EP.7 อดีตที่ไม่เคยลืม
การคบผู้หญิงทีละหลายๆ คนมันก็ดีอยู่หรอก แต่ในบางครั้ง เขากลับมองว่ามันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันฉาบฉวยและเบาโหวง แม้จะมีสาวๆ นั่งรายล้อมข้างกาย แต่เขากลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่คนเดียว เจ้าหล่อนสนใจชาติตระกูล เงินสดในธนาคาร และข้าวของเครื่องใช้ แบรนด์เนมที่เขาใช้ ไม่เคยมีใครสนใจที่ตัวเขาจริงๆ เลยสักคน
แต่ก็นั่นละ ผู้หญิงไม่ว่าจะกี่คนก็ไม่ต่างกันมากนัก พวกเธอไม่ต้องการหัวใจเพราะมันยาไส้ไม่ได้ เงินทองเท่านั้นที่ทำให้พวกหล่อน อิ่มท้องและมีหน้ามีตา การคบกับเขาก็ทำให้พวกหล่อนเชิดหน้าชูตาได้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่พวกหล่อนได้คือ เซ็กส์ เงิน และชื่อเสียง แต่หัวใจของเขายังเป็นของเขา และเขาไม่คิดจะมอบหรือฝากมันไว้ที่ใครอีก เขาไม่อยากเจ็บซ้ำรอยเดิม...เกษแก้ว
มอบหัวใจให้ไปทั้งดวง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการทรยศหักหลังได้อย่างเลือดเย็น
ภีมวัจน์ปิดโทรศัพท์แล้วโยนลงบนโซฟา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เจ้าของร่างสูงใหญ่นอนพลิกตัวบนเตียงไปมา ไม่นานก็เข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อยล้า
‘เกษ’
ภีมวัจน์เรียกชื่อเกษแก้ว แฟนสาวคนแรก และแน่นอนเธอเป็นรักครั้งแรกของเขา เธอไว้ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง สวมชุดสีขาวสะอาดราวกับชุดผู้ถือศีล ส่งยิ้มให้เขาซึ่งสวมชุดเข้านอนเป็นเสื้อกล้ามกางเกง บ็อกเซอร์ลายตารางสีน้ำเงิน
‘เกษ! เกษมาได้ยังไง เกษหายไปไหนมา’
เขาเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวด้วยความคิดถึง รู้สึกตื้นตันราวกับไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนาน เมื่อได้พบอีกครั้งความคิดถึงจึงถาโถมเข้าใส่จนเขารู้สึกมึนงงไปหมด เขาตรงเข้าหาเกษแก้วหมายจะดึงร่างเพรียวบางเข้ามากอด ทว่าเกษแก้วกลับถอยห่าง แต่ยังยิ้มให้เขาเช่นที่เคยยิ้มให้เสมอมา
‘ภีม เกษอยากให้ภีมอโหสิกรรมให้เกษ และอโหสิกรรมให้คุณพ่อของภีมด้วย ภีมทำได้มั้ย’ ร่างบอบบางเอ่ยขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย
‘ภีมไม่เคยโกรธเกษเลย ภีมเข้าใจว่าเกษโดนหลอกลวง เกษอ่อนต่อโลกเกินไป เมื่อถูกคนเจนจัดแบบนั้นหลอกล่อเลยตกเป็นเหยื่อโดยไม่ได้ตั้งใจ’
‘เกษดีใจนะที่ภีมอภัยให้เกษ เกษไม่ได้ใสซื่ออย่างที่ภีมเข้าใจหรอกนะ เกษเองก็มี รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนใครๆ เกษรักคุณพ่อของภีม รักแบบผู้หญิงจะรักผู้ชายคนหนึ่งได้ เกษขอโทษนะภีม เกษไม่อยากให้ภีมจมอยู่กับความทุกข์แล้วคิดโทษคุณพ่อ อโหสิกรรมให้คุณพ่อได้มั้ยภีม เพื่อตัวของภีมเอง...’
‘ไม่!’ ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว
‘ขนาดนี้แล้วเกษก็ยังเข้าข้างผู้ชายคนนั้นอยู่อีกเหรอ เกษก็เห็นแล้วนี่ว่าเขาทำอะไรกับเกษบ้าง ทำไมเกษยังรักและเข้าข้างเขาคนนั้น ภีมต่างหากล่ะที่รักเกษ ทำไมล่ะเกษ ทำไม!’ ชายหนุ่มกระชากเสียงถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นทำชั่วทำเลวถึงขนาดนั้นทำไมเกษแก้วยังรัก รักแม้จะช้ำใจจนตายไม่ต่างไปจากมารดาของเขา
‘ไม่ใช่แบบนั้นนะภีม เกษเคยคิดว่าเกษรักภีมแบบคนรัก แต่ความจริงแล้วเราแค่ใกล้ชิดกัน ผูกพันกัน ภีมเองยังไม่เคยเจอความรักที่แท้จริง ภีมจึงคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเกษมันคือความรัก’
‘พอเถอะเกษ ไม่ว่ายังไงเกษก็ปฏิเสธภีม แล้วเลือกเขาคนนั้น’
‘เขาคนนั้นคือคุณพ่อของภีมนะ ภีม...อย่าจมอยู่กับความเศร้าและความแค้นเลย ปล่อยมันไปเถอะนะ เพื่อตัวภีมเอง’ เกษแก้วพยายามเกลี้ยกล่อม ทว่าภีมวัจน์เบือนหน้าหนีอย่างไม่อยากฟัง
‘พอเถอะเกษ ภีมไม่อยากฟัง’
‘เกษเสียใจที่มีส่วนทำให้ภีมเป็นแบบนี้ เกษขอโทษ’
‘เกษ...’ ชายหนุ่มหันกลับไปแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อร่างบางถอยหลังไปเรื่อยๆ
‘เกษ! อย่าเพิ่งไป อย่าทิ้งภีมไป’
ชายหนุ่มวิ่งตามเกษแก้วที่ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เขาวิ่งจนเหนื่อย แข้งขาอ่อนล้าจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งตามสักเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งไกลห่าง ไกลห่างออกไปราวกับว่าจะไม่มีวันได้พบเจอกันอีกแล้วในชาตินี้
“เกษ อย่าเพิ่งไป!”
ภีมวัจน์ตะโกนเสียงดังแล้วผวาลุกขึ้นนั่ง ลืมตาตื่นมองไปรอบๆ กาย เขายังนอนอยู่บนเตียง เขาแค่ฝันไป ใช่! มันคือความฝัน
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เหงื่อเม็ดโตเกาะพราวบริเวณหน้าผากทั้งที่ภายในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นเฉียบ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผาก รู้สึกว่าความฝันมันช่างเหมือนความจริงเสียเหลือเกิน เหมือนจนอดคิดไม่ได้ว่า...หรือเกษแก้วจะมาหาเขาจริง
ภีมวัจน์หลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ส่ายหน้าอย่างเห็นเป็นเรื่องไม่เข้าท่า ไร้สาระ...เขาคงดูรูปเกษแก้วและคิดถึงเธอมากเกินไปจึงเก็บเอาไปฝันเช่นนี้
ประตูรั้วสีขาวหน้าคฤหาสน์ปัทมนันท์ถูกเปิดกว้าง โต๊ะพับถูกกางออกแล้วปูทับด้วยผ้าคลุมโต๊ะลูกไม้สีขาว ขันเงินใส่ข้าวสวยกรุ่นไอร้อนลอยเอื่อยขึ้นในอากาศวางบนโต๊ะ ข้างกันเป็นอาหารหลายชนิดบรรจุใส่ถุงไว้เรียบร้อย พานสีทองวางดอกบัวสีขาวเอาไว้หลายมัด พรรณียืนรอบุตรชาย โดยมีสายใจแม่บ้านเก่าแก่ยืนคอยเตรียมอาหารสำหรับตักบาตร
แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าบุตรชายจะตามมาเสียที...
“พระมาแล้วค่ะคุณณี” สายใจบอกพรรณีเมื่อเห็นพระสามรูปกำลังเดินบิณฑบาตตรงมา
พรรณีพยักหน้าแล้วมองกลับเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสน์ ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่าบุตรชายคงไม่มาตักบาตรกับเธอแน่ๆ
“นิมนต์ค่ะพระคุณเจ้า” พรรณีถอดรองเท้าแล้วหยิบขันเงินขึ้นมา ตักข้าวลงในบาตรพระแล้วหยิบอาหารใส่ตามลงไป กำลังจะหยิบดอกบัวมือใหญ่ของบุตรชายก็หยิบไปเสียก่อน
ภีมวัจน์วางดอกบัวลงบนบาตรพระที่ปิดฝาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้กับมารดา ทั้งสองคุกเข่าลงรับพรจากพระสงฆ์
“อายุ วัณโณ สุขัง พลัง”
เมื่อพระสงฆ์เดินผ่านไปแล้วพรรณีจึงหันไปยิ้มให้บุตรชาย “แม่นึกว่าภีมตื่นไม่ทันเสียอีก เพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกมากแล้ว” พูดพลางจับแขนบุตรชายเอาไว้