“ท่องเอาไว้เพื่อครอบครัว เธออยากเห็นพ่อเธอตายหรือไง เร็วเข้า หมอนั่นไปนานแล้ว เดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้ว เร็วสิ...”
ไม่มีทางเลือก โรสิตาล้วงมือไปในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก และหยิบขวดยาขนาดจิ๋วออกมาถือเอาไว้ มือไม้สั่นเทา หัวใจของหล่อนก็เช่นกัน สั่นระรัวราวกับถูกเขย่าอยู่ในขวดแก้ว
“เร็วสิ... เดี๋ยวก็แผนแตกพอดี เร็วเข้ายายโรส...”
โรสิตาไม่สามารถประวิงเวลาได้อีกแล้ว หล่อนจำต้องเปิดขวดออก และเทยาลงไปในแก้วของชาริลล์
“หมอนั่นตัวโตหยั่งกับยักษ์ แค่นั้นไม่หลับหรอก เทให้หมดเลย”
“แต่... ฉันกลัวคุณชาร์ลจะได้รับอันตรายถ้าใช้ยาเกินขนาด”
มิตาทำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะเค้นเสียงแผ่วเบา
“ยานอนหลับไม่เคยทำให้ใครตายหรอกน่า ใส่ไปอีก ถ้าพลาดครั้งนี้แล้วฉันจะไม่ช่วยอีกแล้วนะ ยายโรส ใส่สิ เร็วเข้า นู้น หมอนั่นเดินกลับมาแล้ว”
ไม่มีเวลาแล้ว โรสิตาเทยานอนหลับลงใส่แก้วน้ำของชาริลล์จนหมดขวด จากนั้นก็รีบสอดขวดเล็กๆกลับลงไปในกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเอง ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่เหยื่อผู้ร่ำรวยของหล่อนเดินมาถึงโต๊ะอาหาร เขายิ้มให้หล่อน ยิ้มด้วยความจริงใจ ทำเอาหล่อนถึงกับจุกไปทั้งลำคอ ความรู้สึกผิดอัดแน่นเต็มอกจนอาเจียนแทบพุ่งออกมา
“คุณโรสรอผมนานไหมครับ”
“มะ... ไม่นานค่ะ”
สีหน้าซีดๆ ของโรสิตาทำให้ชาริลล์แปลกใจ
“คุณโรสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าซีดจังครับ หรือว่าจะเป็นลม”
ชาริลล์ยื่นมือมาจับฝ่ามือเล็กอย่างเป็นห่วง ซึ่งก็พบว่าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และเย็นเฉียบ
“มือคุณโรสเย็นมากเลยนะครับ ผมว่าคุณโรสควรจะไปหาหมอดีกว่า ผมจะพาไปนะครับ”
“เอ่อ... โรสไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่...”
หญิงสาวหยุดคิดหาเหตุผลดีๆ สักข้อที่น่าเชื่อถือ และสุดท้ายก็คิดออก
“แค่หิวน่ะค่ะ หิวมาก... เลยจะเป็นลม”
คราวนี้คนฟังถึงกับยิ้มกว้าง ในขณะที่หล่อนลอบพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างโล่งอก
“เพราะอย่างนี้นี่เอง สั่งอาหารเลยนะครับ”
แล้วเขาก็ยกมือขึ้นเรียกพนักงาน ไม่ช้าบริกรก็มาหยุดที่ข้างโต๊ะ เขาถามหล่อนว่าต้องการทานอะไร แต่พอหล่อนบอกว่าตามใจเขา หล่อนทานได้ทุกอย่าง เขาก็ทำหน้าที่ในการสั่งอาหารให้กับหล่อนด้วยท่าทางสบายๆ และเต็มไปด้วยการเป็นผู้นำ
“เออ แล้วคุณโรสจะดื่มน้ำอะไรดีครับ”
“เอ่อ โรสมีน้ำเปล่าแล้วค่ะ”
ชาริลล์ยิ้มบางๆ หันไปบอกบริกรว่าสิ้นสุดการสั่งแล้ว จากนั้นก็หันมามองหน้าหล่อนด้วยสายตาเป็นประกายพึงพอใจ
“ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนวางตัวง่ายๆ แบบคุณโรสมาก่อนเลยครับ ปกติเห็นสั่งนู้นสั่งนี่ บางทีผมฟังแล้วยังปวดหัวเลย”
คำพูดของเขาน่าขบขัน แต่หล่อนกลับไม่อาจจะหัวเราะได้เลย เมื่อเห็นมือหนาเอื้อมไปจับแก้วน้ำเปล่าที่วางอยู่ตรงหน้า
“ผมว่า... เราสองคนนิสัยคล้ายๆ กันนะครับ ซึ่งผมชอบแบบนี้ที่สุด”
หล่อนฝืนยิ้มตอบ นัยน์ตาจ้องมองมือหนาที่กุมแก้วใสใบสวยเอาไว้ตลอดเวลา ภาวนาให้เขาไม่ยกมันขึ้นดื่ม ไม่สิ... ต้องภาวนาให้เขารีบดื่มๆ มันซะต่างหาก โอ้ย... นี่หล่อนจะทำยังไงดี ความคิดในสมองแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย และตีกันวุ่น
“ค่ะ ค่ะ... โรสก็คิดเหมือนคุณชาร์ลค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ชาริลล์นั่งยิ้มจนมองข้ามกิริยาแปลกๆ ของคู่สนทนา ก็โรสิตาสวยหวาน ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา เพลินใจ และไม่สามารถละสายตาได้เลย ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับสตรีเช่นเขาจะมารู้สึกตรึงใจกับโรสิตาได้ง่ายดายเพียงนี้
“คุณโรส... มีคนรักหรือยังครับ”
ในที่สุดเขาก็ถามออกไป และก็ทำให้คนถูกถามหน้าแดงก่ำ โรสิตาอึกอักรู้สึกลำบากใจนัก แต่ก็กำลังจะบอกความจริงออกไป แต่มือของใครบางคนก็มาแตะที่บ่าบอบบางของหล่อนเสียก่อน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่มือของชาริลล์
“สวัสดีครับโรส... ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ สบายดีนะครับ”
เสียงเข้มนี้ทำให้หล่อนตัวแข็งเครียดและก็ต้องหันหน้าไปมอง
ธีรเดช อดีตคู่หมั้นของหล่อนนั่นเอง คู่หมั้นที่รีบถอนหมั้นทันทีเมื่อรู้ว่าครอบครัวของหล่อนถูกฟ้องล้มละลาย
“สวัสดีค่ะพี่ธี โรสก็ไม่คิดว่าจะเจอพี่ธีที่นี่เหมือนกันค่ะ”
โรสิตาปั้นยิ้ม เกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้มากนัก
“เพราะที่นี่ไม่มีกาสิโน”
ธีรเดชหน้าเจื่อนไป ก่อนจะชักสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นก็หรี่ตามองหน้าชาริลล์ที่นั่งนิ่งอยู่ด้วยสายตายิ้มเยาะ
“นี่คงเป็นเหยื่อ... อ้อ... ไม่สิ แฟนคนใหม่ของน้องโรสสินะ”
โรสิตาสุดจะอับอาย มองหน้าชาริลล์อย่างขอโทษขอโพย จากนั้นก็รีบเค้นเสียงแข็งกร้าวใส่ธีรเดช แต่ชายหนุ่มกลับหน้าหนาเตอะ
“พี่ธีมาทางไหนก็ไปทางนั้นเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับโรสอีกเลย”
“แหมๆ น้องโรส... ทำไมพูดกับคู่หมั้นแบบนี้ล่ะครับ”
“อดีตคู่หมั้น”
โรสิตาเค้นเตือนเสียงกระด้าง ธีรเดชหัวเราะเบาๆ
“อ้อ พี่ลืมไป เราถอนหมั้นกันแล้วนี่ ว่าแต่... ที่บ้านของน้องโรสสบายดีนะ คุณอาผู้ชายออกจากโรงพยาบาลหรือยังล่ะ”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ แต่เก็บความห่วงใยจอมปลอมของพี่ธีเอาไว้ใช้กับคนอื่นเถอะค่ะ โรสไม่ต้องการ”
หญิงสาวสะบัดเสียงใส่ และไล่ซ้ำ
“โรสกับคุณชาร์ลต้องการความเป็นส่วนตัว เชิญพี่ธีที่โต๊ะอื่นค่ะ”
ธีรเดชเสียหน้ามากที่ถูกไล่ จึงเอาคืนโรสิตาอย่างเจ็บแสบ เขาหัวเราะ และเลือกที่จะพูดกับชาริลล์แทน
“ผมหวังว่าคุณจะรวยพอที่จะให้อดีตคู่หมั้นของผมเกาะกินนะครับ”
“พี่ธี!”
ธีรเดชทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงกลางโต๊ะ ก่อนจะเดินผิวปากจากไป โรสิตาหน้าซีดเผือดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเกรงว่าชาริลล์จะเข้าใจผิด แต่ไม่นานหล่อนก็เป่าปากโล่งอก เมื่อชาริลล์ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อคำพูดของธีรเดชเลย
“ผมว่าผู้ชายคนนั้นคงแค้นที่คุณโรสถอนหมั้นจากเขา เลยพูดจาไม่ให้เกียรติคุณโรสแบบนี้”
ใครว่าหล่อนถอนหมั้นธีรเดชล่ะ หมอนั่นต่างหากที่เป็นฝ่ายถอนหมั้นหล่อน โรสิตาคิดเศร้าๆ ในใจก่อนจะฝืนยิ้ม
“ค่ะ คงเป็นแบบนั้น”
“อย่าทำหน้าเศร้าสิครับ ผมเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ”
ยิ่งเขาแสนดี หล่อนก็ยิ่งเศร้าหมอง โรสิตาก้มหน้ากัดปากตัวเอง นั่งรอคอยอาหารเงียบๆ ในขณะที่เขาเองก็เงียบเช่นกัน
เอาไว้คราวหน้า... คราวหน้าก็ได้ ค่อยทำตามแผนของมิตา โรสิตาคิดแบบนั้นได้ก็ช้าเกินไปแล้ว เพราะพอเงยหน้าขึ้นมาน้ำในแก้วของชาริลล์ก็หายไปจนเกลี้ยงแก้ว
“คุณชาร์ล...?!”
ท่าทางตกใจของโรสิตา ที่มองหน้าเขาสลับกับแก้วน้ำในมือของเขา ทำให้ชาริลล์แสนจะประหลาดใจ
“คุณโรส... มีอะไรหรือครับ ทำไมทำหน้าตาเหมือน...”
“ปละ... เปล่าหรอกค่ะ ไม่มี... ไม่มีอะไร...”
แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ
โรสิตาคิดอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ฝืนยิ้ม และนั่งเงียบ แม้ว่าชาริลล์จะชวนคุยยังไง หล่อนก็ทำได้แค่เพียงถามคำตอบคำเท่านั้น จนในที่สุดคนที่นั่งชวนคุยเริ่มต้นหาว... หาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมดวงตาคมกริบสีเขียวมรกตก็เริ่มดูหน่วงๆ หนักๆ ขึ้น
“คุณชาร์ล... เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
รู้ทั้งรู้ก็ยังมีหน้าจะถามออกไปอีก โรสิตาด่าตัวเองในใจ
“เปล่าครับ แค่รู้สึก... มึนๆ หัวนิดหน่อย เมื่อคืนผมคงนอนดึกไป”
ไม่ใช่หรอก เพราะยานอนหลับที่หล่อนใส่ให้ดื่มต่างหาก
“งั้น... คุณชาร์ลกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ เอาไว้วันหลังเราค่อย...”
หล่อนพูดยังไม่ทันจบประโยคเลย คนที่นั่งยิ้มอยู่ก็ล้มคอพับลงกับโต๊ะอาหาร หล่อนร้องอุทานด้วยความตกใจ หันไปหามิตา
“เล่นละครต่อไป โรส...”
นี่คือคำสั่งของมิตา และหล่อนก็จำต้องทำ เพราะเรื่องราวมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว
“คุณชาร์ลคะ คุณชาร์ล... คุณชาร์ลเป็นอะไรไปคะ”
หล่อนแสร้งหันมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็เรียกให้บริกรมาช่วยประคองชาริลล์ออกไปนอกภัตตาคาร ซึ่งต้องใช้บริกรถึงสามคนด้วยกัน เพราะชายหนุ่มตัวใหญ่มาก ในขณะที่หล่อนทำได้แค่เดินตามไปติดๆ เท่านั้น
“ขอบใจจ้ะ นี่น้ำใจนะ”
โรสิตายื่นสินน้ำใจให้กับสามบริกรไป จากนั้นก็รีบก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ ที่มีมิตานั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว