บทนำ

1383 คำ
“ถ้ารอบนี้มึงไม่ไปอีก กูโดนแม่บ่นหูชาแน่!” เสียงติดรำคาญบ่นออกมาอย่างเอือมระอา ใบหน้าหล่อหันมองคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกพร้อมจ้องด้วยสายตาเอาเรื่อง “ตกลงจะไปไหมไอ้ทัพ เงียบทำห่าอะไรของมึง” ‘นำทัพ’ พ่อเลี้ยงทรงอิทธิพลเจ้าของไร่ชาขนาดใหญ่ที่สุดในเชียงรายชำเลืองสายตามองน้องชายฝาแฝดตรงหน้า “รำคาญว่ะไอ้ขุน!” ร่างสูงกำยำของ ‘ขุนพล’ รีบปรี่เข้ามาหาพี่ชายที่เกิดก่อนแค่ไม่กี่นาทีด้วยความไม่สบอารมณ์ “รำคาญมึงก็ไปดูตัวสักที กูไปสืบมาแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เลวนะ การศึกษาดี หน้าตาพอใช้ได้” “เมื่อไหร่?” ขุนพลยกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจออกมาเมื่อพี่ชายคนเดียวของตนยอมใจอ่อนไปดูตัวผู้หญิงที่แม่ของเขาทาบทามไว้ให้ “พรุ่งนี้ ที่โรงแรมในเชียงราย” “กูหมายถึงมึงจะหยุดแหกปากเมื่อไหร่” “อ้าวไว้เวรนี้! มึงไม่ได้มาโดนแม่บ่นหนิ กูต่างหากที่ต้องรับหน้าแทน” “สมน้ำหน้า เสือกฟ้องแม่เรื่องของกูนัก เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะไอ้ขุน ไอ้น้องเวร!” แฝดคนน้องถึงกับอ้าปากค้างกับคำพูดคำจาหมาไม่แดกของพี่ชาย นี่คงเป็นเหตุผลที่คนตรงหน้าไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้ เพราะเล่นด่ากราดเขาไปทั่ว “หลบดิวะ! มายืนล่อตีนกูอยู่ได้” นำทัพพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ร่างสูงเดินลงมาจากตัวบ้านไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ “ออกรถ” คนขับรถประจำไร่รีบวิ่งมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ ล้อรถเคลื่อนออกจากไร่ชาเพื่อมุ่งหน้าไปสำนักงานใหญ่ในเมืองเชียงราย ใบหน้าหล่อหันมองสองข้างทางด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน “พ่อเลี้ยงจะพักทานอะไรก่อนไหมครับ” “ไม่” “ไม่ทานอะไรรองท้องสักหน่อยเหรอครับ” “ไม่” “แต่อีกนานกว่าจะเข้าเมือง ผมกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะหิว” ไม่มีเสียงตอบ นอกจากสายตาดุส่งมาผ่านกระจกหน้า ชายผิวเข้มที่ทำงานกลางแสงแดดร้อนๆ รีบก้มหน้าขอโทษเจ้านายหนุ่มแทบไม่ทัน “อย่าพูดมากอย่าจุ้นจ้านได้ไหม รำคาญ!” เพียงแค่นั้น ภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ดวงตาคู่คมปิดลงเพื่อพักสายตา สองมือสอดเข้าด้วยกันแล้วนำมาตั้งไว้บนหน้าตัก เอี๊ยดดดดด! โครม!! เสียงล้อรถเบียดถนนดังสนั่น พร้อมกับเสียงรถโดนกระแทกด้วยความรุนแรง ชายหนุ่มรีบลืมตาขึ้น เขาเปิดประตูลงไปดูพร้อมกับคนขับ ชาวบ้านในพื้นที่ต่างมารุมล้อมดูเหตุการณ์ นำทัพฝ่าผู้คนเข้าไปก็พบกับร่างผู้หญิงที่นอนหมดสติจมกองเลือดอยู่หน้ารถของเขา ณ โรงพยาบาล ดวงตาคู่คมทอดมองประตูห้องผ่าตัด ก่อนจะก้มหน้าลงดูคลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ผู้หญิงปริศนาคนนี้เหมือนวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง เธอจงใจที่จะกระโดดมาชนรถของเขา แม่งเอ๊ย! “ญาติคนไข้ครับ” เสียงเรียกของหมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดเรียกความสนใจจากพ่อเลี้ยงหนุ่มให้หันไปมอง ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมสาวเท้าเข้าไปหาด้วยใบหน้าหงุดหงิด “ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ” “ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ หากตรวจอาการแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คงจะสามารถย้ายไปห้องพักฟื้นได้ครับ” “ขอบคุณครับ” หลายชั่วโมงที่นำทัพต้องมานั่งเฝ้าคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อจ้องมองหญิงสาวคนนั้นตาขวางด้วยความโกรธเคือง ตื่นมาเมื่อไหร่โดนเขาด่ากราดแน่! ลุงคนขับรถชะเง้อหน้าดูอาการเด็กสาวบนเตียงก่อนจะรีบหันไปหาเจ้านายเมื่อเห็นเธอลืมตาขึ้นมา “พ่อเลี้ยงครับ เธอฟื้นแล้ว” ร่างกำยำลุกขึ้นจากโซฟา ยืนกอดอกมองตัวปัญหาที่ทำให้เขาต้องมาซวยและเสียเวลาแบบนี้ “ตื่นแล้วก็ดี ลุกขึ้นมาคุยกันหน่อย!” ดวงตาคู่สวยกะพริบตาถี่เพื่อปรับแสงที่ระคายเคือง เธอถูกคนตรงหน้าดึงตัวให้ลุกขึ้นจนต้องร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ ป่าเถื่อนที่สุด! “ฉันเจ็บนะคะ!” “เพิ่งมารู้สึกเจ็บเหรอ! ทีตอนมากระโดดใส่หน้ารถฉันทำไมไม่เจ็บวะ สิ้นคิดฉิบหาย!” คำหยาบคายกระแทกใส่หน้าจนคนตัวเล็กบีบมือเข้าหากันแน่นด้วยความกลัว เธองุนงงไปหมดเมื่อเขาพูดแบบนั้นออกมา “กระโดดใส่หน้ารถเหรอคะ?” “ก็เออนะสิ! ถ้าอยากตายมากทำไมต้องมาเลือกรถฉันด้วย!” “ใจเย็นๆ ครับพ่อเลี้ยง” ลุงคนขับรถประจำไร่รีบเอ่ยห้ามพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาแบบนั้น เขาหันมองเด็กสาวร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นเทาด้วยความตกใจกับเสียงตวาดดังลั่นของเจ้านาย “หรือเป็นมิจฉาชีพ มากระโดดใส่หน้ารถฉันเพราะต้องการเงินใช่ไหม” ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมารัวเร็ว เธองุนงงไปหมดเมื่อคนตรงหน้าพูดถึงการกระโดดใส่หน้ารถ มือเล็กรีบยกขึ้นกุมศีรษะตัวเองแน่นเมื่อเกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นมา “เล่นละครอะไรอีก!” “ปวดหัวค่ะ” “เหอะ จะเสแสร้งแกล้งเจ็บเพื่อเรียกค่าเสียหายเพิ่มใช่ไหม เธอนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ” นำทัพกอดอกมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความโกรธเคืองและจับผิด เขาหัวเสียไม่ใช่น้อยที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ “เอ่อ หนูชื่ออะไรเหรอแล้วบ้านอยู่ที่ไหน” ลุงคนขับรถประจำไร่รีบเอ่ยถามร่างบอบบางบนเตียงด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเห็นเธอส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ “หนูไม่รู้” “อยากตายเหรอมาตอบกวนตีนแบบนี้!” “คุณหยุดตะคอกได้ไหม!” คนตัวเล็กตวาดกลับด้วยความโกรธเคืองไม่แพ้กัน อยู่ๆ จิตใต้สำนึกก็บอกให้เธอโต้ตอบออกไปจนลืมความกลัว ก่อนจะเห็นร่างสูงถลึงตาดุใส่ “งั้นก็บอกมาชื่ออะไร บ้านอยู่ไหนจะได้ให้ญาติมารับ ฉันคงไม่มานั่งเฝ้าเธอได้ทั้งวันหรอกนะ” “ไม่รู้ค่ะ หนูจำอะไรไม่ได้เลย” เธอส่ายหน้าไปมาก่อนจะเจ็บแปลบที่ศีรษะจนต้องกุมขมับตัวเองแน่นอีกครั้ง น้ำตาสีใสไหลออกมาเมื่อความรู้สึกเจ็บสาดเข้าใส่อย่างรุนแรง “โธ่เว้ย! ลุงไปตามหมอมาก่อนที่ฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ทิ้งคามือ!” “ครับ ใจเย็นๆ นะพ่อเลี้ยง” “เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนด้วยความรุนแรง อาจทำให้คนไข้สูญเสียความทรงจำชั่วคราว” สิ้นเสียงนั้นของหมอประจำไข้ทำเอาพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่ชาต้องหัวเสียมากกว่าเดิมหลายเท่า เขาหันสายตามองคนที่นั่งบนเตียงด้วยความหงุดหงิด “แม่ง ซวยฉิบหาย” “อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นครับหากคนไข้ได้สัมผัสถึงสถานที่เดิมๆ หรือเห็นคนรู้จักที่สนิทด้วย ซึ่งก็อาจจะช่วยฟื้นความทรงจำได้ดี” คำแนะนำของหมอทำเอาร่างสูงทรุดนั่งบนโซฟาด้วยความไม่สบอารมณ์ ทันทีที่เหล่าพยาบาลและหมอเดินออกไป ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นเรียกลุงคนขับรถให้เข้ามาใกล้ “ลุงไปถามพยาบาลหน่อยว่าเห็นกระเป๋าหรือของมีค่าที่ติดตัวมาของผู้หญิงคนนั้นไหม” “ได้ครับพ่อเลี้ยง” “คุณขับรถชนฉันเหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อเห็นบรรยากาศในห้องเงียบผิดปกติ เธอหวั่นใจไม่ใช่น้อยเมื่อลุงใจดีเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงคนปากร้ายใจทรามที่นั่งจ้องอย่างกับจะฆ่ากันให้ตาย “ยังกล้ามาถามอีก เธอเป็นคนกระโดดใส่หน้ารถฉัน” “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นคะ” “ถามโง่ๆ ฉันจะไปรู้เธอเหรอ” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น เธอลอบมองคนตรงหน้าตาขวาง เขาหน้าตาดีอยู่หรอกแต่ปากร้ายเหลือเกิน ไม่น่าคบหาสมาคมหรือชวนให้เข้าใกล้เลยสักนิด “คุณชื่ออะไรคะ” “มาเสือกอยากรู้เรื่องของฉันทำไม!” อ่า! ไม่น่าคบหาสมาคมด้วยจริงๆ . . .
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม