Ep1(1) by...kanokrot

2189 คำ
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนในชุดเดรสสีใบตองอ่อนแขนสั้น เปิดเปลือยช่วงแขนเรียวยาวเสลาขาวเนียนตาจนน่ายื่นมือสัมผัส เนินอกนั้นปุเป็นลูกไม้ระบาย ส่งความเซ็กซี่ยวนตาให้เห็นวับๆแวมๆ สะกดสายตาชายหนุ่มหลายโต๊ะให้หันมาเมียงมอง  สิริสรนั่งถอนหายใจทิ้งเป็นว่าเล่น รู้สึกเบื่อหน่ายอึดอัดกับช่วงเวลานี้อยากบอกไม่ถูก เลยต้องแก้เบื่อด้วยการทอดสายตาชื่นชมทัศนียภาพโดยรอบร้านอาหารแทน จนกระทั่งสะดุดเข้ากับร่างสูงโดดเด่น ที่เดินผ่านบานประตูห้องอาหารเข้ามา เขาคนนั้นเดินฉีกยิ้มกว้างส่งมายังโต๊ะนั่งของเธอกับมารดา แล้วยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกหมั่นไส้โดยสัญชาตญาณ ตอนนัยน์ตาหวานแลเห็นหญิงสาวหลายโต๊ะ ต่างสะกิดส่งสัญญาณให้แอบชำเลืองมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าเอียงอาย  นั่นคงเป็นเพราะคุณสมบัติเพียบพร้อมด้วยรูปร่างหน้าตา ซึ่งมาพร้อมด้วยบุคลิกสง่าผ่าเผยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สิริสรยังหาจุดตำหนิติเตียนเขาคนนั้นไม่ได้ แล้วนับประสาอะไร จะไม่ให้สาวสวยโต๊ะอื่น จะไม่รู้สึกเนื้อเต้นยามประสบพบเจอในระยะสายตามองเห็น “ลูกผึ้งนั่นไงละจ๊ะพี่ช้าง เดินมานู่นแล้วไง...”  คุณโสภาบุ้ยปากไปทางชายหนุ่มที่สิริสรพอจะทราบว่าเขาเป็นใคร เธอรับคำมารดาอย่างเสียมิได้ “ค่ะคุณแม่...” การเป็นลูกที่ดีย่อมต้องรู้จักเก็บความรู้สึกให้เป็น สิริสรจำต้องนั่งรักษามารยาททางสังคมเอาไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เหตุเพราะครอบครัวของเธอร่วมทำธุรกิจกับบุคคลตรงหน้าหลายอย่าง ทั้งหมดล้วนส่งผลทางกำไรซึ่งเพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส จนปัจจุบันครอบครัวของเธอมีฐานะความมั่นคงทางด้านการเงิน จัดเป็นครอบครัวเศรษฐีติดอันดับต้นๆของทางจังหวัดลำปางเลยก็ว่าได้ เธอในฐานะลูกสาวของท่าน เลยไม่คิดอยากทำลายความสัมพันธ์ไมตรีที่ดีในส่วนนี้ ยอมนั่งเป็นตุ๊กตาหุ่นเชิดให้มารดาเป็นผู้ควบคุม โดยไม่ปริปาก  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในวัยใกล้แตะเลขสาม กับการถูกมารดาลากพามาดูตัวชายหนุ่มโปรไฟล์ดี ตัวเลขยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ จำนวนความถี่ของการพบปะเพื่อนลูกชายท่าน ย่อมส่งผลมากขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกัน สิริสรทราบถึงเจตนาของท่านดี ท่านแค่เป็นห่วง ไม่ได้มีเจตนาร้ายอื่นใดแอบแฝง ท่านหวังดีและรักเธอมาก ท่านทั้งสองหวังแค่ต้องการเห็นเธอมีคนดูแลที่ไว้วางใจต่อจากท่านได้เท่านั้นเอง แน่นอนความเป็นจริงเธอไม่ต้องการให้ใครมาดูแล ทว่าในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่อาจขัดความหวังดีนี้ของพวกท่านได้ อย่างที่บอกเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการถูกผู้เป็นมารดาลากตัวพาออกมาจากบ้าน เพื่อมานั่งเป็นตุ๊กตาไขลาน คอยนั่งฟังสรรพคุณเลิศเลอของตัวเองให้กับชายแปลกหน้าฟังเรื่องแล้วเรื่องเล่า... คชาเดินมาถึงโต๊ะอาหารซึ่งถูกจัดไว้ริมกระจก โชว์ให้เห็นส่วนทางด้านนอกซึ่งจัดตบแต่งเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก ชายหนุ่มยกมือทำความเคารพผู้อาวุโสด้วยท่าทางอ่อนน้อม ดวงตาเรียวยาวใต้คิ้วเข้มจัดฉายแววพึงพอใจกับสตรีงามตรงหน้าทันที สิริสรรักษามารยาทด้วยการยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อน สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับคุณโสภายิ่งนัก... เมื่อเวลาล่วงเลยมานานกว่าชั่วโมง สิริสรกลับเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตากับอาหารในจานมากกว่าการร่วมบทสนทนา ชนิดถามคำตอบคำ รอยยิ้มติดริมฝีปากอิ่มจึงดูไม่ค่อยร่าเริงสดใส แถมท่าทางยังเฉยชาจนคุณโสภาชักนั่งไม่ติดเก้าอี้ กังวลใจกลัวแขกหนุ่มรุ่นลูกจะรู้สึกไม่ประทับใจ พานจะทำให้แผนจับคู่ล่มอยู่เพียงปากอ่าว ผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจรีบจัดการแก้ไขสถานการณ์ด่วน ด้วยการบอกนิสัยส่วนตัวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงสักเท่าไหร่ “น้องเป็นคนเรียบร้อย นิสัยไม่ค่อยชอบพูด ชอบเอาแต่นั่งฟังคนอื่นคุยกันแบบนี้ล่ะคุณช้าง” “ครับคุณน้า...” คชาตอบรับพร้อมรอยยิ้มละมุน ไม่ได้รู้สึกอึดอัดต่อความนิ่งเฉยของสิริสร เขาว่าผู้หญิงนิสัยเล่นตัวแบบนี้ก็ดูดีมีเสน่ห์ไปอีกแบบ มันทำเจ้าหล่อนดูมีคุณค่าโดยไม่ต้องปรุงแต่งจริตเหมือนสาวๆสมัยนี้ที่นิยมทำกัน   ชายหนุ่มคลี่ยิ้มยามเอื้อนเอ่ยกับทางผู้ใหญ่   “ผิดกับผมนะครับคุณน้า เป็นคนคุยเก่ง ถ้ายิ่งได้คุยกับคนที่ชอบฟังอย่างน้องน้ำผึ้งบ่อยๆก็คงจะดีไม่น้อย จะได้ไม่มีใครแย่งผมพูดอย่างไรล่ะครับ...” หยอดคำหวาน หวังสร้างทำคะแนนตั้งแต่แรกพบ บอกตามตรงเขารู้สึกถูกชะตาผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็น เหมือนถูกศรรักปักอกเข้าอย่างจัง หญิงสาวช่างถูกใจเขาไปเสียหมด ไหนจะรูปร่างหน้าตาเอย นิสัยใจคอที่เขาสังเกตเห็นเอย หรือแม้กระทั่งฐานะทางสังคม ล้วนเป็นคุณสมบัติตราตรึงใจเขาเสียทุกข้อ สิริสรดึงสายตาขึ้นมาจากจานอาหาร ช้อนขึ้นมองใบหน้าขาวราวสตรีของชายหนุ่มก่อนฝืนยิ้มจืดชืดส่งให้เขาตามมารยาท พอหันมาทางมารดา เธอเห็นท่านเตรียมรวบช้อนในมือ ใบหน้านั้นดูแช่มชื่นสมหวัง “อิ่มแล้วหรือคะคุณแม่ ทานเข้าไปแค่นิดเดียวเอง” “จ้ะ...วันนี้แม่ทานมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนงเยาว์เขาต่อ รายนั้นเขาอยากอวดเครื่องเพชรชุดล่าสุด เห็นว่าได้มาจากเหมืองทางฝรั่งเศส น้ำง๊ามงาม เผื่อแม่จะสั่งซื้อเก็บเอาไว้สักชุด เอาไว้ให้หนูใส่ออกงานสังคมยังไงล่ะค่ะ”  คุณโสภาจงใจอวดฐานะของตนต่อหน้าหุ้นส่วนหนุ่มหล่อ ถึงส่วนตัวนางจะรู้สึกพึงพอใจเรื่องนิสัยใจคอของคชาอยู่ในที ทว่าก็อยากให้ชายหนุ่มรุ่นลูกผู้นี้ได้รับรู้ถึงอำนาจบารมี อีกทั้งฐานะทางสังคม ครอบครัวของตนนั้นไม่ได้ด้อยหรือเป็นสองรองใครเลยแม้แต่น้อย  ถ้าเกิดในอนาคตน้ำผึ้งกับคชาเกิดตบแต่งกันเป็นเรื่องราวขึ้นมาจริงๆ ครอบครัวทางฝั่งนู้นจะมาคิดกดขี่หรือนึกดูถูกบุตรสาวของตนไม่ได้เด็ดขาด แล้วยิ่งถ้าหากเกิดเรื่องน้ำเน่าในทำนองแม่ผัวลูกสะใภ้ดั่งเช่นในละคร นางคนนี้ล่ะจะบุกเข้าไปแหกอกให้ถึงที่เชียว ลูกใครใครก็รัก คลอดและเลี้ยงมากับมือ ยุงไม่เคยให้ไต่ไรไม่เคยให้ตอม ทะนุถนอมเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน พอโตขึ้นเป็นสาว เรื่องอะไรจะยอมให้ใครมาทำร้ายได้ลงคอ... “นั้นเดี๋ยวน้ำผึ้งขับรถไปส่งคุณแม่ให้นะคะ ส่วนขากลับค่อยโทรเรียกให้นายดำขับรถมารับคุณแม่ตอนงานเลิก...” ผู้เป็นลูกเอ่ยอาสา ด้วยเพราะวันนี้เธอขับรถมาให้ท่านตั้งแต่เช้า ท่านไม่ได้บอกเรื่องงานเลี้ยงตอนหัวค่ำให้เธอรู้ แต่สิริสรก็ไม่ได้นึกสงสัยหรือแปลกใจอะไร เธอชินเสียมากกว่ากับเหตุบังเอิญซึ่งดูคล้ายจงใจของท่านในยามเมื่อมีนัดทานข้าวกับบรรดาหุ้นส่วนที่เป็นชายหนุ่มฐานะมั่นคง “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เดี๋ยวแม่ขับรถไปเองดีกว่า...แต่ว่าน้าคงต้องรบกวนช้างแล้วล่ะลูก ดูเวลาแล้วน้าคงไม่ทันแน่ๆถ้าต้องขับรถย้อนไปส่งลูกน้ำผึ้งที่บ้าน...”  คุณโสภาแบนสายตามาทางชายหนุ่มเป็นเชิงรู้กัน เมื่อเห็นเป็นเวลาเหมาะสมนางจึงดำเนินการตามแผนในใจ คชายิ้มรับอย่างไม่คิดปฏิเสธ ถือเป็นโอกาสงามสำหรับเขาเลยก็ว่าได้... คุณโสภายิ้มในหน้า รู้สึกปลื้มใจว่าที่ลูกเขยในอนาคต ด้วยจากการตามสืบประวัติชายหนุ่มรุ่นลูกซึ่งพ่วงท้ายหุ้นส่วนคนสำคัญ เขาเป็นชายหนุ่มนิสัยดี ไม่ใช่คนเจ้าชู้เหยาะแหยะ ถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มไฟแรง ขยันขันแข็งเอาการเอางานคนหนึ่ง เรียนจบมาจากต่างประเทศปุ๊บ คชารีบบินกลับมาสานต่อยอดธุรกิจของครอบครัวจนเป็นปึกแผ่นมั่นคง มีชื่อเสียงในระดับต้นของจังหวัดอย่างเช่นทุกวันนี้เลยทีเดียว    นางกับสามีเลยลงความเห็นพ้องต้องกัน คชาคู่ควรกับตำแหน่งลูกเขยด้วยประการทั้งปวง ชายหนุ่มคงทำให้ลูกสาวตนเองมีความสุขได้ไม่ยาก เธอกับสามีหวังเอาไว้เช่นนั้น จะได้นอนตายตาหลับกันเสียที   เพราะเมื่อหลายปีมานี้ สิริสรลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว นิสัยดูจะเปลี่ยนแปลงอยู่มากโข จากปกตินิสัยชอบขี้เหวี่ยงโวยวายเอาแต่ใจตัวเอง แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด ออกเที่ยวยามค่ำคืนเป็นว่าเล่น กลับกลายเป็นคนเงียบขรึม เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร   เท่าที่นางเห็นสิริสรยอมออกไปไหนมาไหนด้วยบ่อยครั้ง คงมีเพียงรุ่งรดาภรรยาคนสวยของพ่อเลี้ยงเหมราชกับรุ่นพี่หนุ่มลูกชายไร่พวงตะวันที่ชื่อหริลักษณ์เท่านั้น นอกนั้นนางแทบไม่เห็นลูกสาวสนใจหรือเสียเวลาเสวนาด้วยสักคน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเอาแต่อมทุกข์เหมือนคนมีเรื่องให้กลัดกลุ้มใจ ขบคิดอยู่ตลอดเวลา เคยลากตัวมาซักถามจริงจัง สิริสรก็เอาแต่ปฏิเสธไม่ได้มีเรื่องอะไรทุกข์ใจ ทำไมคนเป็นแม่จะมองไม่ออก ลูกสาวกำลังมีปัญหา แต่สาเหตุมาจากสิ่งใดนั้นนางไม่แน่ใจ  “คุณน้าจะรบกวนเรื่องอะไรหรือครับ ผมพร้อมและยินดีให้ความช่วยเสมอ...” ชายหนุ่มเจ้าของห้างดังเลิกคิ้วสูง แสร้งทำเป็นถามทั้งที่ตัวเองนั้นทันเกมผู้อาวุโส ริมฝีปากหยักยกยิ้มไม่หุบ สิริสรแอบสังเกตผู้ชายคนนี้ชอบยิ้ม เขาดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดีและก็ช่างพูดเหมือนอย่างที่เจ้าตัวบอกไม่ผิด  “น้าจะรบกวนช้างช่วยไปส่งน้องแทนน้าที่บ้านนะสิจ๊ะ น้ามีธุระต้องไปทำต่ออีกหลายที่ ไม่อยากดึงน้ำผึ้งเขาไปนั่งแกร่วรอ กลัวเขาจะเบื่อ” “ไม่มีปัญหาครับคุณน้า เดี๋ยวผมจะขับไปส่งน้องน้ำผึ้งจนถึงหน้าบ้านให้เลย คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” “แต่คุณแม่คะ...น้ำผึ้งกลับเองได้...”   “ขอพี่ไปส่งนะครับน้องน้ำผึ้ง...” คนอาสาขัดขึ้นเสียงนุ่ม เขาส่งยิ้มหน้าบานให้เธออย่างจริงใจ มันส่งผ่านมาให้เห็นทางสายตาละมุน สิริสรเห็นแล้วจึงไม่กล้าปฏิเสธ ยอมจำนนต่อความจริงใจนั้นของชายหนุ่มแต่โดยดี “เอ่อ...ก็ได้ค่ะ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณคชา”  เขาก็ดูเป็นคนน่าไว้ใจได้ ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนกับใครบางคน ยิ่งถ้าคุณแม่ไฟเขียวปล่อยให้เขาดูแลเธอขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้คงมีดีอยู่ในตัวเองไม่น้อย บางทีเธอสมควรต้องตัดความรู้สึกบางอย่างออกจากก้นบึ้งของหัวใจ การรอคอยบางอย่างมันสมควรมีจุดสิ้นสุด ยอมรับ ก้าวออกมาเผชิญหน้าต่อความเป็นจริง เปิดโอกาสให้กับตัวเอง เลิกรอคอยหวังลมๆแล้งๆ ว่าสักวันเขาจะกลับมาเสียที... “นั้นน้าขอฝากน้องกับช้างไว้เลยแล้วกัน เอาไว้จะนัดน้องบานชื่นคุณแม่ของหลานมาทานข้าวที่บ้านสักมื้อ ถือเป็นการทำความรู้จักมักคุ้นกันเอาไว้ เพื่อวันข้างหน้าเราทั้งสองครอบครัวจะมีข่าวดีร่วมกัน” คำพูดของคุณโสภาทำเอาสิริสรแอบพ่นลมหายใจหนักอก ใบหน้าหวานเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดทั้งนั้น  มันดูแตกต่างจากอีกคนโดยสิ้นเชิง คชามีสีหน้าแช่มชื่น จากที่ยิ้มกว้างมันเลยส่งผลให้ถึงดวงตา เขารู้สึกดีกับคำพูดของมารดาหญิงสาวที่เขาหลงรักแต่แรกเจอ ท่านคงยอมรับในตัวเขาแล้วในระดับหนึ่ง ต่อไปคือหน้าที่ของเขา พิสูจน์ตัวเองให้ท่านได้เห็น เขาจริงจังและต้องการดูแลลูกสาวท่านในอนาคตด้วยความจริงใจ “ขอบคุณมากครับคุณน้า ที่ไว้วางใจผมเป็นคนดูแลน้องน้ำผึ้ง”  คชายกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผู้สูงวัยกว่าด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อม เลยยิ่งส่งผลทำให้คะแนนที่สูงลิ่วนั้นชนติดเพดานเลยก็ว่าได้... ทำให้ร่างหนาซึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างหันหลังอยู่ตรงโต๊ะถัดมา กำช้อนในมือแน่นจนแลเห็นเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าดูบึ้งตึงขึงขัง ถ้าห้องอาหารนี้เงียบสงัดกว่านี้อีกสักหน่อย คงได้ยินเสียงชายหนุ่มคนดั่งกล่าวนั่งกัดฟันกรอดๆเลยทีเดียว...                                                                                                             ***********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม