CHAPTER 2
บทบรรยายพิเศษ: เร็น
“ส่งมา”
มันเป็นประโยคสั้นๆ แต่ทว่าได้ใจความและความต้องการ เมื่อร่างสูงเดินเข้าไปยังโต๊ะที่มีสามสาวนั่งอยู่ซึ่งหนึ่งในสามมีคนสติเต็มร้อยเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น เธอก็คือคนที่ผมกำลังพูดด้วย
“เอ่อ...”
แน่ล่ะมันเป็นน้ำเสียงแห่งความไม่แน่ใจของผู้หญิงตรงหน้าผมซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนักแต่สนใจคนข้างกายมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
เมาเหมือนหมา...
“ฉัน..เร็น”
เมื่อผมเอ่ยปากพูดชื่อตัวเองออกไปความกระจ่างและคำตอบคงมาเยือนเธอแล้วแหละ ผมรู้ว่าเธอคิดหนักมากเพราะกลัวหลายๆ อย่าง สมัยนี้ไว้ใจใครหน้าไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละข้อนี้ผมรู้ดี
“คะ คุณไม่ใช่พี่ชายเจ๊?”
เธอเป็นรุ่นน้อง...
งั้นเมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้สินะเป็นคนตอบข้อความผมอีกทั้งยังคิดว่าผมเป็นไอ้รูธอีก การไม่เคยปรากฏตัวให้พวกเพื่อนส่วนน้อยของรุ้งเห็นจึงไม่แปลกนักที่ผู้หญิงคนนี้จะถามแบบนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ผมมาตามรุ้งถึงที่และได้เจอกับเธอ ถ้าจะให้เดาต่อเธอรับรู้เรื่องราวของผมกับรุ้งแต่ไม่รู้มากเท่าไหร่นัก
“เปล่า”
ก็มันไม่ใช่ไง ผมไม่ใช่ไอ้รูธจึงปฏิเสธไปถึงอย่างงั้นก็ยังใช้นัยน์ตาสีดำจับจ้องไปยังร่างเพรียวที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปกปิดร่างกาย สายตาเขาเสมือนไฟอันร้อนระอุที่สามารถทำให้ร่างของเธอแหลกสลายมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
“แต่เป็นคนที่เจ๊รุ้งหนีมาเที่ยว...”
เสียงเล็กพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนแต่น่าชื่นชมนะผู้หญิงคนนี้เก็บอาการได้ดีในระดับหนึ่งซึ่งนาทีนี้ผมไม่ได้ตอบคำถามเธอเป็นน้ำเสียงแค่พยักศีรษะยอมรับจากนั้นก็จัดการกระชากแขนรุ้งทันที
“ลุก!”
“เอ่อ... เจ๊ไม่รู้สึกตัวแล้วค่ะ”
ท่าทีของเธอคงกลัวผมมากมายซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอีกเช่นเคย ผู้หญิงคนนี้ลุกจากเก้าอี้ก่อนประคองร่างอันไร้สติของคนที่ตัวเองเรียกว่าเจ๊ลุกขึ้นยืนแบบโอนเอนไปทางซ้ายทีขวาทีจนผมทนดูไม่ได้ต้องรีบเข้ามาจับตัวรุ้งเอาไว้อีกข้างหนึ่ง
เย็นไว้ๆ
สภาพเมาปลิ้นในครั้งนี้ผมพยายามระงับอารมณ์เอาไว้หลายครั้งแต่ก็ยังแทบทำไม่ได้จนกระทั่งมีมือใหญ่ปริศนาเข้ามาจับลงต้นแขนของรุ้งก่อนที่ยัดร่างเธอเข้ามาในอ้อมกอดของผมเต็มๆ
“ลากไปเองเมียพี่อ่ะ”
นัยน์ตาสีดำตวัดเบี่ยงไปเพื่อเผชิญหน้าด้วยความไม่พอใจทว่าช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสายตานั้นก็เปลี่ยนไปกลายเป็นอ่อนโยนลงมาก “ไอ้กุน” จริงสินี่เป็นถิ่นของมันจึงไม่แปลกที่จะได้เจอกันในรอบหลายเดือน ผู้ชายที่อายุอ่อนจากผมไปสี่ปีแต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ร้ายไม่เลว
อาจยิ่งกว่าด้วยซ้ำ...
“ยังวอนโดนตีนเหมือนเดิมเลยนะมึง” เป็นประโยคแรกที่ผมสวนมันขึ้น ผู้ชายมันก็ต้องรู้จักกับกลุ่มอื่นไว้บ้างซึ่งระหว่างผมกับมันก็เช่นกันถึงไม่สนิทมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ทันความคิดกัน “เที่ยวลากสาวเข้าถ้ำเหมือนเดิม?”
“ผมมาทำธุระต่างหากพี่”
“ธุระห่าเหวอะไรในร้านเหล้า?” ผมก็พูดไปงั้นแหละไม่ได้สนใจอะไรมากนักหรือไม่ได้ต้องการคำตอบจากมัน “กูไปก่อนดีกว่าวะ ”
“โชคดีครับพี่เร็น”
“เออ ไว้เจอกัน”
การเบี่ยงตัวออกมาจากร้าน อีกนิดเดียวเท่านั้นกับการก้าวเท้าถึงรถตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลผู้หญิงในอ้อมกอดดันตื่นขึ้นมาทำท่ากระวนกระวายมือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดปาก
จะอ้วก? จึงไม่แปลกที่ผมปล่อยเธอลงทันทีที่เท้าเหยียบพื้น ลูกคุณหนูผู้ร่ำรวยก็จัดการถอดรองเท้าส้นเข็มราคาหลักหมื่นทิ้งอย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็ก้าวเท้าเปล่าไปอย่างเร่งรีบเพื่อยืนอ้วกแถวแปลงดอกไม้หลังร้าน
อ้วก!
เสียงอาเจียนของรุ้งดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ซึ่งเธอยังอยู่ในสายตาของผมตลอดไม่หายไปไหนแม้เพียงเสี้ยววินาที ผมที่ยังพิงกับรถมองเธอด้วยความใจเย็น
อ้วก!
“หมดไส้หมดพุงแน่นอน”
ถึงแม้ว่าในตอนนี้มือของผมจะเอื้อมไปทางด้านหลังเพื่อคว้าขวดน้ำเปล่าด้านในรถจากทางกระจกแต่สายตาก็ยังอยู่จุดเดิมไม่เปลี่ยน มือเล็กขาวคว้าแปลงดอกไม้เป็นที่ยึดเหนี่ยวพยุงตัวจากนั้นก็ค่อยๆ หันตัวมาประจันหน้ากับผม รุ้งพยายามตั้งตัวเพื่อให้ยืนได้ด้วยตัวเองผมจึงเป็นคนก้าวเท้าเข้าไปหา
แกร๊ก...
มือใหญ่เปิดฝาขวดน้ำทิ้งทันทีที่หยุดเดิน สายตาสีดำมันเย็นชามากจนให้ความรู้สึกขนลุกซ่าไปทั่วทั้งตัว
“เร็น...”
~ซ่า~
น้ำขวดเล็กถูกผมยกขึ้นเหนือศีรษะรุ้งจากนั้นผมก็เป็นคนเทมันกับมือ
“สร่างยังวะ?”
ผมไม่ได้ใจร้ายใจดำแต่ก็ไม่ได้เป็นคนใจดี ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลทั้งนั้นในการกระทำของตัวเองก็เช่นกันแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องบอกใครหน้าไหน การรู้ตัวว่าจะทำอะไรเป็นสิ่งที่ผมยอมรับตั้งแต่แรก...
จบบทบรรยายพิเศษ: เร็น
ของเหลวใสที่มีระดับความเย็นประมาณหนึ่งในตอนกลางคืนไหลหยดจากศีรษะลงใบหน้าลำคอจรดทั้งเสื้อผ้าสภาพเปียกปอนทำให้สติกลับมาได้บ้างเพราะเมื่อกี้การไหลย้อนกลับของของเหลวทำเอาขมปากไปหมดอีกทั้งยังรู้สึกเวียนหัวแทบบ้า ทุกอย่างรอบตัวมันเคลื่อนที่ได้ไปหมดถึงแม้กระทั่งตัวเองก็เหมือนตัวลอยอยู่ในอวกาศ
ฉันมาถึงจุดหนึ่งของชีวิตนี้นั้นก็คือการเมามายที่สุดเท่าที่จะทำได้เกิดมาไม่เคยเมาขนาดนี้มาก่อนถึงเป็นคนรู้ขีดจำกัดการดื่มของตัวเองทว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ การโกงคออาเจียนอยู่แปลงดอกไม้โดยทิ้งรองเท้าราคาแพงสุดรักไว้ข้างหลังเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำวันนี้ได้ทำแล้ว
โคตรใช้ชีวิตคุ้มเลย...
ร่างเพรียวสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความมึนกับหยดน้ำที่ยังเกาะบนใบหน้ารวมทั้งที่ยังหยดจากเส้นผมมาเรื่อยๆ ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำตาลจะจับจ้องไปยังบุรุษร่างสูงโปร่งผิวขาวรับกับสีผมแดงสว่างโคตร สะท้อนกับความมืดสลัวได้ดีเลยล่ะ เพียงชั่วครู่ขาฉันก็เอียงเซไปด้านขวาทีซ้ายทีไม่สามารถบังคับให้มันยืนตรงได้ถึงแม้จะต่อหน้าเขา ไม่ๆ ยังไงก็ต้องยืนนิ่งให้ได้ว่าแล้วสองมือก็คว้ากอบกำแปลงดอกไม้ใหม่อีกครั้งซึ่งคราวนี้มีเศษลำต้นของดอกไม้ติดมือด้วยแต่ฉันก็หาสนใจไม่
“ระ เร็น”