ตอนที่ 9

1460 คำ
ตอนที่ 9 อินซอฟดันร่างบอบบางแนบชิดผนังห้อง กักกันไว้ด้วยกายที่แข็งแกร่งและเหนือกว่าในทุกด้าน มือใหญ่ขยับดึงเอาหน้ากากสีเหลืองทองทิ้ง แล้วลากไล้บีบนวดผิวกายเนียนนุ่มแรงๆ พร้อมจับทึ้งดึงเอากระโปรงตัวสวยขึ้นมากองบนลำขาแกร่งที่แทรกระหว่างสองขาเรียว เพื่อตรึงไม่ให้หญิงสาวได้ถอยหนี มือใหญ่ขยำบีบต้นขาด้านในแรงๆ “เมื่อกี้เธอตบหน้าฉันใช่ไหมสาวน้อย นี่ถือเป็นบทเรียนที่เธอสมควรได้รับ” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้กลีบกายบอบบาง กดคลึงเกสรสวาท แม้จะมีแพนตี้ตัวน้อยขวางกั้นอยู่ แต่ความร้อนผ่าวจากมือใหญ่ก็ยังคงแทรกซึมเข้าไปถึงใจกลางกายหญิง ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนบดคลึงกดเม้มเรียวปากนุ่มของคนที่สั่นสะท้านด้วยความหวั่นไหวและหวาดกลัวรุนแรงสลับบางเบา อีกทั้งปลายนิ้วยาวร้อนตวัดไล้กลีบกายบอบบางบ้างสอดแทรกเข้าไปลากไล้ภายใน สลับกับกดคลึงเกสรฉ่ำนุ่ม “อือ...อื้อ...” ลมหายใจสาวน้อยหอบแรง ทั้งกลัวในอารมณ์โกรธของชายหนุ่มที่ปะทุขึ้นจากการที่ถูกเธอทำร้ายและยังจะมีอารมณ์แปลกประหลาดที่ห้อมล้อมรอบเรือนกายอยู่ในตอนนี้ด้วย ขาเรียวยาวสั่นระริก ท้องน้อยแบนเรียบขมวดมุ่นเป็นเกลียวคลื่น และเพียงแค่ริมฝีปากอิ่มเต็มเป็นอิสระ “กะ...แกไอ้บ้า ปะ...ปล่อยฉัน...นะ...ไอ้บ้า!” “หืม...ทำไมฉันต้องปล่อยเธอด้วยล่ะแม่สาวน้อย บอกแล้วไงว่านี่เป็นโทษฐานที่เธอกล้าตบหน้าฉัน จะลองดูอีกสักทีไหมล่ะ ฉันจะได้นอนกับเธอเสียตรงนี้เลย” อินซอฟถามเสียงเข้มอย่างขู่ขวัญเอาไว้ก่อน แล้วระหว่างที่นายมีความสุขกับแม่สาวมัดหมี่ เขาก็จะได้จับแม่สาวร้อนแรงคนนี้ขึ้นเตียงด้วย “แต่แกรังแกฉันก่อนนะ...ฉันตอบโต้แค่นี้แกไม่ควรโกรธ” น้ำเสียงสั่นเทาออกจากริมฝีปากอวบอิ่มและบวมช้ำ ถึงแม้จะกลัวเพียงใด แต่จันฑีราก็ไม่ยอมให้ความกลัวนั้นอยู่เหนือสิ่งใด สมองน้อยๆ หมุนวนเป็นลูกข่างอย่างต้องการเอาตัวรอดจากมือผู้ชายน่ากลัวคนนี้ “แกเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็เข้ามาหาแล้วยังลวนลามฉันอีก ฉันไม่แจ้งความให้ตำรวจจับก็ดีเท่าไหร่แล้ว” น้ำเสียงสั่นเทาพูดอย่างใจดี จนอินซอฟอยากจะยิ้มให้ ทั้งที่ริมฝีปากหนาอุ่นที่ทาบอยู่บนผิวลำคอสัมผัสได้ถึงความตื่นกลัว ใบหน้าคมละจากผิวเนื้อบริเวณลำคอที่เต้นระริกตอบรับริมฝีปากหนา “อันนี้มันก็ช่วยไม่ได้นะสาวน้อย เธอดันน่ารักจนฉันอดใจไว้ไม่ไหวเองต่างหาก แล้วช่วยพูดกับฉันให้ดีๆ และเพราะๆ กว่านี้หน่อยดีกว่าไหม ใช้คำพูดแก...แกนี่มันน่าเกลียดเป็นบ้าเลย” ชายหนุ่มพูดหน้าตายิ้มๆ มือใหญ่ลากไล้บนเรือนกายบอบบางและนุ่มนิ่มอย่างพออกพอใจ แล้วเมื่อเห็นเรียวปากนุ่มอ้าออกคิดว่าน่าจะเป็นการด่าทอเสียละมากกว่า “อ๊ะ...อ๊ะ...ถ้าขืนด่ามาอีกคำนะสาวน้อย รับรองได้ว่าฉันจะรักเธอตรงนี้แหละ” น้ำเสียงเข้มดุและแข็งกร้าวที่ดังจากปากหนาใหญ่ สร้างความตื่นตระหนกให้จันฑีราจนขาเรียวยาวสั่นเทาแทบรับน้ำหนักตัวไว้ไม่ได้ ใบหน้าขาวสวยที่แดงด้วยความโกรธกลับซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจสั่นหวิวเหมือนคนกำลังจะเป็นลมอยู่รอมร่อ “ฉะ...ฉันไม่ด่านายก็ได้ แต่นายช่วยขยับตัวออกไปห่างๆ หน่อยได้ไหม อยู่แบบนี้มัดอึดอัดหายใจไม่ออก” ในเมื่ออยากให้เปลี่ยนสรรพนามก็จะเปลี่ยนให้ แต่ให้เรียกยังไงล่ะ ในเมื่อชื่อก็ไม่รู้จัก หน้าตาหรือก็ไม่เคยเห็นเลยสักนิด เข้ามาถึงก็ลวนลามเอาจนตัวอ่อนระทวยลูกเดียว ดวงตาคมพยายามที่จะสอดส่ายหาทางหนีทีไล่ แต่มองไปทางไหนก็ยังไม่มีหนทางที่จะรอดจากน้ำมือผู้ชายตรงหน้าได้เลย “ไม่ละ ฉันชอบที่จะอยู่แบบนี้มากกว่า” ไม่พูดเปล่าปลายนิ้วยาวเรียวยังลากไล้บนลำคอระหง เรื่อยลงมาตามเนินทรวงขาวผ่อง จันฑีรากลืนน้ำลายลงคอ เสื้อผ้าที่เลือกใส่ในวันนี้ด้วยเพราะชอบในความสวย ถึงจะดูเปรี้ยวนิดๆ ด้วยสีที่เลือกแต่ก็กระชับรูปร่าง แต่กลับกลายเป็นอาวุธที่หันมาทำร้ายตัวเองให้ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก สองมือที่ตอนนี้ไม่ถูกตรึงไว้พยายามจับรั้งให้มือใหญ่หยุดนิ่งกับที่ “เธอชื่ออะไรสาวน้อย” อินซอฟเอ่ยถามชิดผิวกายเนียนหอม มือใหญ่ขยับไล้ไปด้านหลังและดึงซิปที่ค้างอยู่กึ่งกลางแผ่นหลังร่นลงไปกองอยู่ที่สะเอว “ว้าย!! มะ...ไม่นะนาย ยะ...อย่าทำแบบนี้ ฉะ...ฉันขอร้อง” น้ำเสียงสั่นเทาและแหบพร่า สองมือเล็กจับตัวเสื้อให้คงอยู่ที่เดิม แต่กลับถูกมือใหญ่จับแขนเรียวตรึงไว้เหนือศีรษะ ให้ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับอย่างสนิทชิดเชื้อบนทรวงอกอวบอิ่มและเปลือยเปล่า เพราะชุดที่เลือกมาใส่นั้นมีบราในตัวอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ซ้ำอีก “ทำไมล่ะ หืม...” แทนที่อินซอฟจะฟังคำอ้อนวอนและทัดทาน ริมฝีปากหนาอุ่นกลับยิ่งขบเม้มผิวกายเนียนนุ่มและหอมกรุ่นด้วยเครื่องประทินผิวกับผิวเนื้อนาง ปลายลิ้นสากระคายไล้วนรอบผลทับทิม ก่อนจะกลืนกินอย่างเชื่องช้า ผลไม้สีเข้มหวานหอมจับใจ จันฑีราตัวสั่นเทาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองดี คำพูดที่เคยนินทาผู้หญิงหลายต่อหลายคนเรื่องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายจนไม่ทันได้ป้องกันตัวเอง เกิดผลพวงร้ายๆ ตามติดมาก็เพราะตอนที่อยู่แบบนี้สมองมันสั่งการไม่ได้นั่นเอง เหมือนที่เธอกำลังเป็นอยู่นี่ไง ไฟร้อนทาบทับไปทั่วเรือนกาย ขาเรียวยาวสั่นเทา ลมหายใจหอบกระเส่า อยากแต่จะกระโดดลงไปในกองไฟปรารถนาอย่างหักห้ามความต้องการเอาไว้ไม่ได้ “เอาละสาวน้อย คราวนี้บอกได้หรือยังว่าเธอชื่ออะไร” มือใหญ่ลากไล้ลงไปตามเรือนกายนุ่มหอม ด้วยเพราะชุดที่ใส่ตอนนี้ร่นลงไปกองอยู่กึ่งกลางเรือนกาย ทำให้ได้เห็นหน้าท้องแบนราบเรียบที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวของร่างน้อย ปลายลิ้นยาวร้อนผ่าวเหมือนกับถ่านไฟทาบลงไปกดคลึงและกระเซ้าเย้าแหย่ช่องสะดือบุ๋มอีกทั้งบีบนวดผิวเนื้อนุ่มเบาๆ “ถ้าไม่ยอมบอกชื่อจริงมาละก็...ฉันไม่แน่ใจนะว่าไอ้ผ้าที่เธอกำลังใส่อยู่จะหล่นไปกองกับพื้นหรือเปล่า” อินซอฟขู่เสียงนุ่ม ปลายนิ้วก็ขยับเคลื่อนไปด้านหลัง ป้วนเปี้ยนบริเวณขอบแพนตี้ตัวน้อย ใบหน้าคมซบซุกขบเม้มแอ่งชีพจร เคลื่อนขึ้นไปด้านบน จุมพิตลำคอระหงและปลายคางมนอย่างรอฟังคำตอบที่ถามไป แม้อยากจะต่อต้านและหยิบยกเอาชื่อคนอื่นมาบอก แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นด้วยสัญชาตญาณหรือเพราะคำขู่ที่ออกจากปากหนา ถ้าหากไม่ยอมบอกชื่อจริงไป คิดว่าจะต้องเกิดเรื่องราวตามมาอีกมากมายนัก เมื่อถึงวันนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจะจบลงที่ใด ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้ม ฮึดฮัดในหัวใจเล็กน้อย ก่อนจะยอมบอกชื่อจริงออกไป “ชื่อจันฑีรา เพื่อนๆ เรียกจันตี” “จันฑีรา...จันตี...อืมน่ารักดีนะ ส่วนฉันขอยังไม่บอกก่อนนะสาวน้อย แต่รับรองได้ว่าถ้าเราเจอกันครั้งต่อไป เธอได้รู้จักชื่อฉันแน่...” อินซอฟบอกอย่างอารมณ์ดี นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เคยอยากยิ้ม เพราะหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องคอยปกป้องนายที่รัก ทำให้ไม่เคยที่จะมีสายตามองสาวคนไหนมาเคียงข้างกาย ถึงแม้ตอนนี้ก็ยังไม่ควรด้วยซ้ำ เพราะในงานอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่ถึงแม้สมองจะบอกแบบนั้น แต่ใจกลับห้ามปราม ขอเวลาพักกายพักใจกับสาวน้อยเนื้อหอมหวานนามจันฑีรา เพื่อเป็นแรงให้มีกำลังต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาที่จะตามมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม