กัวเจียงเยว่รีบกระตุกแขนพี่สาว เมื่อนางหันมาก็รีบพาออกไปหน้าห้อง
“พี่จิ่วหลิง ท่านเอาหมอเวิงมาตรวจท่านพ่อได้อย่างไร? เขาเป็นญาติกับใต้เท้าจานนะ เกิดเขาคิดทำไม่ดีกับท่านพ่อจะทำอย่างไรล่ะ?”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เยว่เยว่ หมอเวิงอันเป็นหมอที่มีจริยธรรมสูง เขาไม่เอาเรื่องความขัดแย้งมาเกี่ยวกับท่านพ่อของเราหรอก อีกอย่าง ข้าถามมาหมดแล้ว หมอเวิงชำนาญการรักษาโรคหัวใจยิ่งนักให้เขามารักษาท่านพ่อก็ถูกต้องแล้ว”
กัวจิ่วหลิงแต่งงานไปกับหลานชายของใต้เท้าเหมาซึ่งเป็นขุนนางขั้นหกแห่งกรมโยธาธิการ นางไปอยู่ในจวนของครอบครัวสามีที่อยู่ฝั่งตะวันตกของเมืองหลวง ครั้นได้ยินว่าบิดาล้มป่วยก็พยายามหาหมอฝีมือดีมาช่วยรักษา ทว่ากลับไม่เป็นผล ได้ยินคนแนะนำว่าหมอเวิงอันรักษาโรคหัวใจได้ดีจึงได้ไปขอร้องให้เขา มาช่วย
หลังจากตรวจอาการและดูยาที่ใต้เท้ากัวเคยดื่มมาก่อนหน้านี้ หมอเวิงอันจึงได้ทำการฝังเข็มและเขียนเทียบยาใหม่ให้ ใต้เท้ากัวยอมรับกับบุตรสาวทั้งสองว่าอาการของเขาดีขึ้นมาก หลังจากการตรวจรักษาของหมอเวิงอัน
กัวเจียงเยว่กับซูหลีสาวใช้คนสนิทออกไปสืบข่าวของจานเจิ้งโดยแต่งกายเป็นบุรุษไปยังเหลาสุราที่เขาไปเป็นประจำ ไม่นานนักเหล่าสหายจอมเสเพลของคุณชายจานก็มารวมตัวกันเริ่มร่ำสุรา
“คุณหนูดูสิ! คนพวกนี้ร่ำสุราตั้งแต่ยามหัววัน ไม่คิดจะทำงานทำการเลยหรือไร?”
“ขึ้นชื่อว่าเป็นสหายของจานเจิ้ง เจ้าคิดว่าพวกเขายังจะหาสาระอันใดได้อีก ไม่ดื่มสุราเคล้านารี ก็อยู่ในบ่อนการพนัน ไม่เช่นนั้นก็กัดปลา ชนจิ้งหรีด”
ซูหลีส่ายหน้า รู้สึกเอือมระอาแทนบิดามารดาของคนเหล่านี้ “น่าเสียดายนะเจ้าคะ พวกเขาล้วนมีชาติกำเนิดดีกว่าข้าแต่กลับไม่รู้ซึ้งถึงโอกาสของตนเอง”
“เจ้าคอยเงี่ยหูฟังดีๆ เถอะ พวกนี้ต้องคุยถึงเรื่องของจานเจิ้งแน่นอน”
หญิงสาวทั้งสองรอจนในโต๊ะเริ่มเมาได้ที่ พวกนางจึงแสร้งหันมาขอชนจอกสุราด้วยท่าทีนอบน้อม ทั้งพยายามกล่าวสรรเสริญเยินยอ
“พี่ชาย! พวกท่านดูท่าจะเป็นคุณชายในตระกูลใหญ่กันทั้งนั้น ข้าเพิ่งเคยเข้าเมืองหลวงขอฝากเนื้อฝากตัวได้หรือไม่?”
“เอ๋? พวกเจ้าดูออกด้วยหรือว่าพวกเราเป็นคนสำคัญกันทั้งนั้น”
บุรุษในกลุ่มล้วนหัวเราะเฮฮา พออกพอใจกับการยกยกปอปั้นของเจ้าหนุ่มที่แนะนำตนเองด้วยความเจียมตัว
“ข้าชื่อซูเยว่ และนี่น้องข้าชื่อซูหลี พวกเราเพิ่งมาจากเมืองฉู่จิ้ง เห็นว่าพวกท่านล้วนรูปโฉมสง่างาม ท่านทางคงจะเป็นคนสำคัญจึงใคร่อยากจะฝากเนื้อฝากตัวขอรับ”
“ได้ๆ เข้าฝากตัวถูกคนแล้ว พวกเรานี่ล่ะเป็นสหายของคุณชายจานที่เป็นพี่ใหญ่ในย่านนี้”
“ขอรับๆ เช่นนั้นข้าขอรินสุราคารวะพวกท่านสักหนึ่งจอก”
กัวเจียงเยว่ในนามซูเยว่รีบรินสุราเอาใจ ชายหนุ่มทั้งสามที่เริ่มเมามายได้ที่ก็โอ้อวดศักดาของสหายตน
“ข้าจะบอกให้ คุณชายจานที่เป็นสหายรักของข้า นอกจากจะคุมย่านนี้แล้วยังมีความสามารถพิเศษที่น้อยคนจะรู้” น้ำเสียงของคนเล่าเริ่มอ้อแอ้
“เอ๋? ข้าเคยได้ยินว่าเขาไม่ได้มีวรยุทธ์นี่ขอรับ? เหตุใดจึงเป็นที่ยำเกรงของผู้คนในย่านนี้ได้?”
“จานเจิ้งเป็นคนร้ายกาจโดยไม่มีต้องวรยุทธ์หรือต่อยตี เขามักจะใช้ยาพิษสารพัดอย่างสำหรับจัดการศัตรู ข้าเคยเห็นคนที่มีเรื่องกับเขาต่างพากันพบเรื่องยากลำบากในภายหลัง ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือการแก้แค้นของจานเจิ้งแต่กลับจับไม่ได้สักครั้ง...มีเพียงพวกเราที่รู้ความจริง”
“อย่างไรหรือคุณชาย? ข้าใคร่รู้ยิ่งนัก?”
บุรุษอีกคนที่โบกไม้โบกมือรับสุราที่ซูหลีรินให้ รีบกล่าวขึ้น “ก็จานเจิ้งใช้วิธีวางยาอย่างไรล่ะ? ข้าเคยเห็นในตัวเขามียาสารพัดอย่าง ตลับพวกนั้นสีเดียวกันทั้งหมดมีเพียงเขาผู้เดียวที่รู้ว่าตลับไหนคือยาอะไร?”
“ถ้าเช่นนั้นต่อให้มีผู้ขโมยยาจากเขาไปได้ก็....”
“ใช่! ก็ไม่กล้าใช้เพราะไม่รู้ว่ามันคือยาพิษหรือยาที่ใช้เพื่อการใด?”
บุรุษที่จิบสุราร่างโงนเงนคนที่สามพยักหน้าสนับสนุนสหายหงึกหงัก
“คนที่คิดจะเป็นศัตรูกับจานเจิ้งต้องคิดให้ดีถึงสามรอบก่อน เพราะหากถูกเขาหมายหัวล่ะก็ คงยากจะป้องกันตัวได้”
“คุณชาย ที่ผ่านมาไม่มีผู้คิดฆ่าเขาหรือขอรับ?”
“มีสิ! แต่คุณชายเถียนกับคุณชายเหมา คู่หูของจานเจิ้งมีวรยุทธ์ค่อนข้างแข็งแกร่ง จึงยากจะลอบทำร้ายเขาได้”
กัวเจียงเยว่พยักหน้า ‘เป็นเช่นนี้นี่เอง...หากคิดจะกำจัดจานเจิ้ง คงต้องดึงเขาออกจากสหายทั้งสองเสียก่อน’
เมื่อมอมเหล้าคนทั้งสามจนฟุบลงไปแล้ว กัวเจียงเยว่และซูหลีก็ออกจากเหลาสุราแห่งนั้น
“คุณหนู เราต้องสืบกิจวัตรของคุณชายจานให้ครบถ้วนรัดกุมจะได้ลงมือผิดพลาดเจ้าค่ะ”
“วันนี้คนผู้นั้นจะออกมาบ่อนกับคุณชายเหมา เราไปแอบดูกันเถอะ”
สตรีทั้งสองมาดักรออยู่ถนนคนโฉดที่นี่มีบ่อนชื่อว่าเศรษฐี เปิดโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ภายหลังกฎหมายของแคว้นหมิงกำหนดให้แต่ละบ่อนต้องห้ามผู้เล่นไม่ให้เล่นเกินวันละห้าพันตำลึงเพื่อจำกัดปัญหาการเล่นจนหมดตัว
“เหมาฮ่าวเป็นคนชอบการพนันขันต่อเป็นชีวิตจิตใจ ก่อนจะไปหอคณิกาต้องแวะมาที่นี่ก่อนเสมอ คืนนี้พวกเขานัดหมายจะเล่นพนันกับคุณชายหวัง เจ้าดู...การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้เรียกคนเข้าบ่อนมาได้มากจริงๆ”
ไม่ใช่แค่มากเท่านั้น แต่คนเนืองแน่นจนพวกนางแทบไม่มีที่ยืนต่างหาก จานเจิ้งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนเวที ประกาศถึงการแข่งโยนลูกเต๋าในคืนนี้ ที่สหายรักของเขาคุณชายเหมาท้าคุณชายหวัง ผู้เป็นอริมาตั้งแต่เยาว์วัยมาต่อสู้กัน
*************************