“พ่อ... พ่อคือพ่อโอลิเวอร์ของลูกยังไงล่ะครับ”
โอลิเวอร์ผลักประตูก้าวเข้าไปหาลูกชาย เขาส่งยิ้มอบอุ่นให้เด็กน้อยที่ทำหน้าเหวอ ย่อตัวอ้าแขนออกสบตาสีเดียวกันแล้วพยักหน้าให้ น้องเอื้อนิ่งมองอยู่ครู่หนึ่งริมฝีปากสีสดเบะออกก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดที่แกรอคอยมาทั้งชีวิต พร้อมกับปล่อยโฮลั่น
“คุณพ่อ ฮือ... คุณพ่อเป็นพ่อโอลิเวอร์ของเอื้อจริงๆนะครับ” เจ้าตัวซุกหน้ากับอกอุ่น สองแขนกอดรัดลำตัวหนาไว้แน่น เมื่อถูกกอดรัดตอบหัวใจดวงน้อยก็พองโต น้ำตาไหลพรากออกมาแบบยั้งไม่อยู่ “น้องเอื้อรอคุณพ่อ น้องเอื้ออยากไปหาคุณพ่อ ฮือ... แม่สินีบอกว่าคุณพ่อทำงานอยู่เมืองนอกไกลมาก”
โอลิเวอร์ตื้อในอกขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาซึมเขากอดรัดร่างน้อยแนบอก มือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังที่กำลังสั่นสะท้านจากแรงสะอื้นอย่างเวทนา สิตาภาหลอกลูกว่าเขาอยู่ไกล ปล่อยให้ลูกโหยหาอ้อมกอดของคนเป็นพ่ออยู่นานหลายปี หากไม่บังเอิญเจอสองแม่ลูกเขาคงไม่รู้ว่ามีดวงใจน้อยดวงนี้เฝ้ารออยู่ และลูกก็คงจะรอพ่อเก้ออยู่นานแสนนาน อาจจะนานจนแกเติบใหญ่โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ได้อุ้มชูสายเลือดในอก สายเลือดที่ติดท้องเธอไปในวันที่เขาพร่าผลาญร่างกายเธอ โอลิเวอร์สะท้อนในใจ สิตาภาคงเกลียดเขามากที่ทำร้ายเธอแบบนั้น สิ่งเลวร้ายที่เธอก่อมันทำให้เขาเกิดโทสะจนขาดสติ แรงรักแรงเกลียดสุมแน่นในทรวงจนผลักดันการกระทำอันเลวทรามนั้นขึ้น เขาไม่เข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่ทำไม่ผิด เมื่อความจริงแล้วเขารู้สึกผิดมาตลอด แต่ถามว่าเขายกโทษให้เธอได้ไหม โอลิเวอร์ก็ไม่อาจทำใจให้อภัยกับความร้ายกาจนั้นลง สิตาภายิงพี่ชายเขาจนเกือบตาย หลอกลวงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรักกับความเกลียดปนเปกันจนแยกไม่ออก เขาเกลียดเธอมาก แต่ก็รักเธอฝังใจ ยิ่งตอนนี้ได้รู้ว่าเธอมีลูกชายให้เขา ชายหนุ่มกลับทำใจปล่อยเธอไปไม่ได้ ห้าปีกับการทำตัวเหลวไหล ห้าปีกับหัวใจที่ไม่เคยหายเจ็บปวด เขาอยากหยุดความทรมานนั้นเสียที โดยการให้ต้นเหตุกลับมาชดใช้ความผิดที่เธอทำไว้
“อย่าร้องนะลูก พ่อกลับมาแล้ว พ่อจะมารับน้องเอื้อกับแม่ของลูกไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ ไปอยู่กับพ่อนะลูก” เขาปลอบโยนลูกน้อย ขณะปาดป้ายคราบน้ำตาออกจากพวงแก้มอ่อนใสนั้นอย่างอ่อนโยน
น้องเอื้อฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้ารับในทันทีด้วยความดีใจ “ครับ น้องเอื้อจะไปอยู่กับคุณพ่อ เราไปหาแม่สินีกับเถอะครับ แม่อยู่ในบ้าน” ลูกชายตัวน้อยจูงแขนผู้เป็นพ่อพาเดินเข้ามาในบ้าน
โอลิเวอร์มองไปทั่วตัวบ้านหลังน้อย เขาหยุดดูรูปถ่ายของสองแม่ลูกที่วางอยู่บนชั้นโชว์ข้างผนัง สิตาภาบันทึกภาพพัฒนาการของลูกชายไว้ทุกระยะ ตั้งแต่เกิดจนเติบโตในช่วงปีจนถึงปัจจุบัน ใบหน้างามของเธอแต้มรอยยิ้มน่ามอง ดวงตาดูอบอุ่นอ่อนโยนยามทอดมองเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน ช่วงเวลาดีๆ แสนมีค่าเหล่านั้นช่างน่าเสียดายนัก หากเขารู้เร็วกว่านี้เขาคงได้โอบอุ้มลูกตั้งแต่แกลืมตาดูโลก เฝ้าดูแลมองเห็นทุกย่างก้าวของแกไปพร้อมกัน ลูกคงไม่อ้างว้างว้าเหว่ขอดพ่อมานานขนาดนี้ เขารู้สึกวูบในอกหัวใจทั้งดวงราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นจนเจ็บหนึบไปหมด หัวร้อนร้อนผ่าวแสบพร่าก้อนแข็งๆ แล่นมาจุกอก ชายหนุ่มก้มลงมองลูกชายด้วยแววตาเสียใจก่อนจะอุ้มแกมากอดซบบ่า สองแขนกอดรัดร่างน้อยแนบแน่นอย่างแสนรัก ให้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่มีปล่อยให้ลูกต้องขาดความอบอุ่นอีกแล้ว
“ปล่อยลูกชายฉันมานะ!”
เสียงคุ้นหูของหญิงสาวทำให้โอลิเวอร์หันไปมอง เขาแค่นยิ้มเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยมองเขาอย่างหวั่นหวาด
“น้องเอื้อเป็นลูกของผม” เขามองหน้าซีดๆ ของเธอแล้วกดเสียงหนัก จ้องมองด้วยสายตาเข้มดุ “แกเป็นลูกของเราสิตา”
วาสินีสบสายตาดุดันของชายหนุ่มร่างใหญ่ แววตาของเขามันทำให้คนถูกจ้องสั่นไปทั้งตัว หญิงสาวมองร่างน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างใจหาย ลูกชายของเธอยอมให้คนแปลกหน้าอุ้ม ทั้งๆ ที่เป็นคนหวงตัว กับโจนาธานเพื่อนร่วมธูรกิจของเธอ น้องเอื้อไม่เคยยอมให้แตะตัว ออกฤทธิ์ออกเดชแกล้งอีกฝ่ายสารพัด แต่กลับยอมให้โอลิเวอร์กอดแกอุ้มแก นี่สินะที่เขาเรียกว่าสายใยของความผูกพันทางสายเลือด...
“แม่สินี พ่อโอลิเวอร์มารับเราไปอยู่ด้วยกันครับ” เสียงใสแจ้วของเด็กชายปลุกคนเป็นแม่ให้หลุดจากความหวาดหวั่น “คุณพ่อกลับมาหาเอื้อกับแม่แล้ว ดีใจจังเลย”
วาสินีจุกในอก น้ำตาแทบร่วงเมื่อลูกเทใจให้พ่อของแกหมดดวงตั้งแต่แรกพบ เธอไม่เคยปิดบังลูกว่าพ่อของแกชื่ออะไร แม้ไม่เคยให้ดูรูปเพราะสิตาภาพี่สาวฝาแฝดของเธอซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของน้องเอื้อไม่เคยเก็บรูปถ่ายของพ่อเด็กไว้ แต่วาสินีก็ฝังความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพ่อไว้ในหัวลูก หลังจากสิตาภาคลอดน้องเอื้อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้พี่สาวของเธอไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ด้วยตัวเอง ในฐานะน้องสาวน้าของเด็กชายวาสินีก็ทำหน้าที่ต่างแม่ให้เด็กน้อยตั้งแต่แรกเกิด แม้ไม่ใช่แม่แต่ก็เลี้ยงดูอุ้มชูมาตั้งแต่เล็กความผูกพันมีล้นเหลือจนลืมเลือนสถานะที่แท้จริงไปหมดสิ้น ยามนี้พ่อตัวจริงของเอื้อมาทวงสิทธิ์แล้ว เธอในฐานะแม่กำมะลอจะทำยังไงดีไม่ให้เขาพรากลูกไปจากอกเธอ
“มาหาแม่ก่อนน้องเอื้อ” วาสินีเรียกลูกชายเสียงนุ่ม หวังให้ลูกยอมออกจากอกพ่อมาหาเธอเอง แต่เด็กน้อยกลับกวักมือเรียก
“แม่สินีมาหาเอื้อกับพ่อสิครับ” เด็กชายยิ้มแป้นมองหน้าพ่อของแกอย่างสุขใจ เกิดความคิดอยากเห็นพ่อกับแม่ได้กอดกัน “แม่สินีมานี่สิครับ คุณพ่อแม่สินีดื้อครับ ไม่ยอมเดินมาหาเรา”
เจ้าตัวน้อยทำคิ้วย่น เมื่อเห็นมารดายังยืนเฉย แกอยากให้พ่อกับแม่มากอดแกพร้อมๆ กัน เหมือนที่เคยฝันทุกคืน แม่สินีก็อะไรไม่รู้ เคยบอกว่าคิดถึงพ่อแต่เจอพ่อแล้วไม่มาหาแถมยังทำเสียงดุอีก หรือว่าแม่ไม่รักพ่อแล้ว... เด็กชายแอบใจหาย แม่ต้องงอนพ่อแน่ๆ ที่หายไปนานไม่ยอมกลับมาสักที แบบนี้ต้องให้พ่อง้อแม่สักหน่อย เด็กเจ้าแผนการมองหน้าพ่อแม่พร้อมกับความคิดเล็กในหัววาบขึ้นมา แกก้มลงไปกระซิบบอกผู้เป็นพ่อว่า
“เอื้อว่าแม่งอนพ่อแน่ๆ เลยครับ พ่อไปง้อแม่หน่อยสิครับ”
โอลิเวอร์ละสายตาจากวาสินี หันมาสนใจฟังลูกชาย “ง้อยังไงครับ บอกวิธีพ่อหน่อยสิครับ” เขาเล่นไปตามน้ำ ไม่อยากทะเลาะกับแม่เด็กให้ลูกชายเห็น เกรงลูกจะสะเทือนใจ
วาสินีมองดูลูกชายกระซิบกระซาบส่งเสียงหัวเราะคิกคักกับคนเป็นพ่อ ราวกับสนิทสนมกันมาตั้งแต่เกิด ก็รู้สึกน้อยใจลูกขึ้นมา แค่ไม่ทันพ้นชั่วโมงเจ้าลูกชายก็แปรพักตร์ไปเข้าข้างคนเป็นพ่อแล้ว หากลูกรู้ว่าเธอไม่ใช่แม่คงยอมตามพ่อไปอยู่ด้วย หัวใจโหวงวูบราวกับโดนกระชากหัวใจออกไป เมื่อความคิดนั้นปรากฏในหัว
ไม่... เธอไม่ยอมให้เขาชุบมือเปิบเอาลูกที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกไป ถึงเขาจะเป็นพ่อก็ได้สิทธิ์นั้นมาแบบไม่ชอบธรรม สิตาภาเล่าทุกอย่างในชีวิตให้แฝดอย่างเธอฟัง แม้สิ่งที่พี่สาวเคยทำในอดีตจะไม่ใช่สิ่งดีนัก แต่ในฐานะสายเลือดเดียวกัน เธอก็ยอมรับฟังและให้กำลังใจพี่สาวซึ่งตอนนั้นมีสภาพน่าเวทนาจากการถูกผู้ชายใจร้ายคนนี้ขืนใจ และยังต้องหนีคดีพยายามฆ่าพี่ชายของเขา วาสินีตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งที่เมืองไทยหอบหิ้วพี่สาวฝาแฝดข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ เกาะล้อมรักหรือชาวต่างชาติเรียกเกาะเลิฟซึ่งปัจจุบันถูกสร้างเป็นรีสอร์ตหรูกลางทะเล มีทัศนียภาพงดงามไม่แพ้เกาะใดใด โดยความช่วยเหลือของนายชาญชัยบิดาของทั้งสองที่มาร่วมหุ้นกับโจนาธาน ที่นี่ทำให้สิตาภารอดพ้นจากการตามจับของเจ้าหน้าที่ และกลายเป็นที่พักพิงให้พี่สาวของเธอหลังจากตั้งครรภ์ไม่สมประสงค์จากผลพวงของการถูกขืนใจ