บทที่ 3

1262 คำ
“เอ่อ...มาดามอยากให้ต้นหยกแต่งงานกับลูกชายของมาดาม หากต้นหยกรับปาก มาดามก็จะจัดการเคลียร์หนี้ทั้งหมดให้พวกเราทันที” ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกเงื่อนไขในการช่วยเหลือจากมาดามแคทลีน พร้อมกันนั้นก็รอลุ้นว่าคำตอบจะออกมาในรูปใด บุตรสาวแสนสวยซึ่งกำลังนั่งนิ่งขึง ราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ จะตอบรับหรือปฏิเสธกันแน่ มธุรินเงยหน้าขึ้นมองบุพการีทั้งสอง ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยขอตัวเบาๆ “คุณพ่อ คุณแม่คะ ต้นหยกขอเวลาสักครู่นะคะ ต้นหยก...” “ไม่เป็นไรลูก” ผู้เป็นบิดาได้เอ่ยขัดออกมาก่อนที่มธุรินจะพูดจบ จากนั้นก็ได้พูดจี้แทงใจดำบุตรสาว “คิดให้ดีก่อนนะต้นหยก เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง ที่จะไว้เนื้อเชื่อใจ ฝากชีวิตที่เหลือให้ชายผู้ใดผู้หนึ่งได้ดูแลเธอตลอดทั้งชีวิต พ่ออยากให้ต้นหยกคิดถึงตัวเองให้มากๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องทรัพย์สินนอกกายที่จะถูกยึดไป หากเราไม่เหลืออะไรเลย พ่อก็จะแบกหน้าขอยืมเงินจากมาดามสักก้อน เพื่อไปซื้อที่ดินตามชนบท ปลูกผัก เลี้ยงปลาทำการเกษตรกรเพื่อเลี้ยงดูแม่ของลูก” มธุรินฝืนยิ้มบางๆ ให้บิดามารดา อนาคตที่บิดาไว้วาดวางไว้ หลังจากสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ทำเอาเธอสะเทือนใจยิ่งนัก หญิงสาวยิ้มให้บุพการีทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องโถงด้วยจิตใจเลื่อนลอย ไม่รู้เลยว่าเท้าเล็กได้พาผู้เป็นเจ้าของ มาทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ลอยด์สีขาวสะอาด กลางสนามหญ้าหน้าบ้านตั้งแต่เมื่อไรกัน ‘มาดามอยากให้ต้นหยกแต่งงานกับลูกชายของมาดาม หากต้นหยกรับปาก มาดามก็จะจัดการเคลียร์หนี้ทั้งหมดให้พวกเราทันที’ เงื่อนไขการชำระหนี้สินแทน ที่มาดามแคทลีนได้เอ่ยบอกมากับมารดา ยังคงดังกึกก้องอยู่ทั่วร่าง คำพูดของบิดาที่จะผันตัวเองจากการเป็นนักธุรกิจสวมเสื้อสูทนั่งอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา ไปเป็นชาวสวน ชาวไร่ ซึ่งเธอรู้ว่าบิดาย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะท่านอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ค่อยดี ได้สะท้อนลั่นอยู่ในโสตประสาท ก่อนที่เจ้าตัวจะฟุบหน้าไปบนโต๊ะสีขาวด้วยความกลัดกลุ้มใจ ไม่รู้จะตัดสินชีวิตของตนเองอย่างไรดี “เอายังไงดีต้นหยก ถ้าไม่แต่งงาน พ่อกับแม่ก็ไม่มีบ้านให้อาศัยอยู่ แต่หากแต่งงาน เธอก็ต้องมอบชีวิตทั้งชีวิตให้ตกอยู่ในอุ้มมือของผู้ชายที่เกลียดเธอที่สุดในโลก” มธุรินพึมพำอย่างคิดไม่ตก ใบหน้างามอมทุกข์ ดวงตาคู่สวยหมองเศร้า ขณะเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองรอบๆ ตัวบ้านหลังใหญ่โต ซึ่งกินเนื้อที่เกือบ 4 ไร่ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเดินสำรวจรอบๆ บริเวณบ้าน ซึ่งเธอได้อาศัยอยู่ตั้งแต่เกิด ในขณะที่มธุรินได้เดินทอดน่องรอบบริเวณบ้านด้วยความหมองเศร้า ผู้ที่เป็นบิดามารดากลับยิ้มร่าด้วยความดีใจ ที่แผนการของพวกตนสำเร็จลุล่วงไปเกินครึ่งแล้ว “คุณพี่คะ คุณพี่คิดว่าลูกจะตอบรับหรือปฏิเสธคะ” คุณมนรดาเอ่ยถามสามี ขณะเดียวกันก็พยายามชะเง้อมองที่ประตูบ้าน ด้วยเกรงว่าลูกสาวจะเข้ามาได้ยินความจริงเข้า “ต้นหยกไม่กล้าปฏิเสธหรอกเชื่อพี่สิ ยังไงๆ ลูกก็ต้องตอบรับแน่นอน แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตามทีเถอะ” ผู้เป็นสามีมั่นใจว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเขารู้ใจของลูกสาวตนเองดี และก่อนที่บุตรสาวจะเดินออกไปจากห้องโถง เขาก็มั่นใจเกินร้อยว่าได้เอ่ยจี้ถูกจุดของบุตรสาวเป็นยิ่งนัก บุตรสาวของพวกเขาเป็นเด็กกตัญญู รักพ่อแม่มาก ยังไงๆ มธุรินก็ไม่มีทางปล่อยให้บุพการีต้องลำบากอย่างแน่นอน “คุณพี่คะ ถ้าหากลูกรู้ความจริงว่าเรื่องทั้งหมด ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราได้โกหกไป ลูกจะโกรธพวกเรามากไหมคะ” ผู้เป็นภรรยาหลุดปากถามด้วยความไม่สบายใจ แม้รู้ว่าสิ่งที่พวกตนได้ทำลงไป โดยมีมาดามแคทลีนร่วมแจมและเป็นหัวเรือใหญ่เสียด้วย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกตนก็ทำเพื่ออนาคต เพื่อความสุขของลูกๆ ทั้งสิ้น คุณรวิชถอนหายใจยาว พลางตบเบาๆ บนหลังมือของภรรยา พร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจคู่ทุกข์คู่สุข ที่อยู่ด้วยกันมานานนับสิบๆ ปี “ลูกจะไม่มีทางรู้ความจริงเป็นอันขาด รดาไม่ต้องเป็นกังวลด้วยว่าสิ่งที่เราสองคน และมาดามแคทลีนทำลงไปนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะเงื่อนชีวิตที่พวกเรากำลังผูกให้ลูกหลานทั้งสองคนนั้น จะทำให้พวกเขาได้พบแต่ความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่” เมื่อได้รับกำลังใจจากสามี คุณมนรดาก็คลี่ยิ้มออกมาได้ นางเอนกายซบกับอกกว้างของสามี ซึ่งไม่ว่าวันเวลาจะผันผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใด ก็ยังคงมอบความอบอุ่นให้กับนางอย่างเสมอต้นเสมอปลาย “รดาก็เชื่อว่าต้นหยกจะได้พบกับความสุขในชีวิตคู่ ลูกชายของมาดามเป็นคนดี และแข็งแกร่งพอที่จะช่วยดูแลต้นหยกต่อจากพวกเราทั้งสองคน” “พี่ก็เชื่อว่าเขาจะดูแล มอบความสุข มอบเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับนางฟ้าตัวน้อยๆ ของพวกเราได้” คุณรวิชเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ พลางอมยิ้มกว้างขณะคิดถึงชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายและมีมูลค่ามหาศาลในประเทศอิตาลี หลังจากตัดสินใจแน่วแน่และมั่นคงยิ่งแล้ว มธุรินก็ได้เดินกลับเข้ามายังห้องโถงอีกครั้ง พอได้เห็นภาพที่บิดามารดา กำลังถ่ายทอดความรักความอบอุ่นให้แก่กันและกัน ก็รู้สึกอิจฉาบุพการีทั้งสองยิ่งนัก ที่พวกท่านสามารถเลือกคู่ครอง เลือกคู่ชีวิตด้วยความรักที่มีต่อกัน หาใช่ด้วยเหตุผลที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นตัวเธอไม่! “คุณพ่อคุณแม่คะ” มธุรินเอ่ยเรียกบุพการีทั้งสอง จากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แสนแผ่วเบา แต่ทว่ามั่นคงยิ่งนัก “ต้นหยกตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะยอมทำตามเงื่อนไขที่มาดามแคทลีนได้เสนอมา” มธุรินยิ้มหวานให้บุพการีทั้งสองอีกครั้ง แล้วเดินออกมาจากห้องโถงขึ้นไปยังห้องนอนของตนเอง พอเข้ามาอยู่ในพื้นที่อันเป็นส่วนตัว หญิงสาวก็ทุบมือลงบนที่นอนด้วยความเจ็บใจ ขณะนึกถึงถ้อยคำดูถูกดูแคลนเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งได้เอ่ยดูถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ไว้ ‘ยายตัวตุ่น ยายหมูอ้วน โตขึ้นอย่าหวังว่าจะได้เป็นเจ้าสาวของนายราล์ฟนะ’ “ฮึ!” มธุรินทำเสียงขึ้นจมูก ดวงตาคู่สวยลุกวาวด้วยความอยากเอาชนะ คนที่อยู่ไกลแสนไกลคนละทวีปโลก จากนั้นก็เค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความเจ็บใจ “เสียใจด้วยนะนายราล์ฟ ยังไงๆ ชาตินี้นายก็หนียายตัวตุ่นไม่พ้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม