เพลิงแค้นแรงพยาบาท บทที่1.

1527 คำ
บทที่1... “ฉันไม่มีเงิน ฉันมีแต่หนี้ แต่...ฉันจะกลับไปทวงของของฉันคืน...ทุกอย่าง!! พร้อมกับดอกเบี้ย! ไอ้คนชั่ว!” เสียงแผดก้องของสาวสวยสีหน้าขึ้งโกรธ มือของเธอกำกระดาษหนังสือพิมพ์แน่นๆ หลังจากอ่านข่าวจากหน้าสังคมซุบซิบไฮโซ เจอคู่แค้นที่ทำให้เธอต้องกลายสภาพเป็นคนไร้บ้าน หนีตายหัวซุกหัวซุน คณานางค์ อภิรักษ์ภูเบศ หล่อนเคยเป็นคุณหนูไฮโซ...ที่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไร้แก่นสารไปวันๆ ก็คนมันรวยนี่ เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องใหญ่ บิดามีกิจการพันล้าน ต่อให้กินใช้สุรุ่ยสุร่าย ชั่วชีวิตก็ไม่มีทางหมด...แต่นั่นคืออดีต... อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกที่มีแต่ความวุ่นวาย...ฉะนั้นมันจึงไม่แปลก... หากเศรษฐีจะกลายเป็นยาจก พร้อมกับจำนวนหนี้มหาศาล ซึ่งไม่รู้ว่าจะชดใช้หมดได้เมื่อไร เหมือนดั่งเช่นคณานางค์ หลังบิดาร่วมมือทำงานกับคู่ค้าคนใหม่! ตระกูลดังจากฝั่งอเมริกา...มหาเศรษฐีวัย40ปี ที่หล่อเหลายิ่งกว่าดาราฮอลลีวูดบางคน นายมิเกล บาร์น ไอ้วายร้ายที่ทำให้บ้านเธออับปางลง จนครอบครัวพังไม่มีชิ้นดี พร้อมกับหนี้ท่วมหัว เพราะกิจการของบิดาถูกฟ้องล้มละลาย ข้อหาที่เขายัดเหยียดให้บิดา จนท่านต้องปลิดชีพล้างอายคือ...ฉ้อโกง!! 2เดือนก่อนหน้านี้... คณานางค์ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าบิดาจะเป็นคนเช่นนั้น เธอแทบล้มทั้งยืน หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของคชาบิดา!! มันปุบปับจนตั้งตัวไม่ทัน พร้อมกับข่าวร้ายระลอกหนักยิ่งกว่า....เมื่อเธอไม่มีเงินสักบาทในบัญชีธนาคาร บัญชีที่เคยมีจำนวนเงินเกินเจ็ดหลัก แล้วเธอจะหาเงินที่ไหนล่ะ? เพื่อที่จะเหินฟ้ากลับบ้าน ไปทำพิธีส่งบิดาสู่ปรโลกครั้งสุดท้าย...ในฐานะลูก... เงินในบัญชีของเธอเป็นศูนย์! เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะนี่ หญิงสาวแทบคลั่ง เธอต้องบากหน้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากบรรดาเพื่อนๆ ที่เคยเลี้ยงดูปูเสื่อกันมาตลอด พวกเขาเหน็บแนมเธอให้เจ็บใจแทบกระอักเลือด แต่...ที่ทำได้คือการก้มหน้าทน เมื่อตัวเองจนหนทางจริงๆ “ขอร้องนะแพร เราต้องใช้เงินด่วน” เพื่อนสาวที่ตัวเองคิดว่าสนิทที่สุด หล่อนเบ้ปาก พร้อมกับปรายตามองเธอแบบหยันๆ คำพูดถากถางที่ไม่เคยคิดหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดนั่น ฟังยังไงก็หยอกแสยงในใจ “ให้ยืม!! ...แล้วเมื่อไรเธอจะคืนฉันล่ะนาง...เธอแน่ใจได้ยังไงว่ามีคืน” ข่าวคราวของเธอกำลังดังกระฉ่อน ไม่มีใครในกลุ่มไม่รู้ จึงมีแต่สายตาเหยียดหยามและดูแคลน แต่คณานางค์ไม่คิดว่าเพื่อนที่เธอไว้ใจ จะเป็นไปเหมือนกับคนอื่นๆ ด้วย “ไม่แน่ใจหรอกนะแพร!! แต่ฉันจะพยายาม” หญิงสาวตอบตามจริง เธอไม่รู้ว่าจะหาเงินมาคืนได้เมื่อไร แต่จะไม่มีทางเบี้ยวแน่ๆ “ฉันไม่มีหรอกจ้า บ้านฉันไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเธอนะนาง...ฉันต้องประหยัดเหมือนกัน” หล่อนบอกปัดพร้อมทั้งสะบัดหน้าพรืด!! ใส่จนคณานางค์เดือดปุดๆ บ่อยครั้งที่เธอยื่นมือช่วยเหลือแพรวา โดยไม่คิดเอาคืน เพราะคิดว่าหล่อนคือเพื่อน...แต่เมื่อเธอตกอับ เพื่อนที่สนิทที่สุด ทำกับเธอแบบนี้เหรอ? “ไม่เป็นไรแพร...นางไปล่ะ คงต้องไปหาเพื่อนคนอื่น” เธอหมุนตัวกลับ ป่วยการอ้อนวอนคนที่ไม่คิดจะช่วย แถมจ้องจะทับถม “ชิ! ให้ไปก็สูญนะสิ...” เธอทันได้ยินคำพูดนั่นเข้าพอดี ใจเธอเจ็บแทบกระอัก แต่จะทำอะไรได้...นอกจากทน... “นาง...เรามีแค่นี้ เก็บไว้นะไม่ต้องคืนหรอก” เพื่อนที่ไม่สนิทเลย แค่เห็นหน้ากันในวิทยาลัย’ แต่กลับยืนมือเข้าช่วย แบบไม่ลำเลิกบุญคุณด้วย หญิงสาวก้มหน้าลง เธอซาบซึ้งกับน้ำใจเพื่อน...ในวันที่เธอล้ม วันนั้นเองเธอถึงรู้ เพื่อนกินหาง่าย แต่เพื่อนตายนั่นหายากยิ่ง!! “ขอบใจนะปูน...ขอบใจจริงๆ” ปูน ปริศา เพื่อนที่หน้าตาธรรมดา เอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสือเป็นส่วนใหญ่ เธอเรียนเก่งและไม่สนใจเที่ยวเตร่ เป็นคนเดียวที่คอยเตือนเธอ แต่ช่วงเวลานั้นคณานางค์กำลังเหลิง... “ไม่เป็นไร รีบกลับเถอะ! ท่านกำลังรอนางอยู่” ปริศาได้แต่เตือนสติ หล่อนสงสารเพื่อแต่ช่วยได้เท่าที่ทำได้ “ฉันจะไม่มีวันลืมวันนี้! ความอัปยศทุกอย่างฉันจะทวงคืน” หญิงสาวเอ่ยอาฆาต หลังกำเงินไว้ในมือ หลังจากเพื่อนที่ไม่สนิทหยิบยื่นสตางค์ให้ แต่ใครก็ตามที่ทับถมเธอ จะขอจำไปจนวันตาย... แต่ความคับแค้นทั้งหมดจะถูกสะสางได้หรือไม่ เมื่อตัวเองยังเอาไม่รอด... มีสายตาห่วงใยมองตาม หญิงสาวส่ายหน้า คณานางค์กำลังผูกอาฆาตด้วยใจที่เอนเอียง...จากข่าว...มันเป็นความโชคร้ายของบิดาเธอ แต่มันเป็นวัฏจักรในโลกธุรกิจ มีกลเกม มีเล่ห์เพทุบาย ใครพ่ายคนนั้นคือผู้แพ้ มันต้องมีสาเหตุมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเศรษฐีใหญ่จะพังคลื่นลงมาง่ายๆ ได้อย่างไร...ปริศาได้แต่ถอดถอนใจ และได้แต่เป็นห่วงเพื่อน จากใจจริง... สิบสองชั่วโมงแห่งความทรมาน บนที่นั่งชั้นประหยัด เมื่อเธอมีงบจำกัดในการอาศัยนกเหล็กเหินฟ้ากลับบ้าน แทนที่ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสที่เคยใช้บริการเป็นประจำ ที่นั่งคับแคบ อึดอัด...แถมผู้โดยสารร่วมก็แสนจะโสโครก กลิ่นตัวเหม็นเอียนๆ หมอนั่นนอนกรนครอกๆ ตลอดการเดินทาง “ชึ้ย! ไอ้บ้าเอ๋ย!” หญิงสาวกระทืบเท้าเร่าๆ เธอต้องหารถยนต์กลับบ้าน แต่เพราะงบจำกัดจะให้ใช้บริการลีมูซีนเหมือนเก่าคงไม่ได้ เลยต้องอาศัยแท็กซี่หน้าเลือดกลับมา มันโขกราคาเสียจนเธอแทบจะหมดตัว กระเป๋าลากที่เหลือแค่ใบเดียว เพราะบรรดาเสื้อผ้าที่เคยมี เธอขายแลกเงินไปเกือบหมด เพราะหากนำกลับมาด้วยก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าฝากกระเป๋า สู้เปลี่ยนเป็นสตางค์ยังดีเสียกว่า หญิงสาวถอนใจเฮือกๆ ใหญ่ ยืนมองหน้าประตูรั้วบ้านน้ำตาคลอ... หมายศาล...หมายศาลที่กำหนดวันยึดทรัพย์ชัดเจน...เท่ากับว่าแม้แต่ที่ซุกหัวนอนเธอก็จะไม่มีเหลืออย่างนั้นเหรอ? “คุณหนู!” เสียงร้องเรียกของ คนงานหน่วยรักษาความปลอดภัยตั้งแต่สมัยเก่าแก่ ลุงยามที่ใจดียิ้มแย้มตลอด เวลานี้กลับหน้าดำคล้ำ เขาวิ่งหน้าตื่นมาหาเธอพร้อมกับน้ำตานองหน้า “คุณหนูท่านๆ” เสียงสั่นๆ ไหล่สั่นๆ เธอรับรู้ความเสียใจนั่น จนน้ำตาร้อนๆ หลั่งไหลออกมาทันที “นางรู้แล้วจ้ะลุง พ่ออยู่ที่ไหนคะ?” แม้น้ำตาจะไหลอาบแก้มเธอก็ต้องฝืนยิ้มสู้ หากเธอแสดงความอ่อนแอออกมาอีกคน ทุกคนจะพลอยกังวลไปด้วย “ท่านอยู่ที่วัดครับ เข้าบ้านก่อนเถอะครับ พวกเรากำลังรอคุณหนูกลับมา” สภาพความเป็นอยู่หลังจากผ่านประตูเข้าบ้านเข้ามาได้ เธอเห็นแต่ความทรุดโทรม แทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใดเหลือในบ้านสักชิ้น คฤหาสน์หลังใหญ่จึงดูโล่งๆ พิกล “คุณหนู...” นมย้อย แม่นมของเธอตั้งแต่สมัยเด็ก วิ่งถลาเข้ามาหา พร้อมกับร้องไห้โฮๆ “ท่านๆ “เสียงสะอึกสะอื้นเพราะต่อมน้ำตาแตก ร่วงอวบท้วมสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น “นม นางรู้แล้ว...เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมเป็นแบบนี้” คณานางค์ถามคนใกล้ตัวเสียงสั่น มันปุบปับ จนเธอตั้งตัวไม่ทัน “พวกเราก็ไม่รู้อะไรหรอกค่ะ คุณท่านไม่เคยบอก” นั่นสินะ...เธอจะไปถามหาความจริงจากใครได้? เมื่อมันเป็นเรื่องใหญ่ ที่บิดาคงไม่หันมาปรึกษาคนใต้บังคับบัญชา คนที่รู้ดีที่สุด คงไม่พ้น มิเกล บาร์น ไอ้มหาเศรษฐีขี้ฉ้อ ใส่ไคล้บิดาเธอ จนหมดทางเดิน “ช่างเถอะค่ะ นางอยากไปหาพ่อ” หญิงสาวกลั้นสะอื้น เธอยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้า พูดเสียงแหบแห้ง เพราะก้อนสะอื้นตีตื้นจนจุกอยู่ในลำคอ “ท่านอยู่ที่วัด...แบบ อนาถา” นมย้อยพูดไปร้องไห้ไป ทุกคนที่เหลืออยู่เรี่ยไรเงินทอง เพื่อจัดงานให้ท่าน พร้อมกับรอการกลับมาของคุณคณานางค์ บุตรสาวของคนเดียวของท่าน แต่เป็นแค่คนขายแรงงาน มีเงินเดือนพอยาไส้ ไม่แปลกหรอกหากจะทำได้แค่ตั้งศพท่านไว้ที่วัด ตามมีตามเกิด น้ำตาไหลออกมาจากดวงตากลมโตเป็นสาย โดยไม่ต้องปริปากพูด เธออเนจอนาถตัวเองจริง สมเพชตัวเองด้วย เธอเป็นลูกที่แย่มาก แม้แต่งานศพของบิดาเธอยังไม่สามารถจัดให้สมเกียรติท่านได้ เมื่อตัวเองยังแทบจะไม่มีสตางค์ติดกาย... “เป็นแบบนี้มานานเท่าไรแล้วคะ?” เธอพยายามไม่คิดไกลตัว เมื่อคิดไปก็รังแต่ทำให้ทุกข์ใจ... “2-3 เดือนหลังมานี้ค่ะ ท่านดูหมองๆ แล้วก็เป็นแบบที่เห็น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม