ตอนที่ 4
ก็เพราะด้วยความที่ต้องตื่นแต่เช้า ประมาณเจ็ดโมงครึ่ง ทิญจน์ วีรกานน ต้องขับรถมาที่ทำงาน ซึ่งคืออาคารตึกแห่งนี้ ที่ทั้งตึกบิดาของเขาเป็นเจ้าของ และเป็นหุ้นส่วน ซึ่งทิญจน์ก็ถือว่าเขาเป็นเจ้าของด้วย
ชายหนุ่มยิ้มต้อนรับ กับยามอรุณที่สดใส
ท่วงท่าที่เด่นหรู กับสรีระของเขา สุภาพบุรุษหนุ่ม ช่วงไหล่สูงแขนยาว แต่ไม่ได้ทำให้เขาดูเก้งก้าง แต่พอดีกับเรือนร่าง
แต่แล้ว หล่อนมองเห็นเขา ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ แกมอรุณตาโตที่หล่อนได้เจอเขาอย่างที่ใจคิด
อุตส่าห์มาแต่เช้า แต่ก็ยังทัน ได้เห็นเขาพอดีเลย
หนุ่มหล่อ ตาสวยคม มีมาดที่เรียกว่า พระเอกจากเมืองนอกทีเดียว จากฮอลลี่วู๊ด
แกมอรุณคิดเส้นผมของเขาเรียบตรงได้รูปทรง ท่วงท่าที่สมาร์ท มัดใจสาวๆอย่างหล่อนที่สุด
แกมอรุณถึงกับยิ้มตามหากเมื่อร่างสูงนั้นอยู่ตรงหน้ายิ่งเข้าใกล้หล่อนก็ยิ่งใจสั่นสรีระที่เด่นบาดตาบาดใจ หล่อคมแบบเทพบุตรยังไงยังงั้น
“เอ้อ คุณคะ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแกมอรุณค่ะ มีชื่อเล่นว่า แก้ม” หล่อนเป็นฝ่ายแนะนำตัวอย่างกล้าหาญ
ซึ่งไม่รู้ว่าหล่อนทำได้ยังไง แต่หล่อนก็พูดไปแล้ว เพราะว่าปากพาไป และชายหนุ่มเบรกตัวเอาไว้ กับเรือนร่างที่สูงโปร่งของเขา ชะงักเมื่อหันมามองเด็กสาวตรงหน้า ไม่ใช่สิ เป็นสาวแล้ว น่ารักมาก
ซึ่งเขาก็อึ้งนิดหนึ่ง ใบหน้าของเธอหวานคม
เมื่อแสดงความเป็นมิตรด้วย เขาก็มีมิตรไมตรีตอบ
“อยากรู้จักชื่อผมหรือครับ”
เขาแปลกใจ กับการที่มีผู้หญิงมาไถ่ถามชื่อเขา
และเด็กสาวคนนี้ ก็น่ารักไม่น้อย หน้าตาดูหวานคม สวยทีเดียว ดวงตาของเขาจึงพยับกับขนคิ้วเข้มที่สีเหมือนปีกขนกาน้ำ ความหล่อเหลาได้เสน่ห์ก็มาจากส่วนนี้ของเขา คือคิ้วเรียวเข้ม
“ผมชื่อทิญจน์ครับ อยากรู้อะไรมากกว่านี้ไหมครับ ผมทำงานอยู่ที่นี่ด้วย”
แค่คำตอบที่ทำให้เขาตอบหล่อน ก็ทำให้แกมอรุณต้องยิ้มอย่างดีใจออกมา ที่เขาไม่ทำให้หล่อนเก้อ และหลุดเรื่อง หน้าแตกออกมาไม่งั้นล่ะ หนังเรื่องนี้ หล่อนไม่รู้ว่า จะอายแสนอายยังไง
การที่หล่อนเสนอตัวบอกเขาก็กระดาก และแสนอายแค่ไหนแล้ว แต่ว่า แกมอรุณก็ยังทำไปโดยที่รู้สึกตัว
หากแต่ชายหนุ่มยืนพิจารณาหญิงสาวที่ยืนคุยอยู่กับเขา และเพิ่งจะได้รู้จักกันด้วยความประทับใจ
“เอ้อ ฉันก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน และเพิ่งจะได้งานทำค่ะ วันแรกด้วย” ที่หล่อนบอก เพราะหล่อนผ่านการ สัมภาษณ์ไปแล้ว และได้งานทำ
ซึ่งหล่อนจะต้องมาเป็นเลขาของเจ้านายในบริษัทแห่งหนึ่ง และแกมอรุณไม่เคยรู้มาก่อนว่า หน้าตาของเจ้านายของหล่อนจะเป็นอย่างไร
ถ้าให้หล่อนคิดก็คงเป็นแบบหน้าตาสูงวัยคิ้วย่น ผมใกล้จะสองสี หน้าตาเหมือนอาเจ็ก อากง ผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามวัยแต่ไม่รู้ จะขี้หลีกับสาวๆด้วยหรือเปล่า
ก็เพราะแกมอรุณแอบครุ่นคิดด้วยความขลาด และขยาดกลัวเช่นกันยังอยู่ในช่วงทักทาย ที่แกมอรุณรู้สึกเกิดความรู้สึกสั่นและประหม่าเสียเหลือเกิน ต่อหน้าผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดหล่อเหลาและตรงกับที่ใจของหล่อนปรารถนา
“ผมคิดว่า เราต้องได้เจอกันใหม่นะครับ บริษัทของผมอยู่ข้างบน เอ้อ คุณ”
เมื่อพูดแล้วทิญจน์ เหมือนทำท่าจะจำชื่อของเธอไม่ได้ เป็นหญิงสาวที่ดูน่ารัก และอ่อนหวานสดใส ในสายตาของเขา
“แก้มค่ะดิฉันชื่อแก้ม”
เมื่อแกมอรุณได้ตอบคำถามของเขาแล้ว ทำให้ริมฝีปากสีอมชมพุแย้มออกจากกันเพียงเล็กน้อย
ในภาพที่เป็นรอยยิ้มสวยงาม บาดใจสาวๆ
จนแกมอรุณเองก็ยิ้มค้าง หล่อนมองจ้องร่างสูง เช่นเดียวกับที่ทิญจน์จ้องมองหล่อนเช่นกัน กับหญิงสาวที่เขารู้สึกถูกอกถูกใจนัก และนึกอยากจะแหย่หล่อน
“ครับ รู้แล้วว่า ชื่อ เล่น คุณแก้ม ชื่อจริงล่ะครับ”
เขาลองถามอีกครั้ง
ทำให้แกมอรุณต้องตอบ ตอบออกไปอย่างเสียมิได้
ซึ่งจะว่าไป เธออยากจะแนะนำชื่อ ของตัวเอง ให้เขารู้จักไม่น้อยทีเดียว
“แกมอรุณค่ะ เอ้อ ฉันขอไปก่อนนะคะ”
ด้วยความที่ขอตอบเขาเพียงเท่านั้น ไม่อยากตอบไปมากกว่านี้ เพราะมีแต่ความเขินอาย และอีกอย่างหล่อนไม่ควรยืนคุยกับเขานานมากนัก เพราะสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ เลยทำให้แกมอรุณจะถูกมองในสายตาที่ไม่ดีจากคนอื่น ซึ่งแกมอรุณแคร์ตรงนี้
จิตใจของหล่อนไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะความคิดการกระทำของหล่อนเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างเดียว
หล่อนก็ลืมบอกเขาไปในบางสิ่งบางอย่างว่า วันนี้หล่อนได้มารายงานตัว ในฐานะเลขาของท่านประธานคนใหม่ ที่เธอเป็นคนที่โชคดีถูกคัดเลือก แกมอรุณก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านั้น
และบริษัทที่หล่อนเข้าทำงานในวันแรก เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือของวีรกานนกรุ๊ป การเริ่มงานใหม่ในวันแรก ก็ทำให้เธอตื่นเต้นเช่นกัน จนทำอะไรไม่ถูก แสนปลื้มใจ
และในเวลานั้น คุณผกายมาศ ได้โทร.คุยข้ามประเทศกับน้องสาวที่กรุงโลซานซ์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เกี่ยวกับอาการและความคืบหน้าของสุขภาพของลูกชายคนหนึ่งของคุณผกายทิพย์เช่นเดียวกัน ที่อยากรู้เรื่องนี้ ตั้งแต่เขากลับมาอยู่เมืองไทยกับมารดาบังเกิดเกล้าแล้ว ผกายทิพย์ที่เป็นทั้งแม่อีกคน และเป็นน้าสาวก็คิดถึง
“พี่ว่าทิพย์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พี่เห็นแล้วล่ะ ว่าอาการของลูกทิญจน์ดีขึ้นเยอะเลย เป็นเพราะเธอนั่นล่ะ พี่ขอบใจมากนะ ที่ได้ทำให้ชีวิตลูกของพี่ ฟื้นกลับมาเหมือนคนอื่น” นั่นเป็นเพราะทิญจน์มีชีวิตที่ใกล้เฉียดตาย
และคุณผกายมาศชื่นชมน้องสาวที่ได้นำชีวิตทิญจน์ไปเลี้ยง และได้เรียนหนังสือ พร้อมกับการดูแลพักรักษาตัว
เพราะถ้าหากไม่มีน้องสาวแล้ว ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่า จะให้ทิญจน์ลูกชายคนเดียวไปอยู่กับใคร เพราะไม่มีญาติอีก
และนางกับสามีต้องทิ้งงานการจากกรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมดูแล กับการรักษาตัวของบุตรชาย
ผกายทิพย์หรือไอรีน นั้นก็ยิ้มรับกับคำชื่นชมของพี่สาว กล่าวไปว่า
“พี่มาศอย่าเพิ่งพูดแบบนั้นเลยก็เพราะทิพย์รัก ตาทิญจน์ นี่ เหมือนเป็นลูกจริงๆนะคะ และตอนนี้ก็ยังรักอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง พ่อเขาทางนี้ ก็คิดถึงมากมายเหมือนกัน”