CHAPTER 4
ทุกอย่างกระจ่างขึ้นทั้งหมดแล้วฉันก็ได้คำตอบว่าอะไรจิ้มขาของตัวเองแต่ก็ไม่ได้เงยใบหน้าขึ้นจากแผ่นอกใหญ่ของเร็นถึงจะสนใจเสียงเล็กของเด็กคนนั้น เร็นหยุดการกระทำทุกอย่างลงง่ายๆ แม้แต่มือข้างนั้นเขาก็เอาออกไปจากตัวฉันเรียบร้อยมีเพียงการขยับตัวเบี่ยงไปทางเสียงเด็กคนนั้นนิดๆ ซึ่งฉันเองก็ขยับตัวตาทั้งที่ยังไม่เงยใบหน้าเนิ่นนานราวห้านาทีต่อมความสงสัยก็ยิ่งทำงานเพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
เร็นรังแกเด็กเหรอ?
ใจฉันกระตุกวาบเพราะรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไงไม่มีคำว่าปรานีในพจนานุกรมของเร็นจะมีก็คือความดิบเถื่อนรวมไปถึงการใช้กำลัง
ทำไมเงียบไป?
หัวสมองทำงานคิดโน้นนี่เป็นตุเป็นตะก็เริ่มทำงานขึ้นเรื่องถึงมันจะมาพร้อมกับอาการปวดหัวเนื่องจากความเมาก็ตามในใจฉันยังเป็นห่วงเด็กคนนั้น
“ปล่อย...”
จนกระทั่งเสียงเรียบของเร็นพูดขึ้นอีกครั้ง มือฉันที่ประสานกันรอบเอวเขาก็หลุดออกจากกันอย่างอัตโนมัติทันที ยอมรับเลยว่าฉันไม่สามารถเงยใบหน้าขึ้นสบตาของคนเยือกเย็นอย่างเขาได้จึงได้แต่หลุบสายตามองปลายรองเท้าราคาแพงของเร็นแทนแป๊บเดียวเท้าคู่นั้นก็ก้าวเดินห่างออกไป
“ปะ เป็นอะไรไหมหนู...”
อ้าว?
ไม่มีเด็กยืนอยู่ตรงนี้แล้วเมื่อกี้ฉันได้ยินล่ะมันคือเสียงอะไรถึงฉันจะพยายามกวาดสายตามองรอบตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า
ผีหลอกงั้นเหรอ?
มะ ไม่จริงใช่ไหมคิดแล้วขนก็ลุกซู่ขึ้นภายในใจฉันมันเบาหวิวเท้าเกิดอาการชาก้าวเท้าไม่ออกเลยทำยังไงดียัยรุ้ง การปลอบใจตัวเองจึงเกิดขึ้นพร้อมกับบทสวดต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองฉัน
“นะ โม...”
จึกๆจึกๆ
“เดี๋ยวพี่ทะ ทำบุญไปให้นะ นะคะ...” เสียงสั่นเครือเกิดขึ้น “อะ อย่ามาหลอกกันแบบนี้เลย…”
นิ้วมือเรียวพนมมือขึ้นพร้อมกับอาการสั่นเครือ การหลับตาเพื่อไม่อยากเห็นอะไรก็เริ่มตามมาทันทีจากนั้นก็คงเป็นบทสวด
จึกๆจึกๆ
“นะ น้องบอกแล้วไงเดี๋ยวพี่ทำบุญไปให้...นะ”
“ผมไม่ใช่ผี”
ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างลงก่อนจะลืมตาขึ้นแค่เพียงประโยคเดียวที่มีเสียงเด็กดังขึ้นมาฉันก็เริ่มมั่นใจเพราะมันเป็นโทนเดียวกับน้ำเสียงก่อนหน้า
“แล้วไปไหนมาเมื่อกี้ไม่เห็น?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลพูดขึ้นยามนี้เธอจับจ้องมองไปยังเด็กที่สูงเพียงแค่สะโพก เป็นเด็กผู้ชายอายุไม่น่าจะเกิน 6 ขวบจากการประมาณทางสายตาดูมอมแมมเล็กน้อยสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำ เด็กคนนี้น่ารักมากสำหรับฉัน นัยน์ตาคู่นั้นมีแววของความดีใจซุกซ่อนอยู่เนื่องจากสาเหตุอะไรฉันก็ไม่รู้
“ตามพี่ผู้ชายคนนั้นไปครับ”
“…” ตามเร็นไปเหรอ?
“คนที่กอดกับพี่เมื่อกี้” เสียงตอกย้ำของเด็กทำให้ฉันรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ผิด
“เขาทำอะไรหรือเปล่าน้อง?” เด็กผู้ชายน่ารักไม่ควรตามเขาไป “ไม่นิครับนอกจากใจดีและก็หล่อ”
ฉันไม่เชื่อเร็นใจดีขนาดนี้ไม่มีทางเป็นไปได้จึงใช่สายตาสำรวจร่องรอยบริเวณแขนขาใบหน้าก็ไม่พบกับความผิดปกติจึงเบาใจขึ้นบ้าง
“แล้ว...”
“พี่เขาใจดีมากให้เงินมาตั้งเยอะ” แสดงว่าเมื่อกี้เด็กคนนี้เดินตามเร็นไปเอาเงินงั้นเหรอไม่น่ามีแววตาดีใจขนาดนี้ “แต่พี่เขาไม่เอาดอกกุหลาบผมจึงเอามาให้พี่แทน”
ดอกกุหลาบหนึ่งชื่อถูกส่งมาไว้ในมือฉัน ช่อดอกนี้มีแค่กระดาษหนังสือพิมพ์เป็นสิ่งห่อหุ้มแปลกมากทำไมดูสวยงามมากกว่าช่อที่ขายในร้านแพงๆ
“แต่...”
“ผมไปหาแม่ก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
“น้องๆ น้องๆ”
เด็กชายคนนั้นหยุดแล้วหันมามองฉันทำให้ได้เห็นนัยน์ตาสวยฉายแววความดีใจแบบชัดเจน
“รีบไปหาแฟนได้แล้วครับพี่คนสวย เขารออยู่ที่รถ ^_^ ”
เร็นไม่ได้ฝากมาบอกหรอกนะทุกคนอย่าเข้าใจผิดเขาไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน เด็กชายคนนั้นบอกเพราะความคิดเด็กมันบริสุทธิ์ไม่ได้คิดซับซ้อนอะไรเหมือนผู้ใหญ่คิดแบบนี้ไงคนส่วนใหญ่ที่ล่วงผ่านเลยวัยนี้มาแล้วถึงอยากกลับเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งเพราะโลกของเด็กมันเป็นสิ่งหนึ่งที่สนุกสนานคิดอำรกได้ทำอะไรก็ได้จะวันๆ กินๆ นอนๆ ยังได้เลยขนาดตัวฉันก็เคยคิดแบบนั้น
การเดินมายัง BMW สีตะกั่วคันหรูนั้นใช้เวลาไม่นานหรอกและตอนนี้สายตาของฉันก็พบกับเจ้าของรถที่ยืนพิงท่าทางสบายใจอีกเช่นกันเร็นไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย ชายคนนั้นพูดอะไรบ้างอย่างบวกกับการสูบบุหรี่สลับกันไปมาพวกเขาไม่สนสายตาจากผู้หญิงรอบข้างแม้แต่นิดเดียวถึงจะตกเป็นเป้าสายตามากแค่ไหนก็ตามใช่สิหล่อกันนักรูปร่างดีขายาวกันนักสามารถสะกดสายตาผู้หญิงได้
พวกเขาดูดีไม่แปลกที่จะถูกมอง!
ไอ้อาการหายใจไม่ทั่วท้องประมวลเกิดขึ้นอีกระลอกแล้วฉันกระชับช่อดอกกุหลาบเข้าตัวเองเมื่อร่างกายเกิดการเกร็งขณะเดินเข้าไปใกล้พวกเขาทั้งสองคน นัยน์ตาสีดำตวัดมองมาก่อนจากนั้นอีกสายตาก็ตามมา
“งั้นผมไปก่อนนะเฮียเร็น”
“อือ” เร็นขานรับชายคนนั้นก่อนที่บุหรี่ในมือจะหล่นลงกระทบพื้นเสี้ยววินาทีรองเท้าใหญ่ก็เข้ามาบดขยี้จนบุหรี่มวลนั้นแหลกสลายกับพื้น “แล้วกูจะไปหาไอ้กานต์”
‘กานต์’ เป็นชื่อชายคนนั้นสินะ
“ครับเฮีย”
ขณะนี้มีฉันกับเร็นยืนเงียบท่ามกลางสายตาของคนอื่นไม่ว่าจะชายหรือหญิง ด้านหลังร้านมีอะไรดีนักหนาถึงได้ชอบมาสุ่มหัวกันอยู่แบบนี้ไม่ว่าเปล่าสายตาของฉันก็เงยขึ้นหันไปทางซ้ายทีหันไปทางขวาทีส่วนเร็นเขาก็เงียบสงบ ความเงียบนี้แหละโคตรสำคัญเลย
ความโกรธ
ความเถื่อน
ความเลว
ทุกอย่างมันจะมารวมตัวกันกับผู้ชายที่ชื่อเร็น เขายอมรามือง่ายๆ มันไม่ใช่นิสัยของคนอย่างเร็น การทำอะไรแล้วยังไม่ทำให้อีกฝ่ายกลัวถึงขั้นสุดเรียกได้ว่ายังไม่จบ
“รองเท้า”
“ห้ะ?”
“ไปเอารองเท้ามา”
“อือ”
ฉันพอเข้าใจแล้วจึงหันตัวกลับไปยังรองเท้าที่ตัวเองถอดไว้ก่อนหน้าข้างหนึ่งอยู่อีกที่อีกข้างอยู่อีกที่หนึ่ง มันราคาแพงแต่ฉันไม่ควรถอดทิ้งขว้างแบบนี้หรือเปล่าวะ ความเมามันทำให้ฉันต้องเจอกับสิ่งที่คนสติๆ เขามาทำกันและไม่เลือกทำแน่นอน
“เป็นเต่าหรือไงวะ!”
นั่นไงเสียงตะคอกเกิดขึ้นแล้วฉันจึงรีบคว้ารองเท้าทั้งสองข้างเข้ามาใส่มือจากนั้นก็วิ่งหันตัวกลับก็พบว่าเร็นได้เข้าไปนั่งประจำคนขับเป็นที่เรียบร้อย
“ไม่ใช่คันนี้”
มือฉันชะงักค้างกลางอากาศทันทีที่กำลังจะเปิดประตูรถเข้ามานั่ง
“…”
หมายความว่ายังไง
“อย่างเธอต้องวิน” วินมอเตอร์ไซค์พูดเล่นใช่ไหม “ถึงคอนโดภายในสิบห้านาทีอย่าให้ขาด!”
และแล้วฉันก็ต้องเป็นแบบนั้นทำเหมือนที่เร็นพูดเอาไว้ทุกอย่างเขาเหมือนพระเจ้าชอบลิขิตชีวิตของฉันให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ตามใจเขา สิ่งที่เร็นสั่งมีหรือฉันจะปฏิเสธได้ไม่มีทางแน่ซึ่งตอนนี้การเข้ามาในห้องคอนโดก็ดูเหมือนจะใช้เวลาปาไปเกือบชั่วโมงไม่ใช่ภายในสิบหน้านาทีตามที่ถูกกำหนดเอาไว้
แกร๊ก!
แก้วไวน์ชั้นเริดถูกมือใหญ่แกว่งให้มันเคลื่อนไหวยกให้มันลอยขึ้นกลางอากาศ ไวน์ภายในแก้วสวยเคลื่อนไหวไปมาตามแรงแกว่งอย่างสบายอกสบายใจ ฉันเห็นแค่แผ่นหลังของเร็นเท่านั้นไม่ได้เห็นสีหน้าแววตาของเขาและฉันกำลังจะเดินหลีกเลี่ยงไปยังห้องนอน
“จะไปไหน มานี่”
แม่นเหมือนมีตาหลัง
ฉันเดินเข้าไปหาเร็นที่นั่งอยู่ตรงโซฟากลางห้องก่อนจะทรุดนั่งตรงข้ามหน้าเขาดวงไฟที่ให้แสงสลัวๆ ยังทำให้ฉันเห็นนัยน์ตาสีดำคู่นั้นมันจ้องมองฉันราวกับจะฉีกเลือดฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ แล้วจัดการโยนให้จระเข้กิน
“นายมีอะไร?”
บอกเลยว่าอาการเมาของฉันมันยังไม่หายนะมีเวียนหัวเป็นระยะๆ ถึงไม่หนักมากแต่ก็ไม่ถึงกับสร่างก็แล้วกัน ฉันเลือกหลุบสายตามองไปยังขวดไวน์ราคาแพงแทนการสบสายตาตรงๆ ของเร็น ไม่รู้สิมันรู้สึกยังไงชอบกลขอเลือกความปลอดภัยของตัวเองเอาไว้ก่อน
“คิดบัญชี...”
เพล้ง!
ไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งตัวตอบหรือเอ่ยถามประโยคใดๆ แก้วไวน์ก็ลอยสู่อากาศเพียงเสี้ยววินาทีมันก็ตกกระทบพื้นกระเบื้องของห้องแตกกระจายแทบหาเศษไม่เจอการกระทำแบบนี้มันพอที่จะสื่อได้ว่าอารมณ์เกรี้ยวกราดของเร็นอยู่ในระดับไหน
“ฉันแค่...”
“เธอขัดคำสั่งรุ้ง!” เสียงตะคอกดังขึ้นลั่นห้อง
“แค่อยากเที่ยวบ้าง!”
แควก! กระโปรงฉันถูกมือใหญ่ดึงจนมันฉีกขาดเป็นสองท่อนปลิวออกจากร่างกายทันทีที่ร่างใหญ่ของเร็นก้าวเข้ามาหาประชิดตัวแค่เพียงก้าวเดียวเขาก็สามารถทำลายหมดเหมือนเพียงซับในยิ่งฉันเลือกขยับถอยหลังไปเท่าไหร่ก็เหมือนว่ากำลังถอยเข้าสู่ความมืดมิดที่ไม่สามารถหาทางออกเจอ
“อยากเที่ยวเหรอ?”
แควก!
“เร็นอย่า” ถึงเสื้อด้านบนจะถูกฉีกแยกฝ่ากลางออกจากกันแล้วแต่ฉันก็สามารถคว้าให้มันแนบชิดกันเอาไว้ได้เป็นเพราะการแต่งกายไม่มิดชิดจึงเป็นแบบนี้ “อย่าฉีกเสื้อนะ”
“แบบนี้ใช่เสื้อเหรอวะ?”
หมับ!
มือแกร่งจับตรงข้อเท้าฉันก่อนจัดการบีบมันจนแทบแหลกคามือฉันเลือกถอยแต่เร็นคงไม่เลือกขยับตามอีกแล้วเพราะเสี้ยววินาทีเขาออกแรงกระตุกร่างกายฉันก็ไถลลงมานอนกองแนบชิดกับร่างกายใหญ่ไม่นานนักเร็นก็สามารถคร่อมร่างของฉันกลางโซฟาใหญ่ได้สำเร็จ
“ฉันขอโทษ”
“มันสายเกิน” ข้อดีของเขาก็คือความเฉียบขาดไม่สงสารใครหน้าไหนถึงแม้จะมีคำขอโทษเอ่ยไปแล้วก็ไม่สามารถทำให้เร็นใจอ่อนได้ “ในเมื่อเลือกขัดคำสั่งก็ต้องรับโทษ”
“ฉัน...”
“พูดมากนะรุ้ง” นัยน์ตาสีดำจ้องมองฉันด้วยระยะห่างแค่คืบลมหายใจเป่ารดใบหน้าฉันมันมาพร้อมกับกลิ่นของไวน์บวกกับกลิ่นบุหรี่ “ถอดเสื้อซะ”
“…”
เร็นเขาก็เป็นแบบนี้...เสมอมาไม่เคยเปลี่ยน เขาเห็นร่างกายของฉันเป็นที่บำบัดความใคร่ของตัวเองจะทำยังไงกับมันก็ได้ไม่ว่าความป่าเถื่อนความรุนแรงหรือแม้แต่ความอ่อนโยนเขาจะทำอยู่เสมอถ้าฉันทำอะไรผิดพลาดขัดใจทุกครั้งมันก็จะเกิดความสัมพันธ์แบบนี้ขึ้น ความสัมพันธ์ทางร่างกายโดยที่ไม่มีสถานะไม่มีทางเลือกไม่มีข้อแม้หรือแม้แต่สายตาสงสารก็ไม่มีสำหรับคนอย่างเขาเลย จริงอยู่ว่าการที่ฉันได้อยู่กับเขามันเป็นความฝันของใครหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิงทั่วไปทว่าฉันอยากหลุดพ้นแล้ว
ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว
การตกอยู่ในสถานะแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการตายทั้งเป็นตายแบบยังมีลมหายใจรับรู้สึกได้ทุกอย่างเจ็บปวดรวดร้าวทุรนทุรายเกือบตาย ร้องไห้มากเพียงไหนก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมานักยิ่งร้องก็เหมือนยิ่งแพ้ยิ่งเพิ่มความสมน้ำหน้าความสะใจให้กับผู้ชายคนนั้น
“รุ้ง”
“ไม่แล้วฉันไม่ทำ”เสียงฉันสั่นเครือมันกลั้นน้ำตาความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ไม่ไหวสุดท้ายก็หลั่งเป็นสายน้ำตาไหลลงหางตา “ร่างกายมันเป็นของฉันนะ นายไม่มีสิทธิ”
“เหรอ?”
แควก!
สุดท้ายเสื้อยีนบนตัวก็ขาดออกจากกันการกระชากรุนแรงของเร็นทำเอาเสื้อบาดผิวหนังฉันไปหลายจุดมันรู้สึกเจ็บไม่น้อยกว่าหน้าอกด้านซ้ายเลย
เจ็บซ้ำๆ
“…”
“อย่าท้าทายเธอก็รู้ไม่ใช่?”
จบประโยคใบหน้าเรียวก็ซุกไซร้ลงซอกคอขาวเนียนลิ้นเปียกร้อนชื้นไล่เลียไปทีละนิดราวกับเขากำลังชิมขนมหวานไม่นานเมื่อได้ลิ้มรสความรุนแรงป่าเถื่อนก็เริ่มเข้ามาครอบงำเขาการกัดเม้มเพื่อทิ้งร่อยรอยสีกุหลายช้ำให้ไว้เตือนใจของฉัน ยามนั้นมันช่างเจ็บปวดที่สุดเพราะฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนอนนิ่งๆ ให้ความชอกซ้ำเข้ามาทำลายร่างกายไปทีละนิดๆ สุดท้ายบราเซียซึ่งเป็นด่านปราการสุดท้ายก็ถูกถอดออก
“อึก อือจะเจ็บ”
ไม่ใช่แล้วนะทำไมร่างกายฉันมันปวดรวดร้าวได้มากมายขนาดนี้โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกทั้งสองข้างที่กำลังโดนบีบขย้ำแบบเต็มไม้เต็มมือถึงแม้จะพยายามดิ้นแอ่นมันขึ้นมามากเพียงไหนก็แทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“หึ”
“เร็นฉันเจ็บ มะ มากนะ” มือของฉันคลำสะเปะสะปะไปตามแขนใหญ่ของเร็นกระทั่งถึงฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาที่กำลังออกแรงบีบหน้าอกฉันเป็นว่าเล่น การสอดมือของตัวเองเข้าไปห้ามปรามมันก็ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง “อือ..เร็นไม่เอาแล้วนะ มะ ไม่ขัดคำสั่งอีกแล้ว”
“เหรอ?”
เนื่องจากเขาคร่อมร่างฉันอยู่อีกทั้งมือสองข้างก็ยังทำเรื่องบ้าๆ สิ่งที่จะสื่อกับเร็นได้ก็มีแค่ดวงตาเพราะเร็นกำลังจับจ้องใบหน้าของฉันอยู่เช่นกัน นัยน์ตาสีดำแข็งกร้าวราวกับว่าเขาสะใจเหลือเกินที่ได้ลงโทษฉันลงโทษกับร่างกายฉันด้วยการทรมานขนาดนี้ ลมหายใจมันขาดหวงไปทีละนิดๆ เรี่ยวแรงอ่อนเพลียเริ่มเข้ามาทักทาย
“ไม่ดื้อแล้ว... อือ”
“…”
“เจ็บ...”
ถ้อยคำสุดท้ายออกมาจากริมฝีปากฉันที่เปล่งออกมาแทบไม่ได้ยินทว่าเร็นกลับหยุดการบีบเค้นลงเขาใช้แขนทั้งสองข้างท้าวกับโซฟาคร่อมตัวฉันไว้อีกเช่นเคย
“งั้นก็ถอดเสื้อให้หน่อยเผื่อจะลดหย่อนให้”
“ฉันไม่ไหวนะ” การปฏิเสธเกิดขึ้น
“งั้นก็ตามใจถ้าฉันจะทำตามใจเหมือนเดิม”
“ก็ได้ๆ” เมื่อเห็นว่าข้อเสนอมันรู้สึกเอาตัวรอดได้ระดับหนึ่งฉันจึงต้องคว้าเอาไว้จากนั้นก็ใช้นิ้วมือยื่นไปด้านหน้าเพื่อปลดกระดุมทว่าเสื้อเร็นมันเป็นแบบสวมถ้าไม่เอาแขนที่ท้าวคร่อมร่างฉันออกไม่มีทางถอดเสื้อได้แน่ “แต่ว่า...”
“ฉีกออกเหมือนที่ฉันทำกับเสื้อตัวนั้นของเธอ”
“อือ” การขานรับโดยที่ไม่แน่ใจการกระทำของตัวเองเลยนำมาซึ่งความกดดันให้ฉันมากแต่แล้วฉันก็ทำได้การฉีกเสื้อบนตัวเร็นขาดแยกจากกันแล้วก็ทำให้หลุดออกจากตัวเขา “สะ เสร็จแล้ว”
“ลดให้จากหนึ่งคืนหนึ่งวันเป็นแค่หนึ่งคืน” จากนั้นเขาก็ประกบริมฝีปากลงทาบกับปากฉันลิ้นร้อนๆ ดุดันเข้ามาด้านในโดยที่ฉันไม่ทันเปิดปากด้วยซ้ำไปความช้ำชองของเขาไม่ต้องพูดถึงเพราะมันมีแบบเต็มเปี่ยม ไม่มีการปรานีมีแค่เสียงร้องครวญครางกระเส่าก่อนที่เร็นจะผละออกจากริมฝีปาก “อย่าใสชุดแบบนี้อีกถ้าไม่อยากโดนมากกว่านี้!”