เมื่อเข้าไปถึงก็พบชายหนุ่มหน้าตาดี ละม้ายคล้ายคนคนหนึ่งที่บัวเคยเห็นแต่ก็นึกไม่ออก คอยยืนรับแขกที่หน้าประตู
“ มาทำอะไรจ๊ะ ” เขาเอ่ยถามทั้งคู่
“ จะมาดูเรื่องลงนะหน้าทองหรือเมตตามหานิยมให้น้องสาวหน่อยน่ะจ้ะ ผัวมันพาผู้หญิงเข้าบ้านแล้วไม่สนใจมัน ” เดือนตอบโต้ง ๆ คนที่รออยู่หันมามองกับพรึ่บ บัวได้แต่ก้มหน้าหลบอย่างอายแสนอาย
“ อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเชิญพบอาจารย์เดชทางด้านนี้เลย ทางนั้นจะเป็นสักยันต์ ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินนำไปสู่ห้องอีกฝั่ง มีคนนั่งรออยู่บนเก้าอี้ห้าคน
“ รอตรงนี้แหละจ้ะ โชคดีนะที่มาแต่เช้า คนยังไม่เยอะ นี่บัตรคิวจ้ะ ” ชายหนุ่มบอกพร้อมยื่นบัตรคิวที่เขียนเลขหกให้กับบัว ซึ่งยกมือไหว้ก่อนรับมา พร้อมเอ่ย
“ ขอบคุณมากนะจ๊ะพี่ ” หนุ่มนั้นยิ้มพร้อมยกมือขึ้นไหว้ตอบ
ทั้งคู่นั่งรออยู่ราวร่วมชั่วโมง แต่ละคนที่เข้าไปบางคนก็ ห้านาที บางคนก็สิบนาที พี่เดือนคุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่วต่างกับบัวที่นั่งนิ่ง มือเย็นเฉียบ ตื่นเต้นเป็นบ้า
และแล้วประตูก็ถูกเปิด คิวก่อนหน้าของบัวเดินออกมา เสียงเรียกขาน
“ คิวที่หก เข้ามาเลยจ้ะ ”
พี่เดือนจูงมือบัวเดือนเข้าไปภายในห้องอย่างรวดเร็ว
ภายในนั้นไม่เป็นดังเช่นที่บัววาดภาพไว้ถึงสำนักหมอผีทั่วไป แตกต่างเหลือเกิน แตกต่างโดยสิ้นเชิง
เป็นห้องกว้างราวหกคูณแปดเมตร ทั่วห้องกรุด้วยพรมสีแดงบนพื้น ที่สำคัญติดแอร์จนเย็นฉ่ำ เบื้องหน้ามีหิ้งพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันงดงามซึ่งทั้งหมดอยู่ในตู้กระจก เดาว่าคงป้องกันจากฝุ่นละออง ส่วนเบื้องหน้าแทนที่จะเป็นธูปเทียนที่มีควันคละคลุ้งเช่นทั่วไป กลับเป็นธูปและเทียนไฟฟ้าที่ส่องแสงสว่างเช่นกันแต่ไม่มีควันคอยกวนอกกวนใจ
และที่สำคัญที่สุด ก็คงจะเป็นอาจารย์เดช เจ้าของสำนักแห่งนี้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหิ้งและหันหลังให้ทั้งสอง มองจากด้านหลังนั้นท่านแลดูสูงใหญ่มาก สวมกางเกงสีขาว ท่อนบนเปลือยเผยให้เห็นผิวสีทองแดงสวยอย่างชายไทย มีผ้าสีขาวคล้ายสไบพาดอยู่ฝั่งหนึ่ง แผ่นหลังมีรอยสักเป็นรูปนาคราชชูดอกบัว
“ อาจารย์ครับ มาแล้วครับ ” ลูกศิษย์ที่นำทั้งสองเข้ามาคลานเข่าเข้าไปบอกอาจารย์เบา ๆ เดาว่าท่านคงกำลังทำสมาธิอยู่ ท่านพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ศิษย์คนนั้นถอยออกมานั่งอยู่ฝั่งหนึ่งคอยรับใช้อยู่ห่าง ๆ
“ นังบัว ก้มลงกราบอาจารย์กันสิวะ ” พี่เดือนหันมาบอกบัว ก่อนที่ทั้งสองจะก้มลงกราบพร้อมกัน
“ อาจารย์เดช ลูกศิษย์ลูกหาขอกราบเจ้าค่ะ ” พี่เดือนว่า จังหวะที่ทั้งสองกราบเสร็จ อาจารย์ก็หันหน้ามาพอดี ทำให้บัวได้เห็นหน้าของอาจารย์เดชอย่างชัดเจน ดวงตากลมเบิกกว้าง ก่อนหลุดปากเรียกออกไปด้วยเสียงอันดัง
“ พี่ ! ”
เดือนรีบควักแขนหญิงสาวอยู่ไหว ๆ
“ อีบัว ปากพล่อยละมึง เรียกท่านว่าพี่ได้ยังไง ถึงท่านจะยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวแต่เรียกแบบนั้นไม่ได้ ต้องเรียกอาจารย์ อาจารย์คะ อิฉันขอโทษด้วยนะเจ้าคะ น้องของอิฉันมันไม่ค่อยรู้ความเท่าไร อย่าถือโทษโกรธมันเลยเจ้าค่ะ กราบขอโทษท่านสิบัว เร็ว ! ”
ใบหน้าคมเข้มยังคงเรียบนิ่ง ไม่พูดไม่จา บัวรีบก้มลงกราบแต่ก็ยังแอบมอง “ อาจารย์เดช ” อยู่
นั่นมันพี่ชายคนนั้นที่ขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ไปส่งเธอที่บ้านชัด ๆ !
แม้ว่าวันนี้เขาจะอยู่ในชุดที่ดูเลื่อมใส ผิดแผกจากวันนั้นเพียงใด เธอก็ยังจำเขาได้สนิท
“ พูดขอโทษสิ อมอะไรอยู่วะ ” เดือนเอ่ยย้ำอีกครั้ง บัวยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น
“ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก บัวไม่ได้ผิดอะไร ” เดือนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ ท่านรู้จักมันด้วยหรือเจ้าคะ หรือว่าแค่เรียกตามที่อิฉันเรียกเมื่อครู่ ”
“ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่ง ว่าแต่วันนี้มีอะไรให้ช่วยหรือ ” ท่านตอบมาอย่างนั้น เดือนเป็นฝ่ายตอบ
“ พอดีว่านังบัว คนนี้น่ะเจ้าค่ะ มันมีปัญหากับผัว ผัวมันก็กำนันเทิ้ม กำนันตำบลห้วยหนองตรมไงเจ้าคะ ผัวไม่แตะไม่ต้อง ไม่นอนกับมันร่วมเดือนแล้ว ทำท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์ ทั้งที่ตอนเอาตัวมาตอนแรกเมื่อสี่ห้าเดือนก่อนนี่หลงเป็นบ้าเป็นหลังแต่ตอนนี้หน้ามือเป็นหลังตีนเลยเจ้าค่ะ เอากะหรี่ที่ไหนก็ไม่รู้มากกในบ้านตั้งหลายคน ของสดของซิงอย่างนังบัวก็เลยเป็นหมาหัวเน่าเจ้าค่ะ อาจารย์พอจะมีทางไหนช่วยให้มันได้ผัวมันกลับมาดังเดิมไหมเจ้าคะ ”
วิธีอธิบายแบบตรงไปตรงมามันก็ดีอยู่หรอก แต่เจ้าตัวถึงกับหน้าชา ชาจนไปถึงปลายเท้า ก้มหน้างุดจนเกือบจะถึงพื้นอยู่แล้ว
“ อยากจะให้ช่วยให้ผัวกลับมาดังเดิมใช่ไหม ” เสียงทุ้มถามเยียบเย็น เป็นเดือนที่เอ่ยตอบอีกครั้ง
“ ใช่สิเจ้าคะ ถ้าจะให้ดี เอาให้อีนังพวกนั้นกระเด็นออกไปจากบ้านให้หมดเลย จะได้สบายใจเจ้าค่ะ ”
ครานี้อาจารย์เดชเงยหน้าไปมองเดือนตรง ๆ
“ ออกไปก่อนไป อยากจะคุยกับเจ้าของปัญหาเอง ”
เดือนหน้าเสีย พอ ๆ กับบัวที่พอรู้ว่าจะต้องอยู่ตามลำพัง ก็รีบคว้าข้อมือของเดือนไว้
“ พี่เดือน ”
“ เออ ไม่เป็นไรหรอก ท่านแค่อยากถามรายละเอียด ประเดี๋ยวคุยเสร็จแล้วพี่จะเข้ามาใหม่ คืองี้นะเจ้าคะ นังบัวเนี่ยมันไม่ค่อยมีเงิน อยู่มาตั้งนมตั้งนาน กำนันให้มันแค่สามพัน มันกลัวว่าจะต้องเสียเงินเสียทองเยอะ ก็เลยจะบอกอาจารย์ไว้ก่อนว่าอย่าคิดมันเยอะนะเจ้าคะ เอาแบบดี ๆ แต่ถูกที่สุด ”
คำพูดของเดือนแม้จะดูเยอะแยะร่ำไร แต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อาจารย์เดชพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งเดือนและลูกศิษย์ของท่านจะออกไปข้างนอก
เมื่อประตูถูกปิดลง แปลว่าต้องอยู่ตามลำพังกับชายหนุ่มที่ใคร ๆ เขาเคารพกันนักหนาว่า อาจารย์เดชผู้ศักดิ์สิทธิ์ บัวก็นั่งนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
“ ทำไมเงียบเสียล่ะ ”
“ บัวไม่รู้จะพูดอะไร กลัวจะพูดจาผิด ”
“ ไม่ต้องเกร็งหรอกเคย บัวเคยเรียกพี่ยังไงก็เรียกอย่างนั้นเถอะ ” หญิงสาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าคมสันที่ดูดุดันต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้มีรอยยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มที่ทำให้ผู้มองรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นได้อย่างประหลาด