Chapter 2 มรดกตกทอด 2

1821 คำ
งานเริ่มหลังจากนั้นไม่กี่วัน เบนจามินรับหน้าที่นำข้อมูลทั้งหมดมารายงานเจ้านายอย่างละเอียด บอกตามตรงว่าอิศราไม่ได้สนใจแม้เพียงกระผีก ในหัวของเขาคิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้หน้าที่อันหนักอึ้งนี้สิ้นสุดไปให้เร็ววัน เพราะเป้าหมายหลักของอัลเบอร์โต้ไม่ใช่การทำให้กิจการกามารมย์ทุเรศทุรังนี่เจริญเติบโตงอกงามสร้างรายได้อะไรอย่างนั้น เรื่องพวกนี้หัวหน้าแก๊งมาเฟียอย่างบิดาเขาหาได้ไม่ยากหรอก มีธุรกิจอื่นอีกถมเถ แต่ที่ต้องการให้เขาทำมันคือการรักษาอิทธิพลของตัวเองมากกว่า มันคือศักดิ์ศรีของมาเฟียตระกูลเก่าแก่อย่างฟิโอเรนโซที่ถือครองอำนาจในย่านนี้มานานนม จู่ๆ จะมีมาเฟียหน้าใหม่จากที่ไหนมาปีนเกลียว พยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในขอบเขตของตัวเอง ใครมันจะไปยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกมาเฟียกระจอกที่ใช้ยาเสพติดในการดึงดูดลูกค้า คนพวกนี้ตระกูลฟิโอเรนโซไม่ให้มาหยามหน้าหรอก น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่อิศราพอใจในต้นตระกูลของเขาคือการไม่ยุ่งกับธุรกิจมืด เช่น ยาเสพติดหรือค้าประเวณี ธุรกิจเทาๆ พอทำเนา แต่เขาก็ไม่แฮปปี้อยู่ดีเมื่อต้องมานั่งจับเจ่าที่โซฟาตัวยาวในเลาจน์เพื่อรอรับลูกค้าไฮโซเข้ามาใช้บริการจัดปาร์ตี้เซ็กซ์รูปแบบต่างๆ ตามที่ต้องการ บ้างก็เซ็กซ์หมู่ บ้างก็วิตถาร มั่วซั่วอีรุงตุงนัง น่ารังเกียจชะมัด เบนจามินพยายามพูดให้เขาเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย มันเป็นรสนิยม ถึงสังคงจะไม่เปิดกว้างยอมรับ แต่ลูกค้าพวกนี้ก็กระเป๋าหนัก และเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้าด้วย อีกทั้งยังมีเงินมากพอที่จะจ่ายให้ตำรวจและนักข่าวทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่นับว่าเป็นธุรกิจที่บังคับฝืนใจใครมา เรื่องนั้นอิศราก็เข้าใจ แต่อย่างว่า เขาเกิดจากพ่อที่ไม่รู้จักพอ เห็นชีวิตที่เสมือนนกน้อยในกรงทองของแม่ ใครมันจะไปชอบกันล่ะ น่ารังเกียจคือน่ารังเกียจ “ดื่มอะไรหน่อยไหมครับบอส จะได้ผ่อนคลาย” เห็นอิศราทำหน้านิ่วไม่รับแขก เบนจามินเลยเสนอ อีกฝ่ายชูมือขึ้นโบกน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ ก่อนที่จะถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าที่คลับมีบรรดาลูกค้าทั้งคนไฮโซ ดารานักแสดง คนมีชื่อเสียงต่างๆ ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ใช่...วันนี้มีปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ที่เขาจะต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เริ่มงานก็เจอเรื่องชวนสะอิดสะเอียนเลย อะไรไม่ว่า เขายังจะมาเจอใครบางคนที่ทั้ง ‘คุ้นตา’ และ ‘คุ้นเคย’ อย่างไม่ได้เตรียมใจอีกด้วย ร่างสะโอดสะองในชุดเดรสรัดรูปเดินเซไปเซมาอยู่เบื้องหน้า เส้นผมสีบลอนด์ทองที่เขาเคยหลงใหลมันหนักหนาสยายไปทั่วแผ่นหลัง ดวงตาสีฟ้าคู่สวยที่กำลังจับจ้องไปยังชายมากหน้าหลายตาที่เข้ามาทักทายอย่างสนิทสนมหวนให้ภาพความทรงจำในอดีตหวนกลับคืนมา เธอคือแฟนเก่าของเขาคนล่าสุด มีอาชีพเป็นนางแบบ และ...เป็นคนที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่ประเทศไทยอย่างถาวร ส่วนสาเหตุการเลิกกันนั้นไม่มีอะไรมาก เหตุผลเดียวกับการที่เธอมายืนอยู่ในนี้นั่นละ อิศราเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะมองสักเท่าไร เขาไม่ได้รู้สึกรักใคร่เธอแล้ว เพียงแต่ไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตให้ย้อนกลับมาทำให้ตนหงุดหงิด ทว่าสวรรค์ไม่เห็นใจเขาเอาเสียเลย เพราะพอเขาเสมองไปทางอื่น สาวเจ้าดันหันมาเห็นเขาเข้าอย่างจังพอดี “คาลอส!” ส่งเสียงดังด้วยความดีใจอีกด้วย ทั้งยังสลัดผู้ชายทั้งหมดที่รุมล้อมเธออยู่ถลาเข้ามาหา ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อย่างรวดเร็ว “คุณกลับมาแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” คนถูกทักทายจำต้องเหลือบมองดวงหน้าคมสวย พลันพรูลมหายใจเต็มแรง “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย” “แล้วมีเหตุผลอะไรถึงจะไม่บอกล่ะหืม?” พูดไป ดวงตาก็พราวระยับไป ดวงตาคู่นี้แหละที่ทำให้เขาหลงเธอหัวปักหัวปำในตอนนั้น แต่ตอนนี้ไม่อยากแม้จะมองมัน “ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกทั้งนั้น” เขาว่าเสียงห้วน หากแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะ “โธ่ อย่าบอกนะคะว่ายังโกรธฉันอยู่ ไม่เอาน่า เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้วนะ แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่ ช่วยพ่อคุณดูแลกิจการเหรอ ไหนบอกว่าไม่ชอบธุรกิจครอบครัวไงคะ สุดท้ายก็มาทำอยู่ดี อ้อ แล้วคุณก็จะรู้ด้วยนะว่าที่นี่น่ะสุดยอดไปเลย ฉันชอบมาก มาบ่อย” ร่ายยาวเชียว ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ที่ลอยมาแตะจมูกทำให้อิศรารู้ว่าหญิงสาวพูดด้วยอาการมึนเมา เขาไม่อยากใส่ใจนักหรอก สำคัญไปกว่านั้น เขาอยากออกไปให้พ้นๆ จากตรงนี้มากกว่า ได้ไม่เหยียด แต่ขยะแขยงอย่างไรไม่รู้ “จะไปไหนเหรอคะคาลอส” มือบางคว้าเอาท่อนแขนแกร่งเอาไว้ อิศราหันไปมอง ว่าเสียงเข้ม “ปล่อย” “แล้วคุณจะไปไหนล่ะ” “ฉันบอกให้ปล่อย” เสียงเข้มขึ้นอีกระดับ ดวงตาเรียวประกายวาวโรจน์ ไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไรนัก หากทว่าคนตรงหน้าไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ยังจะเห็นเป็นเรื่องตลก หัวเราะร่าแล้วถลาเอาร่างมาบดเบียดกับท่อนแขนเขา “ทำเป็นคนห่างไกลกันไปได้ ไหนๆ คุณก็มาที่นี่แล้ว เราไปสนุกกันเถอะ ฉันคิดถึงลีลาของคุณแทบทนไม่ไหว” มากระซิบกระซาบเอาประโยคสุดท้าย ทำเอาอิศราอดคิดไม่ได้เลยว่าเขาเคยหลงผู้หญิงคนนี้ไปได้อย่างไร เคยรักไปได้อย่างไร และเคยคิดที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยได้อย่างไร “ถ้าเธอไม่ปล่อย อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เขาไม่ทำอะไรนอกจากการขู่ รู้ว่าถ้ามีปฏิกิริยาอะไรไม่ดีแสดงออกไป คงเรียกสายตาจากลูกค้าคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีแน่ และมันจะมีปัญหาตามมาหลังจากนั้น การขู่จะเป็นการดีกว่า ทว่าไม่ได้ทำให้หญิงสาวปล่อยมือออกจากเขาได้เลย มองหน้าพลางยิ้ม “ไม่เอาน่าคาลอส มาเถอะค่ะ ฉันอยากเอากับคุณจะแย่” คำพูดไม่สมควรหลุดออกจากริมฝีปากสีกุหลาบ อิศราสูดหายใจเข้าปอด เหมือนจะอดกลั้นไม่ไหว ยิ่งเธอยื่นใบหน้ามาซุกไซ้ซอกคอเขาต่อหน้าธารกำนัล เขาถึงกับสติหลุด “ฉันบอกให้...!” ตุ้บ! “กรี๊ด!” อิศราชะงัก เขาพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ ร่าง อวบอัดก็ลอยหวือออกจากเขาเสียแล้ว แทรกเข้ามาแทนที่ด้วยร่างบางของหญิงสาวอีกคนที่มายืนขวางหน้าเขาเอาไว้ “เธอ...” ริมฝีปากหนาครางออกมา หญิงสาวผินหน้ามามอง ไม่พูดอะไร แต่นั่นคือการส่งสัญญาณว่า ‘ไม่ต้องห่วงค่ะบอส ฉันจัดการเอง’ ใช่...บอดี้การ์ดของเขา “แก! แกเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาทำร้ายฉันแบบนี้!” ตั้งหลักจากการถูกหนุ่มๆ ละแวกนั้นพยุงขึ้นมายืนได้ เสียงแหวแหลมสูงก็ดังขึ้นชี้หน้าเมรินดา คนถูกชี้หน้าไม่สะทกสะท้านใดๆ นอกจากจะพูดนิ่งๆ “คุณอิศบอกให้ปล่อย ทำไมไม่ปล่อยล่ะคะ” คุณอิศ...เป็นชื่อที่ใครต่อใครรู้กันว่าคนสนิทจริงๆ ถึงจะเรียก ที่นี่ใครๆ ก็เรียกเขาว่าคาลอสทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่แฟนเก่า ทำให้อีกฝ่ายโมโหหัวเสียมากกว่าเดิมเข้าไปใหญ่ “เรียกกันแบบนี้ เธอเป็นอะไรกับคาลอสไม่ทราบ” “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณนี่คะ” เมรินดาว่าไปตามจริง ไม่เห็นต้องตอบอะไรเลยเรื่องความสัมพันธ์อะไรกับอิศรา จริงๆ ไม่ควรให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือบอดี้การ์ดของเขา อย่างที่อิศราต้องการ เขาไม่ต้องการเป็นจุดเด่น ดังนั้นเธอจึงสวมรอยเป็นอีหนูให้ เรื่องอะไรจะบอกให้เสียงานกันล่ะ และในเมื่อไม่บอก คู่กรณีก็เชิดใบหน้าขึ้น ปรายตามองหญิงสาวชาวไทยด้วยสายตาหยามเหยียดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “อย่างเธอมันก็คงเป็นแค่อีตัวที่คาลอสเลี้ยงไว้นั่นแหละ เฮอะ แล้วนี่โผล่หน้ามาที่นี่อย่างนี้ คงจะมาบริการลูกค้าด้วยสินะ” เมรินดายักไหล่น้อยๆ ไม่ได้ยี่หระกับคำพูดอะไรอย่างนั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ... “อย่ายุ่งกับคุณอิศค่ะ คุณมาจากไหนก็ไปทางนั้น จะได้ไม่มีปัญหา” ทว่ามันกลับกระตุ้นให้ต่อมโมโหของอีกฝ่ายพลุ่งพล่านมากกว่าเดิมไปอีก “ฉันจะยุ่ง เธอจะทำไม คิดว่าทำอะไรฉันได้ก็ลองดู” ท้าทายด้วยการถลาเข้าไปหาอิศรา เอื้อมมือไปทำท่าจะคว้าแขนเขามาควง หากแต่ไม่ไวทันเท่าเมรินดา เพียงแต่ปรายตาเห็นเท่านั้น ร่างบางพลันพุ่งเข้าไปขวางเอาไว้ คว้าเอาท่อนแขนเรียวของสาวเจ้ามาพลิกไปทางด้านหลัง มืออีกข้างกดแผ่นหลังลงต่ำ การถูกจับบิดอย่างนั้นสร้างความเจ็บปวดให้คนถูกกระทำเป็นเท่าตัวจนต้องส่งเสียงกรีดร้องออกมา “โอ๊ย! เจ็บ! เจ็บ!” ไม่ได้ทำให้เมรินดาเบามือได้เลย ยิ่งร้อง ยิ่งกดให้อีกฝ่ายเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกจนไม่มีแม้กระทั่งเสียงจะร้องออกมา พลันว่าเสียงเรียบอีกครั้ง “บอกแล้วไงคะว่าอย่ายุ่งกับคุณอิศ จะได้ไม่มีปัญหา ฉันไม่เตือนแล้วนะคะ” สิ้นเสียงถึงได้ปล่อยให้เป็นอิสระ อีกฝ่ายล้มพับลงไปให้ใครต่อใครแถวนั้นมาหิ้วปีกออกห่าง บรรยากาศแตกตื่นมากทีเดียว ชนิดที่เบนจามินต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์ดีขึ้นเพราะลูกค้าหลายๆ คนเริ่มก่นด่าต่อว่ากันแล้วว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้เสียบรรยากาศ มีแต่เมรินดาเท่านั้นละที่ไม่ยี่หระอะไร หันไปมองหน้าอิศราที่กำลังจับจ้องมาด้วยสายตาอึ้งงัน “ปลอดภัยแล้วนะคะ” หญิงสาวฉีกยิ้มพราย เป็นรอยยิ้มที่สวยจับจิตจับใจมากยามได้เห็นเวลาอื่น ไม่ใช่หลังจากเกิดเหตุการณ์บ้าบอเมื่อครู่นี้ เมรินดาเดินกลับไปประจำการอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ อิศราได้สบตากับเบนจามินอย่างรู้กันว่า...งานงอกเข้าให้แล้วล่ะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม