EP.7 หลอน

817 คำ
EP.07 บนเรือนบุษยา ร่างอันไร้สติของเหยื่อสาวเคราะห์ร้ายยังคงเดินต่อไปตามคำบงการของวิญญาณร้าย หล่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่อยู่ตรงหน้า หยากไย่ใยแมงมุมเกาะเต็มไปหมดตามระยะเวลาที่ถูกให้ทิ้งร้างไว้ ร่างของหญิงสาวเดินหายเข้าไปในห้องหนึ่งอันมีประตูเปิดอ้ารอรับ เสียงดนตรีเงียบลงไปชั่วขณะ แล้วกลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้าก็เปิดออก ให้ดวงจันทร์ส่องแสงได้อีกครั้ง พร้อมกับที่ดวงดาราน้อยใหญ่ส่องแสงแพรวพราวเต็มท้องฟ้าที่เปิดออก ลมที่พัดแรงแต่แรกสงบลง กลิ่นหอมของดอกแก้วที่ออกสะพรั่งที่หน้าเรือน ส่งกลิ่นหอมเย็นไปทั่วบริเวณเรือนบุษยาผ่านไปชั่วครู่แล้วเสียงเครื่องดนตรีล้านนาก็ดังขึ้นอีกครั้ง นั่น!! ที่ชานเรือนอันกว้างขวาง ปรากฏร่างหนึ่งออกมาฟ้อนรำอย่างแช่มช้อย ร่างของเด็กสาววัยรุ่นคนนั้นนั่นเอง ขณะที่เสียงดนตรีปริศนายังคงดังอยู่ต่อเนื่องอย่างเป็นจังหวะ โดยที่บริเวณโดยรอบหาได้มีคนมาบรรเลงอยู่ไม่ ร่างอันอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาววัยรุ่น บัดนี้อยู่ในชุดของแม่หญิงล้านนา สวมชุดนางฟ้อน ที่มีอาภรณ์สวมอยู่อย่างงดงาม สวมปีกสีเงินยวงและหางหลากสีสันคล้ายกับการแต่งกายของการรำมโนราห์ทางภาคใต้ ดูงดงามยิ่งนักเมื่อผู้สวมใส่อยู่ในชุดเสื้อคอป้ายปักลายสาบเสื้องดงาม แขนยาวทรงกระบอกโปร่งบางรัดรูป สีลิ้นจี่สุก เข้าส่วนกับชุดซิ่นทอสีแดงเหลือบดำ เสียงสุนัขเห่าหอนกรรโชกลอยมาตามลมแข่งกับเสียงดนตรีล้านนาที่ประโคมขึ้นอย่างเป็นจังหวะ ร่างของหญิงสาววัยกำดัดยังคงฟ้อนรำอย่างแช่มช้อยตามเสียงที่คอยบงการอยู่ข้างๆ หู “ฟ้อนต่อไป เจ้าจงฟ้อนต่อไป อุ่นเฮือน” เงารางๆ ของวิญญาณปริศนายืนจ้องมองร่างสะคราญที่ตนคอยสั่งให้ฟ้อนรำตามกระแสจิตอย่างพอใจ แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องมากระทบร่างงามให้ดูมีเสน่ห์และสวยงามอ่อนช้อยมากขึ้น หญิงสาวฟ้อนรำด้วยท่วงท่าที่แช่มช้อยเหมือนเคยได้ฝึกมาอย่างชำชอง แต่แท้จริงนั้นไม่ใช่ เพราะนี่เป็นการฟ้อนรำตามกระแสจิตที่คอยสะกดบงการมากกว่า “หึ หึ หึ” วิญญาณร้ายปริศนาแสยะยิ้มพึงพอใจ “เจ้าจงฟ้อนต่อไป ฟ้อนดั่งใจของเจ้าที่ปรารถนา” ร่างของหญิงสาวฟ้อนรำอย่างแช่มช้อยท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง และกลุ่มหมอกควันที่ลอยกรุ่นอยู่รอบๆ อีกทั้งเสียงดนตรีจากเครื่องสะล้อซอซึง ที่คลอบรรเลงด้วยฝีมือที่ชำนาญจึงเกิดเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก การร่ายรำตามคำบงการจะดำเนินต่อไปถ้าหากไม่มีสิ่งหนึ่งมาขัดขวางไว้เสียก่อน เหมี้ย..ว..ว “ว๊าย ย” จู่ๆ แมวดำตัวเขื่องก็ได้โผล่พรวดออกมาจากไหนไม่มีใครรู้ กระโดดลงมากลางชานเรือนตรงที่หญิงสาวได้ร่ายรำอยู่ ดังนั้นมันจึงทำให้เธอมีสติขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าหล่อนเพิ่งได้สติ ยืนงงเคว้งคว้างอยู่กับที่ หันซ้าย แลขวาก็ไร้ผู้คน แล้วหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่นี่มันที่ไหนกันแน่ ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ พลันเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น “เห่อ เห่อ เห่อ” “ใคร ใครกัน ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” หญิงสาววัยรุ่นได้สติในบัดนั้น ใบหน้าที่สวยใสน่ารัก เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความเงียบและความมืดยิ่งกลั่นกรองความกลัวออกมา กลายเป็นเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า ไม่ต้องคิดอะไรอีก ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง รีบหนี ว่าแล้วหล่อนก็รีบทะยานลงจากเรือนไปในทันที “เห่อ เห่อ เห่อ” เสียงอันเย็นยะเยือกยังดังไล่หลังตามลงมาโดยไร้เจ้าของเสียง หญิงสาวเริ่มสติแตกวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีทิศทาง “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” เธอยังตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พยายามสอดส่ายสายตามองหาทางออก แต่กระนั้นก็ยากนักเพราะโดยรอบมีแต่ความมืด มีแต่เสียงกรีดปีกร้องของบรรดาแมลงกลางคืนเท่านั้น สองเท้าก้าวไปข้างหน้าโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเธอได้วิ่งเข้ามาที่ศาลาท่าน้ำ และทางข้างหน้าก็คือทางตันหรือแม่น้ำพาดผ่าน “ว้าย ย ย ย ย” เหยื่อสาวเคราะห์ร้ายร้องได้แค่นั้นก็พลัดตกลงน้ำไปในทันที ร่างงามระหงที่ไม่เคยว่ายน้ำ จึงได้จมดิ่งลงสู่สายน้ำไปอย่างที่เธอไม่มีทางที่จะตะเกียกตะกายหนีไปทางไหนได้ ท่ามกลางเสียงหัวเราะทอดต่ำอย่างสาแก่ใจของอิสตรีปริศนา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม