บทที่ 7
เช้าวันนี้ไทเรลล์ออกไปทำงานสายกว่าปกติ คงเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบตีหนึ่ง ในหัวเอาแต่คิดถึงสิ่งที่ค้างคาใจไม่ยอมหยุด
รถคันงามแล่นออกจากรั้วใหญ่โดยมีสารถีคือริชาร์ดเช่นเดิม มันค่อยๆ แล่นผ่านป้ายรถเมล์ที่ปากซอย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองด้วยความเคยชิน แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้วดกหนาขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ เมื่อยังเห็นร่างอรชรในชุดพนักงานทำความสะอาดประจำโรงพยาบาลของเขายืนอยู่ สีหน้าของหล่อนดูกระวนกระวาย ผมเผ้ายุ่งเหยิงคล้ายกับรีบร้อนมากจนไม่มีเวลาจัดการกับมัน เขาหันไปบอกริชาร์ดให้จอดรถทันที
“จอดรถก่อนครับลุงริชาร์ด”
ริชาร์ดทำตามคำสั่ง หักพวงมาลัยรถจอดที่ข้างทางเลยป้ายรถเมล์มาเล็กน้อย แต่ก็อดที่จะถามเจ้านายหนุ่มสุดหล่อด้วยความสงสัยไม่ได้
“มีอะไรเหรอครับคุณหมอ”
“ผมเจอคนรู้จักน่ะ”
ไทเรลล์ตอบแค่นั้นก็เปิดประตูรถและก้าวเท้าออกไปทันที ริชาร์ดเอี้ยวตัวมองตามไปด้วยความไม่เข้าใจนัก
“ป่านนี้ยังไม่ไปทำงานอีก ระวังจะสายนะ งามระงับ”
เสียงทุ้มนุ่มหูดังขึ้นด้านหลัง ทำให้งามระยับที่กำลังด่าทอนาฬิกาปลุกของตัวเองต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะอ้าปากค้างเติ่ง และเบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ผู้...อำนวยการ...!”
ไทเรลล์ระบายยิ้มบางๆ แต่ทรงเสน่ห์ยิ่งนัก ทำเอาหัวใจของงามระยับร่วงหล่นลงไปกระแทกพื้นทันที
“ตกใจอะไรหรือ”
“ก็...”
หล่อนรีหันขวางมองหาพาหนะที่นำพาเขามาหยุดตรงหน้าหล่อน ก่อนจะพบว่ามันจอดเลยป้ายรถเมล์ไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
“ผู้อำนวยการ...มีอะไรกับงามเหรอคะ”
เขาอมยิ้มอีกแล้ว บ้าจริง จะยิ้มทำไมนักหนา หรือจะทำให้หล่อนหัวใจวายกันไปข้างหนึ่งเลย งามระงับค่อนขอดผู้ชายตรงหน้าในใจ
“จะมาชวนนั่งรถไปด้วยกันน่ะ”
“คะ?”
หล่อนต้องยกมือขึ้นตบหูของตัวเองแรงๆ ก่อนจะถามใหม่เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ผู้อำนวยการว่าอะไรนะคะ”
ไทเรลล์มองกิริยาตื่นๆ งงๆ ของผู้หญิงตรงหน้าแล้วก็อดที่จะหัวเราะขบขำอย่างอารมณ์ดีไม่ได้
“จะชวนนั่งรถไปทำงานด้วยกันน่ะ ไปหรือเปล่า”
ไอ้อยากไปก็อยากไปหรอก แต่เขากับหล่อนมันคนละระดับกัน ขืนขึ้นไปนั่งแล้วดันทำเบาะรถเปื้อน หล่อนมิต้องจ่ายค่าทำความสะอาดหัวโตเลยเหรอ และดูจากความงามของรถแล้วน่าจะราคาแพงหูฉี่เลยทีเดียว
“คง...ไม่ไปหรอกค่ะ”
ไทเรลล์ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง และเร่งเร้า
“แต่นี่เหลืออีกไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะเข้างานแล้วนะ ถ้าเธอไปสาย เบี้ยขยันก็จะถูกตัด”
หล่อนไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้โน้มศีรษะเข้ามาใกล้นัก ใกล้มากจนหล่อนมองเห็นแม้แต่กระทั่งสิวเม็ดเล็กที่ปลายจมูกโด่งสวยบนใบหน้าหล่อจัดนั้นเลยทีเดียว
หล่อนแก้มแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และสองขาก็ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
“ขอบคุณนะคะที่เมื่อวานช่วยเรื่องเบี้ยขยันของงาม”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันทำให้เธอเสียเวลาเอง แต่วันนี้ฉันคงช่วยไม่ได้แล้วนะ ถ้าไปสาย ยังไงก็ต้องถูกตัดเบี้ยขยัน” ไทเรลล์ไล่ต้อนลูกแกะจอมงกตรงหน้าอย่างมีชั้นเชิง “แต่ว่าเธอคงไม่สนใจอะไรกับเบี้ยขยันหรอกใช่ไหม แม้จะสะสมมาหลายปีแล้วก็ตาม”
“สน...สนใจสิคะ แต่...” สีหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“แต่อะไรหรือ”
ใบหน้าของไทเรลล์ยังคงลอยอยู่ไม่ห่าง ตาบ้านี่ จะเอาความหล่อมาเข่นฆ่ากันทำไมนักหนานะ
“แต่งาม...ไม่มีเงินค่าโดยสารจ่ายให้กับผู้อำนวยการมากนักหรอกนะคะ วันนี้งามเอาเงินติดตัวมาแค่ห้าสิบบาทเอง”
ไทเรลล์แทบจะสะกดกลั้นเสียงหัวเราะขบขันที่ดังในอกเอาไว้ไม่ได้ นี่เจ้าหล่อนเค็มจัดขนาดเกลือเรียกแม่เลยใช่ไหมเนี่ย
“ใครว่าฉันจะเก็บค่าโดยสารเธอล่ะ”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลเมื่อครู่นี้เบิกกว้าง พร้อมกับรอยยิ้มตื่นเต้นยินดี
“ไม่เก็บแน่นะคะ”
“อืม...” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“งั้นงามก็ไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
ไทเรลล์ส่ายศีรษะไปมา มองร่างของงามระยับที่พุ่งตรงไปยังรถของเขาด้วยความขบขัน เขาอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินตามไปที่รถ และเปิดประตูให้หล่อนขึ้นไปนั่งเบาะหลังด้วยกัน
“ให้งาม...นั่งหน้าก็ได้ค่ะ”
“นั่งด้วยกันนี่แหละ ขึ้นไปเร็วสิ เดี๋ยวสายกันพอดี”
งามระยับรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ต้องนั่งเคียงคู่กับผู้ชายในฝันของตัวเอง แต่ก็โอ้เอ้มากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะสแกนบัตรเข้าทำงานไม่ทัน
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนก้าวขึ้นไปนั่ง โดยมีไทเรลล์ที่ตัวโตกว่ามากมายขึ้นมานั่งขนาบข้าง แก้มนวลแดงระเรื่ออย่างสุดจะห้ามปราม สองมือเล็กขาวสะอาดบีบกันแน่นบนตัก
“ทำไมวันนี้ไปทำงานสายล่ะ”
“เอ่อ...”
คำพูดชวนคุยสบายๆ จากไทเรลล์ ไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายเลย เพราะหัวใจสั่นระริกไปหมด
“ก็...เมื่อคืนกลับบ้านดึกน่ะค่ะ”
เขาหันหน้ามาหา และหรี่ตามองอย่างสงสัย “งานที่ปั๊มน้ำมันเลิกดึกหรือ”
“เลิกสี่ทุ่มครึ่งค่ะ”
“ก็ไม่ได้ดึกเกินไปนี่นา”
คนตัวโตพึมพำอย่างแคลงใจ หล่อนจึงต้องพูดต่อไป “แต่งามไปทำงานอื่นด้วยค่ะ”
“งานอะไรหรือ”
งามระยับเสหลบสายตาคมกริบของไทเรลล์ เพราะไม่อยากบอกว่าตัวเองไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร จึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน
“ว่าแต่ผู้อำนวยการเถอะค่ะ ทำไมวันนี้ไปทำงานสายคะ”
“ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ ก็เลยตื่นสาย”
หล่อนอมยิ้มบางๆ “ทำงานเยอะๆ ก็เครียดแบบนี้แหละค่ะ เลยนอนไม่ค่อยหลับ”
ใครว่าล่ะ เขาเครียดเรื่องหล่อนต่างหาก ไทเรลล์คิดเงียบๆ ในใจและไม่ได้เฉลยออกไป
“คงงั้นมั้ง”
ระหว่างเดินทางหล่อนกับไทเรลล์ก็คุยกันหลายเรื่อง จนกระทั่งรถคันงามแล่นมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลเอกชน
“งามลงตรงนี้แหละค่ะ ขอบคุณผู้อำนวยการมากนะคะ งามจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ” หล่อนยกมือไหว้ไทเรลล์ตามมารยาท กำลังจะก้าวเท้าลงไปจากรถ แต่แขนเรียวถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้เสียก่อน ความร้อนอบอุ่นจากอุ้งมือหนาทำให้หล่อนชะงักงัน และหันกลับมามองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
ไทเรลล์รีบปล่อยมือจากแขนเรียวของงามระยับ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหล่อนทำตกเอาไว้บนเบาะส่งให้
“เธอทำหล่นน่ะ”
หล่อนรับโทรศัพท์มือถือมาจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ กล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เป็นไร รีบไปรูดบัตรเถอะ”
งามระยับยิ้มให้กับไทเรลล์อีกครั้ง ก่อนจะก้าวลงไปจากรถคันงาม ท่ามกลางสายตาทุกคู่ของพนักงานที่อยู่บริเวณนั้นจับจ้องมาที่หล่อน แก้มของหล่อนแดงระเรื่อ รีบสาวเท้าเดินตรงไปยังเครื่องสแกนบัตรอย่างรวดเร็ว
ไทเรลล์มองตามร่างเล็กของงามระยับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับมามองริชาร์ดเมื่อได้ยินคำถาม
“ลุงริชาร์ดว่าอะไรนะครับ”
“เด็กคนนี้น่ารักดีนะครับ”
ไทเรลล์อมยิ้ม แต่ก็รีบพูดกลบเกลื่อน
“น่ารักแบบงกๆ น่ะสิครับ ลุงรู้ไหมว่าเธอจะไม่ยอมมากับผม ถ้าต้องจ่ายค่าโดยสารแพงๆ น่ะ”
“ผมว่าก็ดีกว่าเด็กสาวๆ บางคนในสมัยนี้นะครับ ที่ชอบใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักอดออม”
ไทเรลล์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาอีก เขาสั่งให้ริชาร์ดขับรถไปส่งตัวเองอีกประตูหนึ่งของโรงพยาบาลที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร