หกเดือนมาแล้วกับการคบกันของเราทั้งสองคน แม้ว่าการคบกันของเราจะไม่มีใครรู้มากนัก แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหากับเราทั้งคู่ ขอแค่เรารักและเข้าใจกันก็พอ
แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าความสุข ที่หลาย ๆ คนเคยพบเจอ ซึ่งฉันเพิ่งเคยได้รับมัน
ตอนนี้ฉันยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์หลังจากที่หมดคาบเรียน รถเมล์น่าจะออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ฉันคงต้องรอคันใหม่
ก็เลยกดส่งไลน์ไปหาพี่ทราย
(อ้อมรัก: กำลังรอรถเมล์นะคะ เดี๋ยวซื้อขนมเข้าไปให้ที่ร้านพี่โย)
(พี่ทราย: ครับ คิดถึงนะ)
(พี่ทราย: วันนี้เหนื่อยไหม)
(อ้อมรัก: เหนื่อยค่ะ)
(อ้อมรัก: แต่พอคิดถึงหน้าของพี่ อ้อมก็หายเหนื่อยแล้ว)
(พี่ทราย: ขี้อ้อนแบบนี้พี่ถึงรักมากมาย)
(อ้อมรัก: รักมาก ๆ เหมือนกันค่ะ)
“เมื่อไหร่จะเลิกเล่นตัวสักทีล่ะน้องแอ้ม” เสียงของใครบางคนดังมาจากด้านข้างของฉัน ประโยคที่เธอคนนั้นพูดทำเอาหัวใจของฉันกระตุกวูบ
ชื่อที่ฉันใช้ทำงานคนที่มหา’ลัยต้องไม่มีใครรู้สิ มหา’ลัยที่ฉันเลือกเรียนไกลจากบ้านของฉันมาก จะบังเอิญมีคนรู้เหรอ?
“พี่ผักกาด” ฉันเอ่ยชื่อคนพูดเมื่อหันไปมองแล้วเป็นคนที่ฉันรู้จัก แต่ว่าเราไม่เคยคุยกัน
“มันรู้จักมึงด้วยว่ะผัก” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดแทรก เธอคือเพื่อนของพี่ผักกาด คนนี้ฉันไม่รู้จักชื่อของเธอ และเธอมองมาที่ฉันอย่างไม่เป็นมิตร
“แหมะอีแป้ง ใครมันจะไม่รู้จักอีผัก” นี่ก็เสียงของผู้หญิงอีกคนเธอมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่แสดงชัดเจนว่ารังเกียจ ฉันไม่รู้ชื่อของเธอเช่นกัน
“อ้อ อีแป้งมันคงลืมไปว่าอีผักมันใจกว้าง ชอบให้ผัวไปจีบคนอื่น” คนนี้พี่บี รุ่นพี่ที่คณะของฉัน
พวกเธอมากันสี่คน และกำลังยืนล้อมฉันไว้
“พวกพี่มีอะไรกับอ้อมคะ” ฉันรู้ว่าพวกเธอมาหาเรื่อง แต่ฉันไม่ได้อยากมีเรื่อง
“อ้าวนี่น้องชื่ออ้อมเหรอ ไหนพี่ได้ข่าวมาว่าน้องชื่อแอ้ม เป็นเด็กนั่งดริ๊ง และชอบขายบริการ” คนที่ฉันไม่รู้จักชื่อกำลังพูดจาดูถูกฉัน ทั้งที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย
“ถึงจะเป็นรุ่นพี่ในมหา’ลัย แต่ก็ควรพูดจาให้เกียรติคนอื่นด้วยนะคะ” โดนกล่าวหาแบบนี้ ไม่ให้ฉันตอบโต้บ้างมันคงจะไม่ใช่แล้วอะ
ฉันไม่ใช่คนใจเย็นขนาดนั้น
“ปากดีจังนะมึง อีกะหรี่!” คนชื่อแป้งกระชากผมของฉันอย่างแรง
“โอ๊ย… นี่พี่!”
“พวกมึงล็อกแขนมันดิอีเหี้ย” คนชื่อแป้งบอกผู้หญิงอีกสองคน และพวกเธอทั้งสองรีบเข้ามาล็อกแขนฉันไว้คนละข้าง
“มึงจะตบมันไหมอีผัก ถ้าจะตบสั่งสอนก็รีบทำตอนที่ยังไม่มีคนพลุกพล่าน” และคนชื่อแป้งยังถามพี่ผักกาดอีกด้วย
นี่สรุปคือมาเพื่อตบฉันสินะ
“บอกตามตรงนะว่าถ้าเธอง่ายแบบผู้หญิงคนอื่นที่เปลวมันจีบ ฉันคงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ขอร้องเหอะ เลิกเรียกร้องความสนใจโดยการแกล้งไม่สนใจผู้ชายสักที ทั้งที่เธอมันก็คือกะหรี่ดี ๆ นี่เอง”
เพี้ยะ!
สิ้นคำพูดของพี่ผักกาดใบหน้าของฉันก็สะบัดตามแรงตบที่พี่ผักกาดเป็นคนฟาดฝ่ามือ
“ด่าคนอื่นกะหรี่ แล้วที่พวกพี่ทำมันดีนักหรือไง พวกหมาหมู่รังแกคนไม่มีทางสู้”
เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ…
ใบหน้าของฉันสะบัดซ้ายขวาเมื่อโดนพี่ผักกาดตบแบบนับครั้งไม่ถ้วน
“คนอย่างมึงถ้าไม่จำเป็นใครจะลดตัวลงมาแตะต้อง สกปรก ถ้าไม่อยากโดนประจานทั่วมอก็รีบจัดการเคลียร์กับเปลวให้จบ เลิกอ่อยเรี่ยราดสักทีเถอะ ทุเรศ!”
“ถุย! อ้างตัวเองสูงส่ง ที่ทำอยู่นี่คือต่ำกว่าหมานะบอกเลย” ฉันถุยน้ำลายที่ปะปนไปด้วยเลือดใส่หน้าของพี่ผักกาด
“อีอ้อม วันนี้มึงไม่ตายดีแน่ อีกะหรี่ ไม่มีพ่อแม่สั่งสอน!” พี่ผักกาดผลักฉันจนล้มลงกับพื้น จากนั้นพวกเธอก็พุ่งตัวมาเตะฉัน เหยียบฉันด้วยรองเท้าส้นสูงหลายต่อหลายที ฉันยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหมือนจะยาวนานด้วย สำหรับความรู้สึกของฉัน
กระทั่งมีเสียงรถเบรกดังเอี๊ยด และเสียงผู้ชายตะโกนว่า “ทำเหี้ยอะไรกัน!”
ฉันจำได้มันเป็นเสียงของพี่เปลว
จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงพร้อมร่างของผู้หญิงล้มลงข้างฉันทีละคน จนมาถึงคนสุดท้ายคือพี่ผักกาด ฉันเห็นพี่เปลวเดินไปหยุดตรงหน้าของพี่ผักกาด พี่เปลวยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือของพี่เปลวฟาดที่แก้มของพี่ผักกาดอย่างเต็มแรง
“มึงข้ามเส้นกู” คือคำพูดของพี่เปลวก่อนจะผลักพี่ผักกาดล้มลงกองกับพื้น จากนั้นพี่เปลวรีบก้มลงเก็บของที่เป็นของฉันก่อนจะเดินเข้านั่งตรงหน้า ถอดเสื้อช็อปมาคลุมให้ฉัน
“น้องอ้อมรักเจ็บมากไหมครับ” น้ำเสียงที่พูดต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ
“อ้อมอยากกลับบ้านค่ะ” ตอนนี้สิ่งที่รับรู้คือสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา ผู้คนเริ่มหนาแน่นขึ้นจนน่าอาย เพราะคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็คงด่วนสรุปไปว่าตบตีกันแย่งผู้ชาย
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับคนดี” พี่เปลวพยุงฉันให้ลุกขึ้นยืน
“คนดีเหี้ยอะไร มึงตาถั่วเหรอไอ้เปลว อีเด็กนี่มันก็แค่กะหรี่ มึงเห็นกะหรี่ดีกว่าอีผักเหรอ” เพื่อนของพี่ผักกาดตะโกนด่าฉันเสียงดังลั่น เน้นย้ำชัด ๆ กับคำว่า ‘กะหรี่’
“หุบปาก! พวกมึงเตรียมตัวขึ้นโรงพักได้เลย กูจะพาน้องไปแจ้งความ แล้วมึงเตรียมไปเคลียร์กับกูด้วยผัก” พี่เปลวพูดเหมือนคนฟิวส์ขาด ก่อนจะช้อนตัวฉันอุ้มขึ้นพาเดินมาที่รถของเขา โดยที่เพื่อนของพี่เปลวเปิดประตูรถให้
“หยิบทิชชู่มาให้หน่อยนิ่ง” พี่เปลวที่นั่งเบาะหลังข้าง ๆ ฉันเอ่ยกับเพื่อนของเขาที่นั่งอยู่ด้านหน้า
“พี่ขอโทษที่สาเหตุมันมาจากพี่ น้องอ้อมไม่ต้องคิดมากเรื่องข่าวลือนะครับ เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง พรุ่งนี้จะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคนกลุ่มนั้นจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับน้องอ้อมอีก” พี่เปลวบอกพร้อมทั้งดึงทิชชู่มาซับเลือดที่ไหลออกจากปากของฉัน รวมทั้งเลือดตามแขนที่เกิดจากการโดนรองเท้าส้นสูงเหยียบลงมา
นี่แค่ภายนอกเสื้อผ้า ภายในฉันคงต้องกลับไปดูเอง
“พาน้องไปโรงพยาบาลใช่ไหมเปลว” เพื่อนของพี่เปลวถาม
“ไม่ค่ะ อ้อมจะกลับบ้าน ส่งอ้อมตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวอ้อมนั่งรถเมล์กลับเอง” ฉันรีบตอบ
“สภาพแบบนี้พี่ว่าน้องอ้อมรักต้องไปโรงพยาบาลนะครับ” พี่เปลวพูดและมองตามร่างกายของฉัน
“อ้อมไม่ได้เจ็บมากค่ะ อ้อมอยากจะกลับบ้านมากกว่า” ฉันยืนกราน
“ถ้างั้นให้พี่ไปส่งที่บ้านแล้วกัน” พี่เปลวถอนหายใจก่อนจะเอ่ยต่อรอง
“แต่…”
“ถ้าไม่ให้พี่กับน้ำนิ่งไปส่งที่บ้าน พี่ก็จะไปส่งที่โรงพยาบาลแทนและพาน้องไปแจ้งความด้วย น้องอ้อมรักเลือกเอานะครับว่าจะเอาแบบไหน”
“ไปส่งที่บ้านก็ได้ค่ะ ถนน ××× ร้านสัก ×××” ฉันบอกทางไปร้านสักพี่โย ให้พี่เปลวรู้จักแค่ร้านสักพี่โยอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องมารู้จักบ้านของฉัน
และคงเป็นโชคดีของฉันมาก ๆ ที่ฉันไม่ต้องไปทำงานสองอาทิตย์ เพราะว่าป้าออกทริปเที่ยวต่างประเทศ ป้าจึงประกาศปิดร้านสองอาทิตย์ ด้วยว่าไม่ไว้ใจให้ใครดูแลร้านทั้งนั้น แต่ก็มีวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะปรับปรุงร้าน และให้ช่างที่ตกลงกันเรียบร้อยเข้ามาจัดการแล้ว
ซึ่งก็ฉันนี่แหละที่ต้องเทียวไปดูความเรียบร้อยของช่าง พร้อมส่งข่าวให้ป้ารับรู้
อุตส่าห์คิดไว้ว่าจะได้ทำกับข้าว ทำขนมหวานให้พี่ทรายลองกิน กลายเป็นต้องมาเจ็บตัวก่อนเลยฉัน
เจ็บตัวโดยไม่ใช่เรื่องเลยฉัน
แล้วสภาพแบบนี้ ฉันคิดว่าอีกไม่เกิน 3 ชั่วโมงได้ระบมแน่ ถึงเวลานั้นคงเจ็บน่าดู
แต่ว่าก่อนที่ฉันจะคิดไปถึงขั้นนั้น ฉันว่าฉันคงจะลืมคิดไปว่าการกลับบ้านทั้งสารรูปแบบนี้พี่ทรายและพี่โยคงได้ตกใจตาโตกันเลยล่ะ
‘ไม่เป็นไรอ้อมรัก อย่างน้อยป้าก็ไม่อยู่ ป้าต้องห้ามรู้ และกว่าป้าจะกลับรอยแผลตามร่างกายน่าจะหายพอดี’