จ้าวหนิงหลงในคราบของคุณชายหนิงเจ้าของคฤหาสน์งดงามกำลังยืนกอดอกมองใครบางคนที่อยู่ในอาภรณ์บุรุษของบ่าวประจำคฤหาสน์แห่งนี้ด้วยท่วงท่าสงบเรียบนิ่งไม่ไหวติงใดๆ ทว่าในใจกลับมิได้ราบเรียบเฉกเช่นภายนอก
ชายหนุ่มยืนมองคนผู้หนึ่งอย่างพยายามเก็บข่มอารมณ์ขุ่นมัว
เขาตั้งใจรับนางเข้ามาเป็นบ่าวชายตามที่นางตั้งใจ ทั้งยังให้เป็นบ่าวชายคนสนิทเพื่อที่ว่าเขาจะได้สั่งการนางโดยตรง ไม่ต้องผ่านพ่อบ้านแต่อย่างใด
นางเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นของเขา เป็นสตรีที่เสด็จพ่อทรงบังคับเขาให้หมายจะหมั้นและแต่งงานกัน ซึ่งเขาไม่มีวันยอม
แต่ในขณะที่เขาไม่มีทางยอม นางกลับปลอมตัว เพื่อที่จะหนีเขาอย่างอุกอาจ
นางช่างบังอาจ!
นางกล้าหนีเขา...
เห็นได้ชัดว่านางตั้งใจจะหักหน้าเขา
แต่นางหารู้ไม่ ว่านางคิดผิด นางทำผิด
นางผิดพลาดอย่างมหันต์ นางไม่รู้ว่าคู่หมั้นหมายของนางคือเขา
เมื่อจ้าวหนิงหลงคิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ขุ่นมัวที่ถูกเมินเมื่อครู่พลันเบาบาง อาการหงุดหงิดพลันปลิวหาย ความคิดผลักไสยิ่งมลาย
อืม...เขาจะแกล้งอะไรนางดี?
ผ่านไปหนึ่งวันสำหรับงานเป็นบ่าวชายของจิวซินในคราบของอาซิน
จิวซินยังคงสนุกสนานร่าเริงหลังจากทำงานหลายอย่างตามแต่เจ้านายรูปงามของนางจะสั่งให้ทำ
นางชอบออกกำลัง มันเทียบเท่ากับการฝึกยุทธ์ก็ไม่ปาน
แท้จริงแล้วนางอยากฝึกยุทธ์แต่ท่านพ่อไม่ค่อยจะมีเวลาให้นาง
ท่านพ่อต้องคอยติดตามคอยอารักขาฮ่องเต้เป็นเงาตามตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันทุกเวลาทุกย่างก้าว
มิรู้ได้ว่าท่านพ่อมีเวลายามใดมาหาท่านแม่เพื่อผลิตนางออกมา
เช่นนั้นแล้ว อะไรก็ตามที่ทำให้นางได้ออกกำลังนั่นจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดี
นางชอบทำงานหลายอย่าง ทั้งซักผ้า ทั้งกวาดถู ทั้งแบกน้ำ เพราะบางทีการทำเช่นนี้อาจหมายถึงพื้นฐานของเหล่าจอมยุทธ์ อา...นางแถมพรวนดินบำรุงต้นหญ้าให้อีกด้วยนะ ต้นหญ้าจะได้งามๆ
จิวซินยิ้มไปเดินไปสำรวจตรวจตราผลงานต่างๆ ที่นางได้ทำไปจนตลอดทั้งวันของวันนี้
หญิงสาวเดินสำรวจไปอย่างถ้วนทั่วที่บริเวณรอบๆ โรงซักล้างและที่ราวตากผ้าบนพื้นดินที่มีต้นหญ้าเขียวขจีขึ้นเบียดกันอย่างงดงาม
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดัง “ข้าบอกให้เจ้าถอนหญ้าบริเวณนี้ ตั้งแต่สองวันที่แล้ว ไยเจ้าไม่ทำ?”
เสียงนั้นเป็นเสียงของบ่าวชายผู้หนึ่ง เขาตะโกนดังลั่นใส่หูของบ่าวชายอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินกันอยู่ไม่ไกลจากที่จิวซินกำลังยืนจัดผ้าที่ซักตากเอาไว้
บ่าวชายผู้นั้นยังคงบ่นตะเบ็งเสียงดังออกมา “เจ้าเห็นหรือไม่? ว่าหญ้ามันเติบโตเสียจนจะมีงูพิษสร้างอาณาจักรได้อยู่แล้ว”
“งานข้าก็มีเต็มมือไยเจ้าไม่ทำเองเล่า การถอนหญ้าใครก็ทำได้” บ่าวชายอีกคนหนึ่งที่เดินมาด้วยบ่นออกมาเพียงเบาๆ มิกล้าสบตา
“แล้วงานข้าไม่มีหรือไร หา!”
บ่าวชายคนแรกที่แลดูมีเรี่ยวแรงมากกว่าเริ่มมีโทสะจึงตะโกนคำรามออกมาอย่างดัง ทำเอาอีกคนต้องรีบหดคอหนีอย่างกล้าๆ กลัวๆ
จิวซินยืนมองอยู่ไม่ไกล นางเพียงมองตามทิศทางของต้นหญ้าที่บ่าวชายทั้งสองกำลังพูดถึง
ต้นหญ้าพวกนั้นคือต้นที่นางพรวนดินให้แน่ๆ อา...นางเห็นว่ามันงามต้นโตสูงใหญ่ก็นึกว่าพวกเขาตั้งใจปลูกมันเอาไว้ ที่แท้ก็เกี่ยงกันไม่ยอมจัดการนี่เอง
จิวซินยืนกอดอกมองบุคคลผู้เป็นบ่าวชายทั้งสองอย่างเข้าใจ คล้ายกับผู้ล่วงรู้ในทุกสรรพสิ่งก็ไม่ปาน
ทันใดนั้นบ่าวชายคนแรกที่มีท่าทีเกรี้ยวกราดก็สาดสายตามืดดำขุ่นมัวมาทางจิวซินพอดิบพอดี
จิวซินถึงกับผงะเมื่อมองเห็นสายตาฉายแววแปลกๆ นั่น
“เจ้า!” เสียงของบ่าวชายผู้นั้นพลันเอ่ยพร้อมชี้นิ้วมาทางจิวซิน
“หือ!” จิวซินถึงกับตาโตตกใจพลางยกนิ้วขึ้นชี้ใบหน้าของตน “ข้าหรือ?”
“ใช่! เจ้านั่นล่ะ” บ่าวชายคนนั้นเดินแบบย่างสามขุมท่าทีคุกคามเข้ามาทางจิวซินพลางเอ่ยต่อเนื่องด้วยน้ำเสียงไร้มิตรไร้ไมตรีฉายชัด
“มาวันแรกก็ได้เป็นบ่าวชายคนสนิทของนายน้อยผู้สูงส่งของข้า ฮึ! เจ้าคงใช้กลโกงอันใดเป็นแน่”
บ่าวชายอีกคนคล้อยตาม “นั่นนะสิ พวกเราอยู่มาก่อนตั้งนาน ยังไม่เคยได้เข้าใกล้คุณชายเลย” เขากล่าวเสริมอย่างดุดันคุกคามเช่นกัน
จิวซินยิ่งตระหนกมากกว่าเดิมแล้ว เมื่อครู่พวกเขากำลังพูดคุยถึงต้นหญ้าใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดกลับกลายมาเป็นนางไปได้ล่ะ?
“เจ้าคงว่างมากถึงได้มายืนกอดอกทำท่าทางคล้ายเจ้านายอยู่ตรงนี้ ไปเลย ไปถอนหญ้าตรงนั้น ไป!” บ่าวชายคนแรกกล่าวออกมาอย่างเบ่งอำนาจใส่หน้าจิวซินเมื่อเดินมาจนถึงนางในระยะสามก้าว
“ใช่ๆ ไปเลย ไปถอนหญ้า” บ่าวชายคนที่สองยังคงคล้อยตาม เขาเดินตามกันมาติดๆ กล่าวคำเน้นย้ำให้คนแรกอย่างหนักแน่น
จิวซินถึงกับกะพริบตามองปริบๆ
เอาอย่างไรดี?
นางอุตส่าห์พรวนดินบำรุงให้ต้นหญ้าพวกนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วอย่างนี้ นางจะทำร้ายพวกมันได้อย่างไร อืม...
หญิงสาวในชุดบุรุษนามอาซินเริ่มมุ่นคิ้วคิดหนักด้วยนิสัยใจจริงของนางช่างเป็นสตรีแสนดี นอกจากงดงามแล้วยังมีคุณธรรมยิ่งนัก
นางทำท่าครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่บ่าวชายทั้งสองยังคงยืนกดดันไม่วางตา
อึดใจต่อมาจิวซินพลันเอ่ย
“กลิ่นหอมทำให้ต้องรีบลงจากม้า
รู้รสชาติแล้วต้องรีบหยุดเดินทาง
กลิ่นหอมของสุราลอยอวลอยู่ในอากาศ
นกสามัญดมกลิ่นยังกลายเป็นหงส์
กระทั่งของเสียที่กลั่นทิ้งลงไปในน้ำ
หากปลากินยังแปลงร่างเป็นมังกรในฉับพลัน”[1]
ประโยคยาวเหยียดของจิวซินทำเอาบ่าวชายทั้งสองถึงกับผงะจ้องมองนางนิ่งงันอย่างเผลอไผล
[1] หนึ่งในสิบสุราจีน เคียงเคล้าคำคมแห่งโก้วเล้ง