วิ่งปรู๊ด หนีออกมาได้ทัน รีบจ้ำไปทางลัดอย่างรวดเร็วจนขึ้นแท็กซี่ วันนี้รอดไป~
รู้ชะตากรรมดีว่า ตอนนี้ยังกลับบ้านไม่ได้แน่ พ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้าน มันเสี่ยงเกินไป นี่พึ่ง 6 โมงเอง พี่ไม้ต้องไปดักรอแน่นอน! เลยไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าเพื่อถ่วงเวลาไว้ โทรศัพท์มือถือก็ยังสั่นไม่หยุดจนแบตจะหมดอยู่แล้ว
จะเรียกว่าหนีปัญหาก่อนก็ได้แต่ฉันยังไม่พร้อมปะทะ...อารมณ์อ่อนไหวมากเกินไป ใช้เวลาเดินเล่นถึงสองทุ่มค่อยกลับ ในใจภาวนาไว้ว่าขอให้พี่ไม้ ไม่อยู่แถวหน้าบ้านทีเถอะ ไม่อยากให้มีใครรู้เลยจริง ๆ ว่า มีแฟน แล้วมาทะเลาะฉุดยื้อกันไปมาที่หน้าบ้าน มันเป็นเรื่องน่าอายมากกว่า
สุดท้ายกลับมาถึงก็รีบลงจากรถแล้วเข้าบ้านทันที เพราะเห็นรถพ่อเข้ามาจอดแล้ว มองไปฝั่งตรงข้ามที่เคยนัดเจอกับพี่ไม้เวลาที่เขามาหา ก็ไม่เห็นรถจอดอยู่
แอบเสียใจนิดหน่อย ที่เขาไม่มาตาม หรือว่าเราไม่สำคัญพอ อารมณ์น้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมา เหมือนคนเป็นไพโบลาร์ ใจนึงก็รอ อีกใจก็อยากเลิก มันค่อนข้างสับสนตัวเองอยู่พอสมควร…
รู้ไหมเส้นบาง ๆ ระหว่างความรัก กับ ความบ้าคลั่ง มันต่างกันนิดเดียว ทุกคนจะเป็นไหมไม่รู้ แต่สำหรับฉันที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงมาก่อนรู้สึก ไม่ชอบอยู่เรื่องหนึ่ง คือการที่เราไม่รับสายใครซักคน แต่เขาก็ยังกระหน่ำโทรหาเราไม่หยุด มากกว่า 100 สาย ที่ไม่ได้รับ มันบ้าไหมละ?
คนไม่รับก็คือไม่รับ รู้ว่าไม่อยากคุยจะโทรมาทำไม? ดีนะที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์บ้านแล้ว ไม่งั้นตายแน่ฉัน!
Line chat
MEKMAI:
“พราว”
“ทำไมไม่รับสายพี่”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผลักพี่ทำไมครับ”
“พราว ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่คุย”
“หลบหน้าทำไม”
“คิดว่าจะหนีพ้นไหม”
“วันนี้ไม่เจอ”
“พรุ่งนี้เจอกัน!”
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย...โทรไปไม่รับ”
“พราว”
“พราวรับสายหน่อย”
“ทำแบบนี้พี่นอนไม่หลับ”
📞....ไม่ได้รับสาย
📞....ไม่ได้รับสาย
📞....ไม่ได้รับสาย
118 Miss call
-----------------
เมื่อคืนตัดสินใจปิดเครื่อง แล้วใช้นาฬิกาปลุกแทน คิดหัวข้อที่จะใช้พูดคุยกับพี่ไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าถ้าเกิดพูดเรื่องนี้ไปถามว่าแบบนี้ เขาตอบมาจะไปทางไหนต่อ เอาให้เคลียร์ ให้ชัดวันนี้ไปเลย กว่าจะเข้านอนก็ปาไปเกือบตี2
เช้านี้มีเรียนแต่เช้าวันนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาให้ได้ ขอร้องให้พ่อไปส่งที่มหาลัย กลัวว่าเช้านี้จะมีคนมาดักรอ ซึ่งก็เดาไว้ไม่ผิด เพราะออกมาเปิดรั้วบ้านก็เจอรถพี่ไม้จอดอยู่ที่เดิม ฝั่งตรงข้าม แต่ฉันเลือกที่จะไม่ปริปากทักหรือพูดอะไร เพราะพ่อกำลังถอยรถออกมา ด้วยความที่มีพ่อเป็นแบ็คอยู่ พี่เขาได้แต่ออกมายืนจ้องมองฉันอยู่นอกรถเท่านั้นไม่ได้พุ่งตรงมาทำอะไร แววตาพี่ไม้ไม่อ่อนโยนเลยมันดูน่ากลัวมาก แค่ฉันหนีหน้าไม่รับสายเท่านั้น ทำไมเขาต้องทำสายตาเหมือนโกรธแค้นอะไรมากขนาดนั้นละ!
พอเปิดมือถือมา เสียงข้อความแชตใน FB ก็เด้งขึ้นถี่มาก จากคนเดิมเจ้าเก่า ตามไปทุกที่ ฉันเลยกดตอบไลน์พี่ไม้ไปทันที เพราะไม่อยากมีเรื่องต่อหน้าพ่อ
Line Chat
PPRAW:
“วันนี้พราวมีเรียน 4 ตัว เรียนเสร็จแล้วค่อยคุยกันนะคะ”
“พราวมีเรื่องอยากคุยกับพี่เหมือนกัน”
MEKMAI:
“แล้วทำไม ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ”
“วันนี้พี่มารอตั้งแต่6โมงเช้า”
PPRAW:
“พราวอยากคุยแบบเจอหน้ากัน”
“ไม่อยากคุยทางโทรศัพท์”
MEKMAI:
“เจอกันที่มหาลัยครับ”
“พี่กำลังขับตามไป”
--------------------------------
มหาวิทยาลัย T
รู้เลยว่าอารมณ์โกรธของผู้ชายค่อนข้างรุนแรง คุกรุ่นแค่ไหน ดูได้จากการขับรถของเขา เห็นท้ายรถพี่ไม้ไว ๆ คงจะรีบไปดักรอฉันที่ ม. แน่นอน รู้ชะตากรรมของตัวเองวันนี้เลย จะได้เรียนหนังสือหนังหาหรือจะโดนลากไปเคลียร์ก็ไม่รู้
ลงจากรถได้ไม่ถึง 2 นาที ผู้ชายที่ได้สถานะว่าแฟน ก็เดินมาขวางทางเดินตรงหน้าทันที เงยหน้ามองเขาก็เห็นความโทรมเล็กน้อยเหมือนคนไม่ได้นอน สีหน้าดูแย่พอกันกับฉันเลย
“ว่ายังไง? พราวเป็นอะไรกันแน่ เมื่อวานทำไมทำแบบนั้น”
“หมายถึงเรื่องที่พราวผลักพี่ เหรอ?”
“ก็ทั้งหมด ทำไม!!!?”
“พราวก็อยากจะคุยกับพี่ให้มันจบ แต่วันนี้มีเรียนวิชาที่ขาดไม่ได้ ต้องเช็กชื่อ อาจารย์มีเทสสอบย่อย ค่อยคุยตอนเย็นได้ไหม สัญญาว่าจะไม่หนีไม่หาย!”
“ไม่ได้! คุยตอนนี้ เดี๋ยวนี้!” (พูดเสียงดังทำไม)
“พี่ไม่มีเรียนหรือไงคะ?”
“อาจารย์ยกคลาส วันนี้ไม่มี พี่มาหาพราวโดยเฉพาะ”
“งั้นพี่ก็ต้องรอ เพราะพราว ไม่ว่างตอนนี้! รอได้ไหมคะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ”
“ทำไมพูดจาแบบนี้ เราเป็นอะไร บอกพี่ได้ไหม พี่ทำผิดอะไร พี่งงไปหมด พราวทำตัวไม่น่ารัก พูดจาแบบนี้ พี่เสียใจนะ ไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย และวันนี้พี่จะอยู่กับพราวทั้งวันไม่ไปไหน จะเข้าเรียนด้วยทุกคลาสที่เข้าได้”
“ก็แล้วแต่ใจของพี่เลยค่ะ”
“ใจของพี่มันอยู่กับพราวอยู่แล้ว ไหมละ...”
“ขอให้มันจริงตามปากของพี่นะคะ ว่าแต่สร้อยข้อมือคู่กันของเราไปไหนซะแล้วละ?”
“อยู่ที่ห้องครับ พี่ถอดตอนอาบน้ำแล้วลืมใส่”
“เหรอคะ ไม่ได้ลืมไว้ห้องใครใช่ไหม?”
“หมายความว่ายังไงอะ?”
“ก็หมายความตามที่พูด ฟังไม่เข้าใจตรงไหน พี่อย่ามัวมาเสียเวลา พราวรีบ หลบไปค่ะ” พูดจบฉันก็ชนแขนเขาแล้วเดินมาทางโต๊ะประจำที่เพื่อน ๆ นั่งกันอยู่แล้ว ทุกคนมองหน้ากันเหมือนเห็นของร้อน
“ไฮ~ ทุกคน วันนี้มาเร็วจัง” ฉันเอ่ยปากทักทุกคนออกไปพร้อมมองหน้าเพื่อน ทุกคนรู้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไม่ใช่มาเร็ว แต่แกมาสาย รอตั้งนาน ไป..ขึ้นกันเถอะ” แทนใจพูดแล้วก็มองตามมาข้างหลังฉัน
“สวัสดีค่ะพี่ไม้” เพื่อน ๆ กล่าวทักทายเขาที่ยืนหน้าเป็นยักษ์อยู่ข้างหลัง
“สวัสดีครับสาว ๆ วันนี้พี่มาเรียนด้วยคนนะ”
“มาเฝ้า ยัยพราวเหรอคะ?”
“มันไม่หนีไปไหนได้หรอก พี่ไม่ต้องกลัว”
“ไม่ได้เฝ้าครับ พอดีวันนี้มาเรียนแล้วอาจารย์ยกคลาสพี่เลยมาอยู่กับพราวดีกว่า...”
“อ่อ ค่ะ เชิญเลยพวกเราเดินขึ้นไปก่อนแล้วกัน” ทุกคนทำหน้าเจื่อนแบบที่เราก็รู้กันอยู่
แรงรั้งที่แขนฉันมาจากคนข้างหลัง เพื่อที่เขาจะได้เดินข้างฉันกันสองคน
“พราว คุยกันปกติได้ไหม?”
“เป็นอะไรครับ หิวน้ำไหม อยากกินอะไรซักหน่อยไหมเดี๋ยวพี่ซื้อมาให้”
“ไม่ต้องค่ะ พราวรีบ ขึ้นเถอะ”
“คลาสนี้มีเทสย่อย พราวว่าพี่เข้าไม่ได้หรอกค่ะ ค่อยมาหาพราวตอนพักได้ไหม?”
“เดี๋ยวเข้าไปก่อน จะเทสแล้วค่อยออก พี่มีตารางเรียนเราที่เคยส่งมาให้เมื่อนานแล้ว”
“ตามสบายเลยค่ะ ขอตัวไปเรียนก่อน อย่าเซ้าซี้นะขอร้อง”
“โอเค โอเค ไปกัน” เขายังคงทำตัวเนียนเหมือนเคยแล้วเอามือมาดันที่หลังฉันเบา ๆ ให้เดินขึ้นตึกไป
(หน้าด้านจริง ๆ คนอะไรไม่รู้ตัว ซักนิดหงุดหงิด เห็นหน้าแล้วพานจะเหวี่ยง มือสกปรกนี่จับอะไรมาบ้าง เมื่อคืนที่ไม่ได้เจอกันไม่อยากจะคิดเลย…)
---------------
หลังจากเรียนหลายคลาสพี่เขาก็ตามมาเรียนบ้าง หายไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังอยู่ที่มหาลัยทั้งวัน พักเที่ยงก็ตามไปกินข้าวด้วยทำเหมือนเดิมเช่นเคย แต่วันนี้ฉันตาสว่างแล้วไง มันเลยไม่ได้อินอะไรนักหนา กับคำพูดและการเอาอกเอาใจแบบนี้ อยากจะให้ถึงเวลาเลิกเรียนซักทีจะได้รีบคุยเคลียร์ให้จบ!
เลือกคุยกันที่คนพลุกพล่านจะดีกว่า กลัวโดนลากไปฆ่า...ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก! ระหว่างที่เดินลงจากตึกคลาสสุดท้าย โบกมือลาเพื่อน ๆ เดินไปที่โรงอาหารคณะบริหาร เลือกมุมที่ มีคนอยู่แต่ชิดกำแพงอับสายตาเล็กน้อยแต่ยังพอมีคนเดินไปมาอยู่เพื่อนั่งคุยกับพี่ไม้
“พราวพร้อมจะคุยแล้ว” มือพี่ไม้เอื้อมมาจับที่มือฉันบนโต๊ะ ซึ่งฉันก็ไม่ได้สะบัดปล่อยไว้แบบนั้น
“เป็นอะไรครับ ทำไมเมื่อวานถึงทำแบบนั้นละ”
“พี่ไม้ค่ะ” ฉันเรียกเขาแล้วมองตาไปด้วย
“ครับ” “ว่าไง”
“พราวรู้เรื่องหมดแล้วนะ เรื่องที่พี่มีคนอื่นนอกจากพราว” ฉันเลือกพูดตรงประเด็นออกไปและจ้องตาเขาเพื่อดูปฏิกิริยาทางร่างกาย
“หืม...อะ ไร นะ ?” สีหน้าพี่เขาหลุดไปนิดเดียวเท่านั้นและกลับมาเป็นปกติทันที
ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วพูดต่อ
“พราวเห็นพี่ไม้อยู่กับผู้หญิงคนอื่น ชัดพอไหมคะ” ฉันมองหน้าพี่เขาแล้วเหยียดยิ้ม
“พี่อยากจะดูหลักฐานไหมว่าพราวเห็นจริง”
“ไหนละ หลักฐาน?”
“พี่รู้ไหมค่ะ คนปกติเขาจะไม่หาหลักฐาน แต่เขาจะปฏิเสธว่าไม่จริง ไม่ได้ทำก่อน แต่พี่เลือกที่จะถามหามันเพราะพี่ทำแต่พี่คิดว่าพราวจะจับไม่ได้ใช่ไหมละ?” พี่ไม้มองหน้าฉันตอบแล้วยังคงยิ้มอบอุ่นเหมือนเคย
“ไม่ใช่ครับ พี่ถามเพราะพี่แน่ใจว่าไม่ได้ทำแบบนั้น เลยถามดูเฉย ๆ”
“เอาเป็นว่าพราวเชื่อหลักฐานที่เห็น ทั้งหมด และพราวไม่อยากเป็นคนโง่ให้พี่หลอกอีกแล้ว”
“งั้น...ถ้าพี่บอกว่าพี่ไม่ได้นอกใจ พราวจะเชื่อพี่ไหม”
“พราวเคยเชื่อพี่ทุกอย่างและ แต่ตอนนี้พราวขอเชื่อสิ่งที่เห็นดีกว่า”
“เราเลิกกันเถอะค่ะ พราวรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ไม่อยากจะใช้ผู้ชายร่วมกับใคร ถ้าพี่กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ขอบอกให้รู้ไว้ว่าพราวรู้หมดแล้ว”
หน้าพี่ไม้ตอนนี้หยุดยิ้มแล้ว… มองหน้าฉันนิ่ง
ตอนนี้เริ่มรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาอีกแล้ว แววตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ ดูเย็นชามาก พร้อมกับแรงมือที่บีบลงที่ข้อมือฉันแรงขึ้น กำลังทำให้ฉันเจ็บ
“โอ้ย.. พี่ทำพราวเจ็บนะคะ”