ตอนที่ 1
นั่น ดูผู้ชายคนนั้นสิ เขาช่างหล่อเหลาเอาการ สูงโปร่งสะดุดตาหล่อนนัก เผอิญมาเห็นเข้าพอดี ผู้ชายอะไรไม่รู้ หล่อเท่ระเบิดระเบ้อเลยล่ะ เขาชื่ออะไรกันแน่ เพราะเห็น กำลังจะเดิน ผ่านหน้าของหล่อน ไป ซึ่งเห็นชัดเจน ผู้ชายที่ดวงตาคมกลมโตดำสนิท เหมือนน่าค้นหา ฉายชัดถึงความราบเรียบและดูสุภาพอ่อนโยนคล่องแคล่ว โปร่งในชุดสูทสีเทาเข้ม
ขณะนี้ แกมอรุณกำลังจะเข้ามาสมัครงานที่บริษัทแห่งนี้ด้วย อีกอย่างที่หล่อนพยายามคิด และนึกถึงผู้ชายที่ได้พบสักครู่เหมือนติดอยู่ในใจของหล่อนที่มองด้วยความรู้สึกสนใจต้องยอมรับเลยละ ว่าเขาหล่อ และสูงโปร่งอย่างมาก
แต่เอทำไมนี่หล่อนจะต้องคิดไปอย่างนี้ด้วยนะเกือบลืมไปเลย ว่าหล่อนมาทำธุระที่นี่เกี่ยวกับอะไร ยายแก้มเอ๋ย หากแต่ว่า เมื่อพิศดูอีกครั้ง กับภาพเมื่อครู่ หล่อนมีความรู้สึกว่าเขาคนนี้เหมือนไม่ใช่คนไทยเลยติดจะลูกครึ่งมีกลิ่นนมเนยฝรั่งแต่หากกล้าที่จะพิศดูอีกครั้ง นั่น เขาเป็นคนไทยแน่แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หล่อนคิดไปอีกทางจนได้ ทั้งๆที่เวลานี้รู้แล้วว่าเขาเป็นคนไทยแท้แน่นอนไม่ใช่ลูกครึ่ง
เหมือนคนที่อยู่พักพิงอาศัยในเมืองหนาวมาก่อน ในประเทศที่มี ละอองไอหิมะหนาวเย็นปกคลุม และมันเย็นสุดขีดองศามากกว่าเมืองร้อนอย่างไทยเอหรือว่าเป็นลูกครึ่ง?จริงๆนี่ดูหล่อนไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองเลยไขว้เขวอีกแล้ว แกมอรุณ นึกบ่นใส่ตัวเอง หากหล่อนไม่แน่ใจหรอกก็ ต้องนอกจาก กล้าเอ่ยทักและคุยกับเขาแล้วนั่น ถึงจะได้คำตอบที่ดี
ชื่อ แกมอรุณ ศิริพัชเรศ คือหล่อนนี่เอง
หล่อนสวยด้วยความมั่นใจและความสูงที่มีมาดมั่น จึงถือว่าเป็นสาวเพอร์เฟกต์คนหนึ่งที่ในหมู่เพื่อนสนิท นั้นพากันยกนิ้วให้เลยอีกทั้งที่ใบหน้าของหล่อนหวานคม และมีสีผิวที่เนียนละเอียด หน้าใส เป็นที่สะดุดตา และสะดุดใจ ต่อชายหนุ่มหลายคน ที่วนเวียนเข้ามาเพื่อ ขายขนมจีบแก่หล่อน เวลานี้จึงเป็นอีกครั้ง ที่หล่อน นั้นอดเผลอมองเขา ไม่ได้อีกครั้งอย่าง รู้สึกทึ่งในใจ
นี่แล้วเขาชื่ออะไรหนอกำลังที่จะถามกับตัวเองอีกครั้งก็คนนี้ไงผู้ชายที่เนี้ยบหมดจดไปทุกส่วนไม่ว่าจมูกดวงตาริมฝีปากแต่งกายเหมือนเป็นผู้บริหารมากกว่าเป็นพนักงานธรรมดาเรียกว่าเขาหล่อแบบเท่ห์ระเบิดเลยทีเดียวและนั่นก็สมกับความเป็นเอกลักษณ์ที่แสนจะหล่อเหลา ของผู้ชายคนนี้เลยนะ
ช่างดูอบอุ่นเย็นตาสบายใจไปหมด กลายเป็นว่า หล่อนแอบมองด้วยใจเคลิ้มและดูเหมือนอีกอย่างหัวใจของหล่อนนั้นมันสว่างไสวเหลือเกินที่ได้พบกับผู้ชายคนนี้ ด้วยสรีระเด่น ที่แสนจะประทับใจดูเข้าสิ ขนาดสาวสวยอย่างหล่อนนั่นถึงกับเหลียวหันมองด้วยซ้ำเลยนะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนก็มั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ นั้นเขาดูไม่ธรรมดา อย่างแน่
ซึ่งหากพิศตรงๆแล้วเขามีอะไรที่ซุกซ่อนอยู่ในความมีเสน่ห์ของเรือนร่าง มีบางสิ่งบางอย่าง และกับท่าที ที่บอกอย่างนั้น ก็ทำให้หล่อนคิดว่า
หล่อนจะต้องโชคดีอย่างมากมากที่สุดเลยหนอที่ได้ผู้ชายคนนี้เป็นแฟน ถ้าเป็นความจริง แหม แอบฝันไปนิดหน่อย ทำตาเคลิ้มไปไกลเลยหล่อนนี่
อ้าวแฟนหรือ?แกมอรุณแอบคิดในใจก็เพราะ หล่อนไม่เคยต้อนรับใคร สักคน ให้เข้ามาเป็นแฟนมาก่อน แต่ก็อยากจะมีแฟนนะ ยิ่งเขินเมื่อเอ่ยคำนี้
เพราะว่ามีใครหลายคนที่เดินดุ่มเข้ามาหาหล่อนเพื่อต้องการเป็นแฟนแต่ว่าที่ผ่านมาหล่อนไม่เปิดรับใครเข้ามาพิจารณา แอบคิดคนเดียว ว้า ..ตามไม่ทันแล้ว เขาผลุบหายเข้าไปในลิฟต์เสียแล้ว นี่จะทำยังไงดีหนอ ทำให้หล่อน ต้องมายืนบ่นอยู่คนเดียว เนื่องเพราะว่าหล่อนจะขึ้นไปชั้นสิบแปด
เป็นชั้นที่หล่อนมาสมัครงานโดยตรงกับบริษัท เพราะมั่นใจอย่างเหลือล้นว่าในวันนี้ที่หล่อนพกพาความมั่นใจมาด้วยกับอีกคุณสมบัติของหล่อนจะต้องเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอนเพราะหล่อนจบทางด้านบริหารธุรกิจ มาโดยตรง
และร่างของทิญจน์ นั้นก็เดินออกจากลิฟต์ ชั้นที่สิบแปด วันนี้เขาไม่ได้ใช้ลิฟต์สำหรับผู้บริหาร เพราะอยากไปแบบตามสบาย หนุ่มหล่อเพอร์เฟกต์อย่างเขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากสวิสเซอร์แลนด์ที่ไปใช้ชีวิตที่นั่นนานกว่าสิบสองปี แต่จะว่าไป ซึ่งเป็นความจริงประการหนึ่งที่เขารับรู้อย่างเจ็บปวดใจที่สุด หากเพราะทิญจน์เป็นคนมีกรรม เนื่องจากว่าเขามีโรคประจำตัวที่เจ็บป่วยและเรียกว่าไม่หายขาด ยังไม่มีทางหายขาด
ซึ่งตอนนี้ นั้น แค่อาการนั้นหายดีขึ้นเท่านั้น
สุขภาพแข็งแรงพอที่จะเดินทางกลับประเทศไทย มา ทำงานเป็นบริหารงาน สืบสานกิจการ ต่อจาก ผู้เป็นบิดา เพราะท่านทั้งสองเอง ที่เป็นฝ่ายเรียกตัวเขา กลับมา และในความจริงดูเหมือนว่า ทิญจน์ นั้นจะมีมารดาถึงสองคนทีเดียว คนแรก คือคุณผกายมาศ นางเป็นมารดาบังเกิดเกล้าที่คลอดเขาออกมาลืมตาดูโลก
และคนที่สองนั้นคือคุณผกายทิพย์หรือมิสซิส ไอรีน น้องสาวของคุณผกายมาศ ถือว่าเป็นน้าสาวของเขา
ที่ได้สามี คือ คุณโจนาธาน ซึ่งเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทนาฬิกาชื่อดังของที่นี่ซึ่งเป็นพ่อของเขาด้วยหากปัจจุบันทั้งคู่ถือว่าโชคดีเพราะมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่ง ซึ่งถือกำเนิดมาในภายหลัง ชื่อ เอริชาหรือ ริชา เป็นน้องสาวที่เขารักมากคนหนึ่ง
เรื่องราวของทิญจน์นั้น ครั้นเมื่อเขาประสบโรคร้าย แบบนั้น ทั้งมารดาและน้าสาวต้องการให้เขาพักอยู่ที่นี่ เพื่อพักรักษาตัวเองให้หายเป็นปกติ ที่สุด เพราะที่ โน่น ถือว่า มีหมอเก่งกาจ พอที่จะสามารถรักษาโรคที่เขาเป็นอยู่ได้ให้หายขาดอย่างแน่นอน รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นั่นก็ทำให้เขา นั้นสามารถหาย กลับมาเป็นปกติ ได้เร็ว ขึ้น เพื่อกลับไปมีชีวิต ที่เข้มแข็งอดทนอีกครั้ง
เพราะทิญจน์วีรกานนนั้นจะไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เด็ดขาด เขาเป็นคนที่เข้มแข็งอย่างมากเข้มแข็งชนิด ที่ไม่เคยหลั่งน้ำตาให้ใครเห็น เลยก็ว่าได้
แม้เขานั้นจะอ่อนแอเพราะโรคแต่ใจของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชรและหินผา จนกระทั่งได้จบมัธยมปลายจากกรุงเทพฯ จากนั้นเขาก็ เดินทางมาพัก และเรียนต่ออยู่ที่นี่ไปเลย
เพราะสวิตเซอร์แลนด์ นั้นถือว่าเป็น เมืองใหญ่ด้วยสถาปัตยกรรม
บ้านช่องร้านค้าร้านอาหารและเส้นถนนที่เป็นระเบียบ รวมทั้งผู้คน พากันยิ้มแย้มแจ่มใส ให้กันและกัน