“ล่อเป็นชุดเอาเสียหมดเปลือกเลยนะชนุสร” ผู้ที่เป็นเจ้านายแซวยิ้มๆ ไม่แสดงท่าทีโกรธดังที่เลขาฯ หนุ่มนึกหวาดกลัว
“เจ้านายไม่โกรธผมหรือครับที่ว่าคุณรวีพร”
ชนุสรเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ ตอนที่รายงานความพฤติของนางแบบสาวให้เจ้านายฟัง เขายังนึกหวั่นๆ ว่าพรุ่งนี้จะเจอเด้งหรือเปล่า
“โกรธทำไม ที่นายพูดมามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”
คำตอบของเจ้านายหนุ่มทำเอาชนุสรงุนงงแปลกใจมากกว่าเดิม “เจ้านายรู้เรื่องนี้ด้วยหรือครับ”
“เราไม่ได้ตาบอดหูหนวกนี่ รวีพรทำอะไรเรารู้เราเห็นหมด เพียงแค่ไม่อยากพูดก็เท่านั้นเอง”
เฟรดร์ดิโค้เอ่ยเสียงเรียบๆ ไร้ความรู้สึก ผู้หญิงไม่ว่าสวยเซ็กซีมากเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้เขาสมองกลวง หลงพวกเธอหัวปักหัวปำ จนมองไม่เห็นเนื้อร้ายที่แฝงอยู่ในกายของพวกเธอเหล่านั้น
ชนุสรฉีกยิ้มแป้นด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำตอบ “ผมนึกว่าเจ้านายไม่รู้เรื่องนี้อีก ว่าแต่ว่าทำไมเจ้านายยังคบกับคุณรวีพรอยู่ล่ะครับ”
“การที่รวีพรเป็นฝ่ายมาหาเราเอง เราไม่เรียกว่าคบ และเมื่อเธอเสนอมาเราก็สนองไป”
เฟรดร์ดิโค้ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระขณะเอ่ยออกมาอย่างทะนง เขาไม่เคยนึกดูถูกเพศแม่ แต่สำหรับผู้หญิงที่เสนอตัวให้กับผู้ชายโดยไม่เลือกหน้า เขาก็ไม่อาจยอมรับคิดจริงจังกับเธอได้ และเมื่อใดที่เขาพบหญิงสาวที่ใช่และรอคอยมาแสนนาน ถึงตอนนั้นผู้หญิงอื่นทั่วทั้งโลกก็ไม่มีความหมายสำหรับเขา
“เอ่อ...เจ้านายครับ ถ้าไม่ต้องการคุณรวีพรก็หาคนอื่นมานวดคลายเมื่อยดีไหมครับ”
เฟรดร์ดิโค้หน้าบึ้ง เมื่อพูดไปพูดมาเจ้าเลขาฯ ตัวแสบก็วกกลับมาเรื่องเดิม
“ออกไปได้แล้วชนุสร”
เสียงกัดฟันกรอดๆ น้ำเสียงที่ตวาดไล่ลอดไรฟัน ช่วยให้เท้าของเลขาฯ หนุ่มเบามากยิ่งขึ้น เขารีบหันหลังกลับวิ่งไปเปิดประตูห้องทำงาน แต่ก่อนจะออกไปก็ไม่วายย้ำเจตนาเดิมของตนที่ได้คิดไว้ก่อนหน้านี้
“เจ้านายอย่าเพิ่งนอนนะครับ อีกสักสองชั่วโมงผมจะหาคนมานวดให้”
“ไอ้ชนุสร!”
หนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานปลิวว่อนไปกระทบกับประตูห้อง พร้อมกับเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหของผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรม
“ถ้าพามาจริงๆ พรุ่งนี้นายได้ถูกหักเงินเดือนแน่”
เฟรดร์ดิโค้บ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง พอทุกอย่างในห้องทำงานหรูตกอยู่ในความสงบอีกครั้ง เขาก็เพ่งสมาธิสนใจแค่เพียงงานที่กองอยู่ตรงหน้า
20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศไทย...ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
อัลรีน่าตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ เมื่อเจ้านกยักษ์ติดตราสัญลักษณ์ดอกจำปีซึ่งได้แหวกม่านเมฆพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเล ได้ปล่อยล้อแตะกับรันเวย์อย่างนุ่มนวลสง่างาม อีกไม่กี่นาทีเธอก็จะได้เหยียบแผ่นดินเกิดของมารดาแล้ว สิ่งแรกที่เธอตั้งใจไว้สำหรับการได้แตะสัมผัสแผ่นดินสยาม คือการเข้าไปชมความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของประติมากรรมรูปปั้นยักษ์ทั้ง 12 ตนที่จำลองมาจากยักษ์ในวัดพระแก้ว
และเมื่อเวลาที่รอคอยมาถึง ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว อัลรีน่าก็รีบวิ่งปรี่ตรงดิ่งไปยังเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ทันที หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความตื่นตาตื่นใจกับความน่าเกรงขามของยักษ์ตนแรกที่ได้เห็น ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดวงตาสีอ่อนใสเต้นระริกมันระยับกับอิสรภาพที่ตัวเองได้รับเมื่อเดินทางมาถึงแผ่นดินแม่
เพราะมัวแต่ชื่นชมเทพอารักษ์ขาทั้ง 12 ตน ทำให้อัลรีน่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับมารดาเสียสิ้น หญิงสาวไม่รู้เลยว่ากิริยาของตัวเองเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมาในบริเวณเดียวกันโดยเฉพาะเหล่ามิจฉาชีพที่แต่งตัวดีดูภูมิฐาน แต่ซ่อนความร้ายกาจไว้ข้างในลึกๆ ซึ่งได้จับจ้องมอง และเดินตามหญิงสาวอยู่ห่างๆ แม้กระทั่งตอนที่เข้าร้านหนังสือ มิจฉาชีพคนนี้ก็ทำเป็นเข้าไปเลือกหนังสือในร้านด้วย
‘หนังสือนำเที่ยวเมืองไทยฉบับภาษาอังกฤษ’ คือสิ่งที่อัลรีน่าต้องการมากที่สุด การเดินทางแบบฉุกละหุก เตรียมตัวเตรียมข้อมูลของแผ่นดินไทยไว้ไม่มาก จำเป็นต้องอาศัยไกด์ที่เป็นตัวหนังสือร้อยเรียงบนแผ่นกระดาษสีสวย เพื่อให้การเดินทางไปหาคุณยายที่บ้านสวนเป็นไปอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
“ไหนดูสิ มีโรงแรมที่ไหนน่าพักบ้าง”
ขณะที่เอ่ยถามตัวเองอัลรีน่าก็พลิกหน้ากระดาษมันสีสวยไปเรื่อยๆ เพื่อหาโรงแรมห้าดาวหรือโรงแรมชื่อดังมากพอที่จะขึ้นโชว์หราในหนังสือท่องเที่ยวได้ หญิงสาวไม่เป็นห่วงเรื่องราคาที่พักเพราะจำนวนเงินที่มีติดตัว ติดบัญชีธนาคารที่สามารถถอนได้ทั่วโลก มีมากพอที่จะให้เธอพำนักพักพิงอยู่ในเมืองไทยเป็นปีๆ
“เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม โรงแรมเกินมาตรฐานห้าดาวหนึ่งเดียวในเมืองไทย อืม...น่าสนใจดีนี่”
อัลรีน่าพึมพำกับตัวเอง พลางกวาดสายตาอย่างรวดเร็ว เพื่ออ่านรายละเอียดของโรงแรมชื่อดังที่โฆษณาไว้ในหนังสือนำเที่ยว
“โรงแรมดังแบบนี้จะมีห้องว่างหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสกวาดมองไปยังเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพาย
แต่ทว่าการนำโทรศัพท์ติดตัวมาโดยยังไม่ได้เปลี่ยนเครือข่ายสำหรับการใช้โทรศัพท์ต่างประเทศทำให้โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กไม่มีสัญญาณไม่สามารถใช้การได้ หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงแทนกระเป๋าสะพาย ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปยังโทรศัพท์สาธารณะ เพื่อโทรสอบถาม เผื่อว่ามีห้องว่างเธอจะได้จองไว้ ก่อนที่จะเดินทางไปถึง
อัลรีน่ากดหมายเลขตามที่ปรากฏในหนังสือนำเที่ยวพลางเคาะนิ้วกับตู้โทรศัพท์อย่างใจเย็น ขณะรอเสียงอัตโนมัติของโรงแรมที่บันทึกได้ถึงสี่ภาษามีทั้งไทย อังกฤษ จีนและญี่ปุ่น กว่าจะได้ยินเสียงหวานๆ ของประชาสัมพันธ์กล่าวสวัสดี เล่นเอาเธอต้องรอนานหลายนาทีเหมือนกัน
“เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม ใช่ไหมคะ ดิฉันจะจองห้องพักค่ะ”
อัลรีน่าบอกความต้องการอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกว่าเริ่มเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการเดินทางยาวนานหลายสิบชั่วโมง
“ด้วยความยินดีค่ะ ไม่ทราบว่าดิฉันกำลังเรียนสายกับคุณอะไรคะ”
อัลรีน่าตีหน้าเมื่อยกับเสียงหวานๆ จนเกือบเอียนของประชาสัมพันธ์ ซึ่งซักถามในสิ่งที่เธอไม่อยากบอกไม่อยากเอ่ยพูดให้ยืดเยื้อสักเท่าไหร่
“ชื่ออัลรีน่า มีห้องสูทว่างไหมคะ”
“ค่ะคุณอัลรีน่า ห้องสูทมีว่างอยู่สองห้อง ไม่ทราบว่าจะจองเลยไหมคะ”
‘ถ้าไม่จองจะโทรมาถามให้เมื่อยทำไม’ อัลรีน่าบ่นงึมงำอยู่ในใจ ก่อนจะตอบเสียงราบเรียบ
“จอง พักหนึ่งสัปดาห์”
เผื่อไว้ก่อนแล้วกัน เผื่อว่าอยากอยู่เที่ยวกรุงเทพฯ บ้านเมืองอันแสนศิวิไลซ์ ซึ่งติดอันดับหนึ่งในร้อยของเมืองที่น่าอยู่ ก่อนที่จะเดินทางไปหาคุณยายที่สมุทรสงคราม