หวังเว่ยซินในชาติที่แล้ว ทะลุมิติเข้าในนิยายอยู่ในร่างของกู้เฉียวจิงฮูหยินเอกของแม่ทัพบูรพาเสิ่นเยี่ยหงพร้อมมีบุตรด้วยกันสองคน ในวันที่เกิดใหม่พร้อมภารกิจตู้ยาวิเศษ เกิดเรื่องราวมากมายจนกระทั่งนางหลงรักบุตรชายและบุตรสาวทั้งสองคนมากไม่อาจจะตัดใจจากไป
ทว่านางไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเสิ่นเยี่ยหงแม้แต่น้อย
อีกทั้งคนที่บุรุษรักก็ไม่ใช่นาง หากฝืนรักฝืนอยู่ด้วยกันย่อมมีปัญหามากมายตามมาที่หลัง
จนกระทั้งทำภารกิจที่ห้าสำเร็จ นางได้รับรางวัลเป็นพรสามประการและยังค้นพบอีกว่าตั้งแต่แรกที่นางมาอยู่ที่นี่...เจ้าของร่างเดิมกู้เฉียวจิงยังอยู่กับนาง เป็นหนึ่งร่างสองวิญญาณ
กู้เฉียวจิง เจ้าของร่างเดิมไม่ได้คิดจะทวงร่างคืน เพราะหากไม่มีหวังเว่ยซินที่เข้ามาอยู่ในร่างแทนแม้กระทั่งชีวิตของบุตรชายก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้ บุญคุณครั้งนี้แค่ร่างกายนางยินดีที่จะมอบให้ นางจึงมาขอพรหนึ่งข้อเพื่อไปเกิดใหม่
ทำให้หวังเว่ยซิน ผุดวาบความคิดหนึ่งขึ้นมา ความตั้งใจเดิมของนาง คืออยากออกจากจวนหงอี้โหว อยากหย่า เพียงแต่นางไม่อาจตัดใจทำร้ายจิตใจเด็กทั้งสองได้ ทำให้ยืดเยื้อมาหลายเดือน ในเมื่อมีหนทางให้นางไปเกิดใหม่พร้อมกับพรสามประการ นางจึงไม่ลังเลที่จะใช้มัน
นางวางแผนฝังเงินเอาไว้ให้องค์รักษ์ซูซูเฝ้า พร้อมรหัสลับ นักฆ่าศตวรรษที่ยี่สิบห้า จากนั้นก็เรียบเรียงพร
1) ขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์
2) เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที มีครอบครัวได้มีบิดา มารดา หรือน้องชายพี่ชายน้องสาวพี่สาว แต่ขออย่ามีสามีเด็ดขาด
3) เกิดในยุคเดิมในนิยายที่มาทำภารกิจ ยุคที่กู้ซวินอายุห้าขวบเสิ่นซูเวยอายุสามเดือน เผื่อคิดถึงจะได้แอบมาหา
เมื่อทุกอย่างพร้อม นางตัดใจเรียบร้อย ครั้งกล่าววาจาของขอพรเสร็จ ไม่ทันได้ทำใจฉับพลันสติก็ดับวูบทันที
หวังเว่ยซิน ได้ตามที่ขอ
ในถนนเส้นหนึ่งในอำเภอเล็ก ๆ มีรถม้าคันนี้กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ภายในรถม้ามีเด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ประมาณห้าหกคน ทุกคนล้วนมีผิวพรรณละเอียดใบหน้าหมดจด เค้าโครงรูปหน้าชัดบ่งบอกว่ายามเติบโตย่อมเป็นหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฮื้อ ฮื้อ...ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าครอบครัวข้าจะขายข้า”
เสียงเด็กสาวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยก บางคนร้องจนหมดแรงหลับไป กู้เฉียวจิงตอนนี้อยู่ในร่างของ หวังเว่ยซิน หนึ่งในสาวงามที่ถูกครอบครัวขายมา เจ้าของร่างได้ตรอมใจตายยกร่างให้กู้เฉียวจิง อย่างไม่อาลัยอาวรณ์พร้อมขอไปเกิดใหม่ทันที
นางนิ่งเงียบสนิทพยายามทบทวนเรื่องราวของตนเองจากความทรงจำเจ้าของร่างพร้อมกับตรวจสอบพรว่าได้ครบหรือไม่
ในข้อที่หนึ่งขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์ ข้อนี้ผ่านไม่มีข้อผิดพลาด ถูกต้องตามเจตนา
ข้อสอง เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที นับว่าใช่ ตอนนี้นางมีมารดาและน้องชายแต่นางถูกขายออกมาโดยผู้ที่ได้ว่าเป็นย่าแท้ ๆ อำมหิตสุด ๆ แต่ก็ยังถูกต้องตามที่ขอ เลือกใช้ชีวิตได้ทันที หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ
ส่วนข้อสาม ช่วงเวลาคงต้องรอสักระยะ ได้ยินคนขับรถม้าคุยกัน จะพาพวกไปขายหญิงสาวที่หอชิงเซียงที่เมืองหลวง
คิ้วของหวังเว่ยซิงขมวดเล็กน้อย จะเป็นหอนางโลมที่เคยเชิญหญิงงามมาอบรมเหล่าอนุหรือเปล่านะ
เช่นนั้นก็ถือโอกาสนั่งรถม้าไปด้วย โชคดีไม่ต้องหาทางเข้าเมืองหลวงเอง จะได้ไปสืบด้วยว่าช่วงนี้คือยุคสมัยใด
ดวงตาของเด็กสาววาววับขึ้น แล้วนางก็จะไปขุดเงินที่ฝั่งเอาไว้ เงินสองแสนตำลึงของนางหวังว่าคงจะอยู่ดีนะ
ทว่าอย่างไรก็ต้อง ก็ภาวนาในใจ ขอบคุณท่านเทพท่านช่างเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาขอให้ท่านมีบารมี ยิ่ง ยิ่ง ยิ่งขึ้นไป...
หึ ! เสียงแค่นเสียงแว่วมาจากแห่งหนึ่ง
หวังเว่ยซินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแป้น จากนั้นหาที่เหมาะเอนกายนอนลงไปอย่างใจเย็น
เช้ามืดรถม้าก็มาถึงประตูเมืองหลวง ทหารเฝ้าประตูเปิดอ่านเอกสารพลางเลิกผ้าเข้ามาดู เด็กสาวพากันตกใจสั่นสะท้าน แววตาที่ทหารมองดูฉายความเห็นใจอยู่จาง ๆ
รถม้าเคลื่อนล้อไปอีกสักระยะก็จอดสนิท เสียงไพเราะใสดังอยู่ด้านนอกรถม้า
“โจวถัง ครั้งนี้หวังว่าจะมีที่ถูกใจข้านะ”
“ถูกใจเถ้าแก่หลีอย่างแน่นอนขอรับ เชิญท่านตรวจสอบข้างในได้เลย”
โจวถังพ่อค้าที่ไปซื้อนางมาจากบ้านก็เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วออกเสียงสั่ง “พากันออกมาได้แล้ว...ที่นี่เป็นหอซิงเซียงชื่อดังของเมืองหลวงหากแม่นางหลีถูกใจพวกเจ้าได้อยู่ที่นี่ทั้งชาติสบายไปทั้งชาติ อย่าชักช้าข้าพาไปที่อื่นแล้วจะเสียใจ”
โจวถังทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ เด็กสาวได้ยินต่างสะดุ้งหวาดกลัว พวกนางกระจ่างใจดีถูกขายมาครั้งนี้ไม่พ้นลงเอ่ยที่หอนางโลม ทว่าอย่างน้อยได้อยู่ที่ดี ๆ ชีวิตก็อาจจะไม่ย่ำแย่จนเกินไป จึงพากันกระตื้อรือร้นลงจากรถม้า
แม่นางหลีคลี่พัดพลางเดินสำรวจ แววตาของปรายตามองดูเด็กสาวที่ละคน ดูจากสีหน้านับว่าพึงพอใจ ดวงตาของโจวถังประกายแววยินดี
“ไม่ทราบว่าถูกใจแม่นางหลีหรือไม่ขอรับ...ข้าเดินทางไปรับมาจากบ้านด้วยตนเอง ต่างเป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่ายทุกคนขอรับ”
แม่นางหลีพยักหน้าพร้อมกับยิ้มพราว
“นับว่าท่านโจวถังใส่ใจคุณภาพไม่น้อย”
“แน่นอน แน่นอนขอรับ มาส่งให้หอซิงเซียงจะขอไปทีไม่ได้ ข้าเลือกสรรมาอย่างดีให้ท่านเลือกก่อนหอนางโลมอื่น ๆ ด้วยนะขอรับ”
ความเหน็บหนาวสะท้านแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนสั่นเทา ทั้งที่นางไม่ใช่หวังเว่ยซินตัวจริงเย็นยังรับรู้ถึงความเจ็บปวด เมื่อปรายตาดูก็เห็นเด็กสาวล้วนดวงตาหม่นหมองใบหน้าซีดเซียว
ปรากฏว่า แม่นางหลีรับไว้ทั้งหมดจากนั้นนางก็ส่งสายตาให้คนพาเด็กสาวเข้าไปข้างใน บุรุษกำยำกลุ่มหนึ่งออกมาต้อนดั่งต้อนวัวควาย หวังเย่วซินกำมือแน่นเตือนสติตนเองอย่างสร้างเรื่องราวลับสายตาคนอื่น นางแค่หนีออกไปก็จบแล้ว
พวกนางถูกนั่งไปขังรวมในห้องหนึ่ง หวังเว่ยซินได้ยินแว่วคุยกัน พวกเขากำลังพูดคุยเจรจาราคากัน ต่อรองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ร้อยตำลึง ข้ามีค่าหนึ่งร้อยตำลึง
เมื่อตกลงซื้อขายกันเสร็จ แม่นางหลีก็เดินเข้ามากวาดสายตาไปทั่วแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว ชีวิตมีแต่ต้องเดินต่อ...รูปร่างหน้าตาของพวกเจ้าแต่ละคนล้วนงดงาม หากมีวาสนาอาจจะมีเหล่าขุนนางรับเลี้ยงเป็นอนุอยู่ดีกินดีไปตลอดชาติ เชื่อข้าแม้กระทั่งบ้านเดิมพวกเจ้าก็ให้สิ่งนี้ไม่ได้”
เหล่าเด็กสาวพลางฟังพลางสะอื้น แม่นางหลีเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้า แล้วถือกระดาษหนาชุดหนึ่งขึ้นตบเบา ๆ พลางเอ่ยเสียงขรึมข่มขู่
“พวกเจ้าลองทบทวนดูให้ดี..ข้าซื้อขายพวกเจ้ามาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จะทำยำแกงอย่างไรก็ได้ หากพวกเจ้าคิดหนี นอกจากคนของข้า ที่จะตามจับพวกเจ้า..ยังมีคนของทางการ..หากหลุดรอดไปจริง ๆ ตลอดชีวิตนี้อย่าคิดว่าจะเปิดเผยตนเองได้เลย”
จากนั้นแม่นางหลีก็สะบัดโบกเดินส่ายสะโพกออกไป อย่างไม่ใส่ใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไร
วาจานี้ สร้างความตกตะลึงให้กับหวังเว่ยซินเป็นอย่างมาก แสดงว่า แม้นางจะหนีไปได้ ก็ไม่ต่างจากนักโทษ?
นางปลอบให้ตนเองใจเย็น ไม่หนีก็ได้
นางมีเงินนางมาไถ่ตัวเองได้
หลังจากนั้นก็มีบ่าวหญิงชราพาพวกนางไปยังห้องอาบน้ำขัดตัว พวกนางถูกเปื้อนอาภรณ์จนหมดสิ้นทั้งกายไม่มีสิ่งใดปกปิด เด็กสาวแต่ละคนล้วนก้มหน้าแดงอับอาย หญิงชราต่างเดินสำรวจพร้อมลูบคล่ำนวดคลึง พลางบ่น “ฮืม ผิวค่อนข้างหยาบกระด้างต้องบำรุงให้มากเสียหน่อย”
แผ่นหลังเด็กสาวคนหนึ่งถูกชี้ นางสะดุ้งตกใจหญิงชราไม่ได้สนใจ เอ่ยพูดน้ำเสียงเสียดาย “มีรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ตรงนี้ ลองหาขึ้ผึ้งมาทาดู”
หลังจากนั้นพวกเขาก็นำชุดผ้าแพรสีขาวปักลายพุดตานหลากสีสรร มวยผมอย่างปราณีตประทินโฉมบางเบา เน้นเผยความงดงามตามธรรมชาติ ผสานกับดวงตากลมโตแววตาไร้เดียงสา เด็กสาวชาวบ้านเหล่านี้ก็กลายเป็นบุปผาแรกแย้มพร้อมให้บุรุษมาเด็ดดอมดม
แม่นางหลีเข้ามาดูผลงาน ดวงตานางเป็นประกายยิ้มแย้มแฝงเลศนัย “พวกเจ้าควรต้องภาคภูมิใจ ที่ตนเองยังมีรูปร่างงดงามพอผ่อนปรนชะตากรรมที่เลือกไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ให้อับจนมากเกินไป”
ขึ้นชื่อว่าสตรีย่อมรักสวยรักงาม ครั้งได้เห็นตนเองสวมชุดอาภรณ์หรูหราใบหน้าแต่งแต้มงดงามผุดผาดก็เริ่มมีรอยยิ้มมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้แย่จนเกินรับไหว
หวังเว่ยซินครุ่นคิด นางเองก็อยากรู้เสียแล้ว ว่าคืนแรกของนางจะราคาเท่าไรจะมีคนเสนอราคาไหมนะ ฮ่า ฮ่า
ค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ ดวงดาวบนฟ้าเปล่งแสงระยิบระยับหวังเว่ยซินมาปรากฏกายตรงจุดที่นางในนามกูเฉียวจิงชาติที่แล้ว ฝั่งหีบเงินเอาไว้ เวลาน่าจะผ่านมาหลายปี ต้นไม้น้อยใหญ่เติบโตปกคลุม โชคดีที่นางขโมยมีดมาจากห้องครัวด้วย
ฉับ ฉับ พริบตาต้นไม้ก็ถูกถางเกือบหมดสิ้น นางใช้ปลายมีดขุดดินลงไปได้เพียงหนึ่งครั้ง ก็รู้สึกเยือกเย็นที่คอเมื่อกวาดสายตามองตามกระบี่ไปก็สบสายตากับคนคุ้นเคย
“ซูซูหรือ ข้าคือ นักฆ่าศตวรรษที่ยี่สิบห้า พอดีเลยเจ้ามาช่วยข้าขุดหน่อย”
ทั้งแววตาทอประกายดั่งยินดีที่ได้พบพร้อมกับประโยคนั้น ทำให้ซูซูชะงักงัน เพ่งมองดูเด็กสาววัยแรกแย้มตรงหน้าอีกครั้ง นักฆ่างั้นหรือ? หลายปีที่มานางจินตนาการถึงคนที่จะมาขุดหีบเงินหีบนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยมีในความคิดว่าจะเป็นเด็กสาวอรชรบอบบางผู้หนึ่ง
“เหตุใดจึงนิ่งเล่า...มาช่วยกันหน่อย”
หวังเว่ยซินเอ่ยเรียกสติอีกฝ่ายอีกครั้ง ทว่าถึงซูซูไม่ช่วย นางก็ไม่ขุ่นเคือง เพราะตอนนี้นางเบิกบานใจยิ่งนัก
พรทั้งสามข้อท่านเทพให้นางครบทุกข้อ
ดีจริง ๆ
ชีวิตที่เป็นอิสระได้เริ่มต้นแล้ว