ตอนที่ 3
คิดแล้วอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้จริงๆ ถ้าใบหน้าสวยเหมือนกลิ่นหอมที่ลอยเข้าจมูกมา ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาคงไม่ปล่อยให้เนื้อสมันหวานๆ แบบนี้หลุดรอดจากมือไปได้ สมองคมปลาบหมุนคิดว่าทำอย่างไรถึงจะได้เห็นหน้าสาวน้อยตามต้องการ
“เรียบร้อยแล้วครับนาย” อินซอฟเดินมาหยุดตรงหน้านายหนุ่ม มือใหญ่ยื่นกุญแจรถให้ปิยาพัชร “ทีหลังก็ขับรถระวังๆ บ้างนะคุณ ถ้าผมกับนายไม่ผ่านมาคุณจะทำยังไง”
ปิยาพัชรทำแก้มพองลมด้วยความไม่ชอบใจในน้ำเสียงห้าวแข็งที่ได้ยิน แต่ก็รับรู้ด้วยใจว่าที่ชายหนุ่มคนนี้พูดเพราะหวังดีกับเธอจริงๆ หาได้คิดร้ายไม่ เลยรีบสลัดความไม่ชอบใจทิ้งไป
“ขอบคุณนะคะที่คุณทั้งสองคนช่วยเหลือมัด...เอ๊ย!! ไม่ใช่...” ปิยาพัชรเผลอหลุดเรียกชื่อตัวเองออกไป มือเรียวยกขึ้นปิดปากทันควัน ก่อนจะเอ่ยพูดใหม่อีกครั้ง “ขอบคุณนะคะที่คุณให้การช่วยเหลือฉัน ถ้าคุณสองคนไม่ผ่านมาฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไงดี”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เอง ช่วยได้ก็ช่วยกันไป ว่าแต่คุณจะไปไหนหรือครับ โอ๊ะ...อย่าเข้าใจผิดนะครับ” ชายหนุ่มรีบเอ่ยบอกเสียงหวานนุ่มทุ้ม เพราะกลัวลูกกวางน้อยจะตื่นหนีเสียก่อนที่เขาจะได้ลองลิ้มชิมรสหวาน “ที่ถามนี่ ก็เพียงแค่คิดว่า ถ้าหากไปทางเดียวกัน จะได้ขับรถตามกันไปน่ะครับ”
อินซอฟมองหน้านายหนุ่มแล้วให้หวั่นใจแทนสาวน้อยที่เขาเห็นหน้าแวบๆ ในความสว่างของแสงไฟหน้ารถว่าสวยและน่ารักเพียงใด และสำหรับนายเขา ฟารฮาน คอลีฟา ยา อูซาหมัด น้องชายประมุขประเทศซัลจาร์บาเมีย เมื่อต้องการสิ่งใด ไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์กลอย่างไรก็ไม่เกี่ยง ขอให้ได้สิ่งที่ต้องการเท่านั้น
แล้วสาวน้อยคนนี้จะสู้ไหวหรือ ไม่ใช่แค่รับมือกับฟารฮานเพียงคนเดียวนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ยังมีสาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยอยู่เคียงข้างและต้องการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในชีวิตของนายเขาอีกเล่า แค่คิดก็เหนื่อยและหวาดกลัวแทนแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณให้การช่วยเหลือมัด...เอ๊ย!! ...” มือเรียวยกขึ้นปิดปากอีกครั้ง เมื่อเผลอเรียกชื่อตัวเองออกไปตามความเคยชิน “แหะๆ คุณคงไม่ถือนะคะ อีกอย่างแค่คุณสองคนให้การช่วยเหลือดิฉัน แค่นี้ก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้วค่ะ อย่าให้ฉันต้องรบกวนไปมากกว่านี้เลย” ปิยาพัชรเอ่ยปากบอกอย่างเกรงอกเกรงใจ
“ผมว่าคุณพูดตามสบายดีกว่าไหมครับ ผมจะไปโรงแรม ไฮปาร์ค เอ แกรนด์เด้นท์ แล้วคุณ...?”
“ค่ะ มัดหมี่จะไปที่นั่นเหมือนกัน ถ้าไม่เป็นการรบกวนละก็ มัดหมี่ขอขับรถตามคุณไปละกันนะคะ”
แม้จะอยู่ในความมืดมิดของราตรีกาล แต่ฟารฮานกลับรู้สึกเหมือนกับเขาได้เห็นรอยยิ้มกระจ่างสดใสจากคนที่กำลังพูดอยู่ คิดแล้วก็อยากเห็นหน้าสาวเจ้าขึ้นมาจริงๆ น้ำเสียงหวานเหมือนน้ำผึ้งขนาดนี้ ตัวจริงจะสวยและหวานเหมือนเสียงหรือเปล่านะ?
“ได้ครับ” ฟารฮานเอ่ยรับ ทั้งที่ความจริงอยากจะชวนหญิงสาวขึ้นไปนั่งรถคันเดียวกัน แต่ถ้าหากทำเช่นนั้น เท่ากับทำให้กวางตัวน้อยตื่นตัวและหนีหายไป แล้วอีกอย่างในเมื่อหญิงสาวกำลังจะไปที่เดียวกับเขา แล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะสืบหาเรื่องราวไม่ได้น่ะ
ร่างหนายืนมองจนร่างบอบบางเดินไปขึ้นรถด้วยความเสียดาย ยามที่เธอยืนคุยอยู่ด้วยแม้จะพูดตะกุกตะกักบ้าง แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากกายให้ความสดชื่นเป็นยิ่งนัก และอย่างที่ไม่ต้องพูดสิ่งใดมากเพียงแค่ตวัดสายตามองไปยังลูกน้องหนุ่ม เพียงแค่นี้อินซอฟก็รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร
“ครับนาย”
“ทำไมแกมาช้าแบบนี้ฮึยัยมัดหมี่ รู้ไหมฉันรอจนรากงอกแล้วนะ ถ้าขืนเข้างานช้าไม่ได้นั่งโต๊ะหน้าๆ ก็ไม่ได้เห็นเจ้าชายฟารฮานนะแก” สาวน้อยร่างเล็กในชุดสีเหลืองทองพูดเสียงขึ้นจมูก ด้วยความไม่พอใจที่เพื่อนรักเดินทางมาถึงช้า
“ขอโทษนะจันตี เค้าขอโทษ” ปิยาพัชรพูดเสียงหวานเชื่อมและออดอ้อนนิดๆ ให้จันฑีราเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วยังได้ทำงานที่เดียวกันอีกด้วย ใบหน้าขาวสวยกระจ่างสดใสแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอย่างขอลุแก่โทษ ที่ทำให้เพื่อนรักต้องยืนคอยจนขาเคล็ดขาแข็ง
“ว่าแต่ทำไมมาช้ายะ หรือโดนพี่มัดหวายจับได้” จันฑีราถามในสิ่งที่คิดว่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เพราะรู้กิตติศัพท์ความหวงน้องสาวราวกับจงอางหวงไข่ของกัญญาพัชร กว่าที่ปิยาพัชรจะไปไหนได้สักครั้งต้องขออนุญาตและสาธยายถึงที่มาที่ไปอย่างละเอียดรอบคอบและมีเหตุมีผล
จะมีช่วงที่ปิยาพัชรทำงานแล้วนี่แหละ กัญญาพัชรถึงได้ปล่อยน้องน้อยไปไหนมาไหนได้บ้าง แต่ก็ยังต้องบอกกล่าวให้เรียบร้อย ถ้าขืนรู้ว่าแอบทำอะไรลับหลังละก็ โหย...ไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา แค่คิดก็หนาวเข้าไปทั้งแผ่นหลัง...การลงโทษด้วยสายตาที่มองราวกับไม่มีตัวตน ไม่พูดไม่จาทำหูทวนลม แค่นั้นแหละแม่เพื่อนรักที่ต้องการทั้งความรักและความอบอุ่นก็ร้องไห้จนตัวคลอนและรีบเอ่ยปากขอโทษ พร้อมให้สัญญาว่าจะไม่ทำความผิดอีกแล้ว
“บ้าแล้วแก ถ้าพี่มัดหวายจับได้ ฉันจะมายืนสวยเลิศต่อหน้าแกหรือไงยะ ยัยนี่ถามอะไรแปลกๆ ”
“อ้าว...ก็แล้วแกเสือกมาช้าทำไมล่ะ ปกติเห็นเป็นคุณนายผู้ตรงต่อเวลานี่หว่า?” จันฑีราทำเมินหน้าหนี สองมือเล็กเรียวยกขึ้นกอดอก แต่สายตากลับเหล่ลงมองปิยาพัชรพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“โอ๊ะ!! แปลกแฮะ นอกจากวันนี้คุณจันฑีราเพื่อนข้าพเจ้าจะแต่งตัวสวยแล้ว เพื่อนสาวแสนสวยของข้าพเจ้ายังได้ไปหัดเรียนวิชางอนมาด้วยเหรอนี่ โอ๋ๆ แต่ช้าแต่ไม่งอนเค้าน้า...” มือเล็กเรียวยกขึ้นสะบัดไปมาต่อหน้าเพื่อนสาว โดยไม่รู้ว่าอากัปกิริยาและท่าทางการพูดของเธอนั้นได้ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองด้วยรอยยิ้มและความสนใจ
เสียดายว่าสาวน้อยเสียงหวานถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ แต่ด้วยเพราะร่างที่หันข้างให้เลยทำให้ได้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของใบหน้า ถึงจะเป็นเพียงแค่นั้นก็ทำให้ใจฟารฮานหวั่นไหวได้ไม่น้อยเหมือนกัน
ความน่ารักและสดใสที่ได้เห็น เสียงยามพูดจาเสียงเหมือนกับนกไนติงเกลที่ร่ำลือนักว่าหวานใสจับใจ ที่จะเสียดายอีกอย่างก็คือว่างานเลี้ยงคืนนี้จัดแบบให้ทุกคนสวมใส่หน้ากาก เดี๋ยวพอเข้าไปในงานแล้วแม่สาวน้อยก็ต้องสวมใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าสวยๆ เอาไว้
“คนสวยจ๋าไม่งอนเค้าน้า ความจริงตัวเองน่ะต้องคอยปลอบใจเค้ามากกว่า รู้ไหมว่ากว่าที่เค้าจะมาถึงที่นี่ได้นะ เค้า...” น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าแล้วไหลลงอาบสองแก้มอย่างรวดเร็วราวกับสั่งได้ แต่ดวงตากลับพราวระยับเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของคนที่ให้เธอง้อเมื่อครู่ ดวงตากลมโตของจันฑีราเบิกกว้าง และไม่เพียงแค่นั้นปากอวบอิ่มอ้าออกจนช้างเกือบเข้าไปนอนพักอยู่ได้แล้ว
ปิยาพัชรพยายามกลั้นหัวเราะจนท้องแข็งที่จะไม่หลุดอาการเศร้าออกมาให้ได้เห็น แล้วรีบเล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นแต่พลิ้วไหว “เค้าน่ะเกือบขับรถมาไม่ถึงงานแล้วนะ มัน...มันเกยขึ้นไปหมุนติ้วๆ บนฟุตบาท เหลือแค่นี้” มือเรียวยกขึ้นมาทำระยะระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วก้อยประมาณสองเซ็น ใบหน้าสวยซีดเผือด ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นมาแล้วและได้รับการช่วยเหลือจนรอดปลอดภัย และเมื่อต้องมาเล่าด้วยต้องการแกล้งเพื่อนก็จริง แต่หัวใจดวงน้อยก็อดที่จะสั่นขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน
ร่างบอบบางขยับเอนเข้าหาเพื่อนรักอย่างต้องการให้ปลอบโยนเอาใจ “เค้างี้กลัวจนตัวสั่นเลยรู้ไหมจันตี นี่ถ้าไม่มีสองหนุ่มนั่นเข้าไปช่วย ป่านนี้เค้ายังไม่ได้มาหาตัวเองเลยนะ”