CHAPTER 6
“โอกาส?”
เร็นทวนพร้อมกับขมวดคิ้วราวกับว่าสงสัยกับคำพูดของฉันนักหนาทั้งที่มันมีแค่สามพยางค์เท่านั้นไม่ทำให้สงสัยหรอกทำแบบนี้ก็เพื่อแกล้งโง่
“ใช่คนทำผิดก็ต้องให้โอกาส”
“คิดว่ายังเหลืออยู่ไหมรุ้ง?”
ลืมไปว่าฉันกำลังขอโอกาสผิดคน เร็นไม่สามารถให้สิ่งที่ฉันพยายามร้องขอได้ถึงแม้จะนั่งนิ่งๆ กระพริบตาถี่ๆ ออดอ้อนทำตัวน่าสงสารขนาดไหนก็เปล่าประโยชน์
“…”
เหลือไม่เหลือก็อยู่ที่เขาเป็นคนตัดสินแต่พูดแบบนี้ออกมาแล้วคิดว่ามันจะเหลืออยู่ไหมล่ะ ไม่เหลือแม้แต่ซากแน่ๆ เร็นคงระอากับการกระทำของฉันจนเกินทนแล้ว
“หึ”
เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นภายในลำคอซึ่งมันก็เหมือนเป็นการซ้ำเติมฉันนั้นแหละไม่มีอะไรมากกว่านั้นมันไม่ใช่คำชมเด็กประถมก็รู้ดีโดยไม่ต้องได้สั่งสอนหรือว่าบอกกล่าว
“ไม่ต้องมาทำเสียงเยาะเย้ย”
“ไม่เลย ไม่เยาะไม่เย้ยอะไรสักนิดเดียว”
เร็นหันตัวไปกดเกมส์ต่อด้วยความเมามันสกิลการต่อสู้บนหน้าจอใหญ่ทำให้ฉันเห็นว่าทุกเป้าหมายที่เขาเลงด้วยปืนไม่มีวันพลาดเป้าสักคนเดียว
“เชื่อตาย”
“เข้าใจพูด มันมีแต่ซ้ำเติมและสมน้ำหน้า”
นั่นไงฉันคาดถูกที่สุด
“ตลอดเวลา...ไม่เคยเปลี่ยน”
ฉันไม่ใช่ผู้หญิงดีนิไม่อ่อนหวาน ดื้อรั้นอีกทั้งยังหัวแข็งไม่ฟังใครหน้าไหนคงหาโอกาสยาก
“แสดงว่าเธอชินแล้วสินะ” คำพูดที่ไม่แยแสความรู้สึกคนฟัง “แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“ด้านชามากกว่า” เป็นแบบนั้นจริงๆ “ด้านจนไม่รู้สึกถึงนายจะพูดอะไรต่างๆ นานาเข้ามาทำร้ายความรู้สึกฉันมันก็เปล่าประโยชน์ ฉันไม่มีความรู้สึก”
เพราะโดนทำร้ายมามากมั้งถึงได้กล้าพูดออกไปถึงระหว่างฉันกับเร็น เราทั้งคู่จะรู้ไปถึงไหนต่อไหนทว่ามันกับมีค่าเท่าเศษผงของเถ้าถ่านส่วนน้อยมากที่จะให้ความสำคัญ
“แน่ใจ?”
นัยน์ตาสีดำหันมามองฉันก่อนวางอุปกรณ์เกมลงพื้นอย่างลวกๆ ไม่กลัวพังจากนั้นเร็นก็ล้วงไปกระเป๋ากางเกงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าทางสบายใจไม่สนใจฉันเช่นเคย
ฉันคงทำใจได้แล้วนะในเรื่องความเย็นชาของเร็นแต่ทำไมต้องคาดหวังอยู่ตลอด
“แน่สิ แน่ยิ่งกว่าแน่เสียอีก”
ฉันพูดแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นมานั่งยังเคาน์เตอร์ตรงโซนห้องครัวตามเดิมจากนั้นก็คว้าโทรศัพท์คู่ใจเข้ามากดอ่านบทสนทนาของอีขิมกับยัยปลาต่อก็มีแค่บทสนทนาเรื่องต่างๆ ทั้งวันว่างที่จะนัดรวมกัน เรื่องเครื่องสำอางออกใหม่มีอะไรบ้างจะได้เข้าไปตามซื้อลงท้ายด้วยเรื่องกิน ฉันกดออกจากหน้าจอนั้นเข้ามาดูเฟซบ้างเลื่อนหน้าจอไปหน้าเฟซของตัวเองมีฟีดเรื่องราวใหม่ๆ ก็จะปรากฏขึ้นสำหรับเพื่อนๆ ของตัวเองที่อยากแชร์เรื่องราวต่างๆ มันมีทั้งความดีใจความเศร้าใจและเรื่องของความรักเมื่อเห็นแบบนั้นแล้วฉันก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเพียงแค่เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านหูผ่านตาตัวเองไปตามประสา
กระทั่ง...
เร็นซิ่งอิงตัก กำลังคบกับ R’nest
ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
สายตามันหยุดชะงักกับสิ่งที่ได้อ่านไปโดยอัตโนมัติภายในจิตใจเจ็บจี๊ดบาดเข้าไปลึกๆ ถ้าเลือดสีแดงฉานของตัวเองไหลออกมาได้มันคงทะลักเต็มตัวแทบบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกแล้ว เหมือนร่างกายถูกสาปให้กลายเป็นสิ่งของไม่ว่าจะเคลื่อนส่วนไหนของร่างกายก็ไม่สามารถทำได้เลยมีเพียงไอ้ความรู้สึกหน่วงๆ จากด้านในเท่านั้นที่มันยังทำงานยืนยันว่าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันโคตรเจ็บปวด
การอ่านประโยคนั้นซ้ำๆ ไปมาผ่านหน้าจอโทรศัพท์ในฝ่ามือตัวเองขณะนี้ความจริงมันไม่น่าเกิดขึ้นการโวยวายทำลายข้าวของไม่ก็ปาโทรศัพท์ในมือกระแทกใบหน้าหล่อๆ ให้เกิดความเจ็บปวดบ้างหรือไม่ก็กระชากคอเร็นเข้ามาจ้องหน้าถามไปตรงๆ เลยว่า...
ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?
เคยนึกถึงจิตใจกันบ้างไหม?
ฉันอยู่ด้วยกับเขาทุกวันคืนมันเป็นอะไรสำหรับเขา?
และที่สำคัญผู้หญิงที่เขากำลังขึ้นสถานะมันเป็นใคร?
ทว่าทุกอย่างที่ฉันทำมันกับตรงกันข้ามเลยต่างหากฉันไม่ได้โวยวายถามเขาไม่แม้แต่การหันมองหน้า ไม่รู้อะไรเข้าสิงตัวเองเหมือนกันเย็นได้ขนาดนี้มันไม่ใช่ตัวฉันเลยสักนิด ส่วนในเฟซนั้นอะไรจะเกิดขึ้นก็ช่างหัวมันเถอะเพราะยังไงไม่วันใดก็วันหนึ่งฉันก็คงที่จะได้รู้ การประกาศคบของเขานั้นไม่นานต่อมความเผือกของคนในเฟซมันก็คงจะหาข้อมูลเอามาโพสต์กันเองยังไงเร็นก็เป็นที่รู้จักของสาวๆ ไม่น้อยอีกอย่างเร็นปิดความคิดเห็นในโพสต์นั้นแสดงว่าเขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนเผือกเรื่องของตัวเอง
“ทำห่าเหวอะไรก็เชิญ”
“หึ”
พอได้ยินเสียงนั้นไม่วายฉันหันใบหน้าตึงบ่งบอกถึงความไม่พอใจขั้นสุดไปสบสายตากับเร็นอีกครั้งเขาก็เช่นกันสายตาของระหว่างเราเกิดการฟาดฟันจ้องแบบถ้าทำอะไรได้มากกว่านี้ก็คงเป็นการทำร้ายฆ่ากันตายแล้วแหละ ไม่นานนักเร็นเขาก็เดินหน้าด้านเข้ามาตรงหน้าฉันแขนแกร่งจับเก้าอี้ที่ฉันนั่งทั้งสองฝั่งเพื่อกักตัวฉันเอาไว้
เร็นต้องการให้ฉันเป็นรองหมดทางสู้จนท้ายก็แค่ยอมเขา
“ต้องการอะไร?”
ด้วยความที่ฉันเหนื่อยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้วเพราะสุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการจบแบบเดิมๆ จึงอยากเลี่ยงเท่าที่จะทำได้
“แล้วคิดว่าฉันต้องการอะไร?”
นัยน์ตาสีดำแสดงความแวววาวราวกับต้องการของเล่นสายตาซุกซนมองตั้งแต่ใบหน้าฉันจรดลำคอกระทั่งไปหยุดตรงเนินอกที่โผล่พ้นขอบเสื้อ
“อย่างนายก็ต้องการความชั่วช้านะสิจะอะไรเสียอีก” ความถือดีบวกกับความช้ำใจจากการกระทำของเขาเมื่อสักครู่นั้นพลอยทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเองจะได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้ “ถนัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ก็ถูก...” เสียงทุ้มลากยาวจากนั้นฝ่ามือเรียวใหญ่ราวกับคีบก็เข้ามาจับใบหน้าฉันก่อนลงแรงบีบกรามทั้งสองฝั่งความเจ็บปวดก็โลกแล่นเข้ามาปะทะเยือนกับร่างกายของฉันอีกรอบแล้ว “แต่ยังไม่หมดเพราะอีกสิ่งที่ต้องการคือร่างกายของเธอรุ้ง”
“…”
“ไม่รู้ว่ามันจะพอเมื่อไหร่”
“ฉันไม่ไหว”
การพูดความจริงต่อหน้าด้วยระยะห่างไม่กี่นิ้วนั้นทำเอาฉันหวั่นๆ อยู่เหมือนกันแต่ยังไงก็ต้องพูดความจริง เมื่อคืนฉันพึ่งได้นอนตอนเช้านี่ก็เย็นแล้วมันทำขนาดนั้นไม่ได้
“ฉันไหว” เร็นยืนยัน
ปึก!
“ฉันไม่ไหวนายได้ยินยัง!”
การผลักร่างกายใหญ่ออกจากตัวเพื่อให้มีช่องว่างเอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แบบนั้นทันทีที่ทำได้ฉันก็เดินเข้าไปห้องตัวเองเสี้ยวนาทีที่ปิดประตูนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนัยน์ตาสีดำมองตามเล็ดรอดช่องประตูเล็กๆ กำลังจะถูกปิดด้วยฝีมือของฉัน เร็นเขาดูสบายใบหน้าเรียบไม่ได้บ่งบอกถึงความไม่พอใจหรือว่าแคร์ในสิ่งที่ฉันพูดออกไปสักนิดอีกอย่างมือซ้ายก็ควงโทรศัพท์เล่นเฉยๆ
เป็นฉันเองที่แคร์ผิดคนสินะ
ปัง!
และแล้วประตูก็ทำลายช่องว่างระหว่างฉันกับเร็นทันทีด้วยการกระทำของฉันเมื่อเห็นว่ายังไงมันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา จ้องตากันไปมาแล้วทำไมคนอย่างเร็นไม่มีทางอธิบายชี้แจงหรือแม้แต่คำขอโทษก็ไม่เคยจะได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำไป ร่างเล็กทิ้งตัวพร้อมกับโทรศัพท์ในมือตัวเองร่วงสู่เตียงนุ่มๆ ด้วยความหมดแรงการหลับตาพร้อมถอนหายใจยาวๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียดที่กำลังก่อเกิดขึ้นทว่าทันใดนั้นร่างกายฉันก็ถูกทับด้วยของหนักหน่วงพอลืมตาขึ้นก็เป็นร่างกายของเร็น
“อะ ออกปะ อือ...”
ฝ่ามือใหญ่แทรกแซงเข้าซอกนิ้วเรียวเล็กที่กำลังจะถูกออกมาผลักลำตัวใหญ่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาก็จัดการกับฝ่ามือเล็กให้ระนาบข้างลำตัวทั้งสองข้าง เนิ่นนานร่างกายของฉันให้อ่อนตัวราวกับเทียนไขโดนไฟเผาผลาญ มันมีทั้งความเร้าร้อนผสมผสานกับความดุดันมาเป็นระยะๆ สุดท้ายก็ปนไปด้วยความอ่อนหวานอย่างลงตัว เร็นช่างดูช่ำชองกับเรื่องแบบนี้เหลือเกินทุกครั้งฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เลยซึ่งครั้งนี้ก็เหลือกัน
“เธอปฏิเสธฉันไม่ได้หรอกรุ้ง...”