่วมสาบานเช่นนั้นอยู่แล้ว ว่าแต่เสี่ยวฮ่าวนึกครึ้มอันใดถึงได้รีบกลับจวนเช่นนี้” “บิดาของเขาคาดโทษเอาไว้น่ะสิ! ในเจ็ดวันนี้ห้ามกลับเลยค่อนคืน มิฉะนั้นจะถูกจับแขวนไว้ที่ต้นไม้หลังบ้าน” “อือ....ช่างขู่ได้น่ากลัวจริง!” วันนี้เป็นเวรที่พวกเขาทั้งสองจะต้องวนไปนอนที่จวนของเหมาฮ่าว คุณชายจอมโฉดแห่งเมืองหลวงทั้งสามเป็นที่รู้จักกันในดีในนาม “บุรุษสิ้นดี” พวกเขานั้นหาดีแทบไม่ได้ จานเจิ้งผู้มีบิดาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในกรมพิธีการ อาศัยความเป็นลูกรักที่มารดาให้ท้าย ตระเวนไปเที่ยวตามหอโคมเขียว เหลาสุรา และบ่อนการพนันอยู่เป็นนิจ ความที่นิสัยใจคอและฐานะครอบครัวใกล้เคียงกัน คุณชายจาน คุณชายเถียน และคุณชายเหมาจึงกลายเป็นสหายร่วมสาบานที่เยือนไปหนใดผู้คนล้วนส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา สตรีทั่วเมืองต่างรู้กันทั่วว่าพวกเขาเป็นชายเสเพลถึงขั้นร่ำลือกันว่า ‘เลี่ยงได้ก็อย่าคุย ที่สำคัญอย่าทำให้ผิดใจ’ ทว่าจานเจิ้งกลับเป็นผู้ที่ดูภายนอกอันธยาศัยไมตรีดียิ่ง เขาผูกสัมพันธ์กับคนไม่เลือกหน้าจึงมีสหายอยู่มากมาย แต่หากยามมีเรื่องกับผู้อื่นก็สร้างความวิบัติได้ไม่น้อย “เจ้าเพลินเลยนะ เป็นเช่นใดบ้างล่ะ? แม่นางน้อยที่กล้าวางยาเจ้า” เหมาฮ่าวบุรุษผู้รักการพนันเป็นชีวิตจิตใจ หันไปถามจานเจิ้ง “หึ! ข้าก็ทำให้นางตื่นใจไปกับข้าตั้งหลายครั้งน่ะสิ! แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะว่านางจะเต็มใจไม่อิดออดสักคำหรือว่าฝีมือข้าจะเหนือชั้นกว่าเสี่ยวฮุยแล้ว” จานเจิ้งหันไปสัพยอกคุณชายหน้าหยกที่ชอบหลอกล่อสตรี เถียนฮุยหัวเราะหึๆ “ข้าเห็นนางมีแค้นกับเจ้าเฉยๆ หรอกจึงปล่อยให้เจ้าลงโทษนางเอง ความจริงข้าว่านางก็สวยอยู่เหมือนกันนะ” จานเจิ้งส่ายหน้า “นั่นมันตอนหัวค่ำที่พวกเราเมามากแล้วต่างหาก นางแต่งหน้าเสียเข้ม เจ้าต้องมารอดูหน้านางตอนลบเครื่องประทินโฉมออกก่อนจะได้รู้ว่าหน้าตานางเหมือนปีศาจหรือไม่?” “เจ้าเข้าไปในห้องกับนางเกือบสองชั่วยาม ไม่ได้มองหน้าเลยหรือ?” จานเจิ้งหัวเราะร่า “ข้ามัวแต่มองอย่างอื่นน่ะสิ! ในห้องนั้นสลัวๆ ไม่มีเทียนสักเล่มแล้วจะเห็นหน้านางได้อย่างไร?” กัวเจียงเยว่ถูกมือน้อยของสตรีผู้หนึ่งเขย่าทั้งยังเรียกชื่อซ้ำๆ จนต้องลืมตาขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นสาวใช้คนสนิทนางก็ผงกศีรษะขึ้น “นี่ข้า...” นางผุดลุกขึ้นแทบจะลืมไปว่าร่างของตนเองใต้ผ้าห่มเปล่าเปลือยอยู่ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของตนเองวาบโหวงจึงเบิกตากว้าง พลันนางก็มองเห็นบนผ้าห่มบริเวณปลายเท้ามีเอี๊ยมตัวน้อยกับกางเกงตัวในพาดอยู่ “คุณหนูรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากที่นี่ก่อนเถิด ไม่ปลอดภัยแล้วนะ เจ้าคะ” กัวเจียงเยว่รีบรับเสื้อผ้าจากซูหลีแล้วรีบสวมใต้ผ้าห่ม ซูหลีก้มลงเก็บชุดของคุณหนูที่เรี่ยราดอยู่ตามพื้นส่งให้แล้วขยับเข้าไปช่วยนางมวยผมอย่างรวดเร็ว สภาพคุณหนูของนางในยามนี้ราวกับผ่านศึกใหญ่ระหว่างแคว้นหมิงกับแคว้นเว่ยมาเลยเทียว คนทั้งสองรีบออกจากหอโคมเขียวแห่งนั้น กลับเข้าในจวนในประตูเล็กด้านหลัง กัวเจียงเยว่ไปถึงห้องก็รีบเข้าไปหลังฉากเสียงนางตักน้ำอาบทำเอาซูหลีสะดุ้ง “คุณหนูอาบน้ำเย็นเช่นนั้นระวังจะไม่สบายนะเจ้าคะ!” “ช่างเถอะ! เนื้อตัวข้าสกปรกนัก ถูกเจ้าคนโฉดมันทำเสียเลอะเทอะไปหมดแล้ว!” นางกัดฟันกรอดๆ อาบน้ำจนสะอาดแล้วหันมาดึงผ้าไปเช็ดตัว ซูหลีรีบเข้ามาช่วยซับผม “พรุ่งนี้เช้าเจ้าเตรียมน้ำอบน้ำหอมให้เต็มที่ ข้าจะอาบน้ำสระผมสักครึ่งชั่วยาม ล้างความอัปยศนี้ทิ้งไปเสีย!” “คุณหนูเจ้าคะ แค้นนี้ใหญ่หลวงนัก! สิ่งที่เขาทำในคืนนี้ต้องให้คนผู้นั้นชดใช้ให้สาสมด้วยชีวิตเจ้าค่ะ” *********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม