ตอนที่2ข้อต่อรอง

1357 คำ
เมียครับ 2 วาวา สถานการณ์ตรงหน้าทำให้ฉันเกิดความสับสน ความรู้สึกตอนนี้ทั้งกลัว ทั้งไม่เข้าใจและยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ผู้ชายคนนั้นพาตัวฉันมาจากมหาวิทยาลัยก่อนจะนำตัวฉันมายังร้านของพี่วาดีลซึ่งตอนนี้ภายในร้านเต็มไปด้วยชายชุดดำ ส่วนลูกน้องของพี่วาดีลถูกจับมัดร่วมกลุ่มกันอยู่ตรงกลางร้าน “คุณวาวา!” ทุกคนต่างเรียกชื่อฉันเมื่อเห็นฉันโดนคุมตัวเข้ามา ฉันค่อนข้างสนิทกับลูกน้องในร้านพี่วาดีลเพราะถ้าวันไหนว่าง ฉันก็จะแวะมาบ่อยๆ ถึงฉันจะไม่ดื่มเหล้าและเที่ยวสถานที่แบบนี้แต่สำหรับร้านของพี่ชายตัวเองเป็นกรณียกเว้นเพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้การดูแลของพี่วาดีล ฉันจึงมั่นใจว่าปลอดภัย “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ?” ฉันมองทุกคนสลับกับเจ้าของใบหน้าหล่อด้านข้าง เขาไม่ตอบแต่กลับดันฉันไปทางลูกน้องเขา “ขออนุญาตนะครับ” ในขณะที่ฉันยังยืนงง ผู้ชายชุดดำคนหนึ่งก็เอาเชือกมามัดมือฉันไว้ด้วยความชำนาญ “โอ๊ย!” ความเจ็บตอนเขาดึงเชือกทำให้ฉันเผลอร้องออกมาจนลูกน้องพี่วาดีลต่างตกใจและมีการโวยวายขึ้น “คุณวาวาเป็นอะไรรึเปล่าคะ” “เฮ้ย พวกคุณควรปล่อยคุณวาวาไปนะ เธอไม่เกี่ยวสักนิด” ถึงฉันจะยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้แต่คิดว่าถ้ายิ่งขัดขืนอาจจะยิ่งแย่ ฉันเลยเลือกที่จะยิ้มบางๆ ให้ลูกน้องพี่วาดีลและหันไปพูดกับร่างสูงด้านหลังด้วยความใจเย็น “วาไม่เป็นไรค่ะ ส่วนคุณ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยคะ การกระทำของคุณมันทำให้คุณดูเป็นคนเลวนะคะ” สันกรามคมขบเข้าหากันแน่นก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเดินไปกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เอ๊ะ หรือฉันพูดอะไรผิดไป “กูจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ไอ้วาดีลอยู่ไหน!!” เสียงเข้มตะโกนถามดังลั่น ผู้ชายคนนี้กำลังตามหาพี่วาดีลอย่างนั้นเหรอ “ตอบมา!!” เสียงทรงพลังฟังดูน่ากลัวจนฉันเผลอสะดุ้ง แต่ต้องทำเป็นสงบนิ่งเมืองเหลือบไปมองลูกน้องพี่วาดีลบางคนที่กำลังนั่งตัวสั่นกันอยู่เพื่อไม่ให้พวกเขาตื่นกลัวไปมากกว่านี้ “ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ คุณปล่อยพวกเขาไปเถอะ” ฉันเป็นคนตอบออกมา สิ่งที่ฉันรู้เป็นเรื่องจริง ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าพี่วาดีลหายไปไหนแม้กระทั่งตัวฉันเอง “หึ มานี่ดิ” ผู้ชายคนนั้นยกยิ้มมุมปาก กวักมือเรียกฉันให้เข้าไปหาแต่ฉันยังคงยืนนิ่งไม่ยอมเดินเข้าไปหาเขา “กูบอกให้มานี่!” เสียงตวาดดังลั่นอีกครั้ง ฉันยืนตัวแข็งทื่อ หลับตาปี๋ด้วยความตกใจจนกระทั่งลูกน้องของเขาเข้ามาลากฉันให้ไปหยุดยืนตรงหน้าเขา “นั่งลง” “...” “บอกให้นั่งลงไงวาวา” “เราควรคุยกันด้วยเหตุผลนะคะ” ฉันทำใจดีสู้เสือ ลองคุยกับเขาแบบสันติดู ถึงแม้ภายในใจจะทั้งสั่นทั้งกลัวก็ตาม “ฉันไม่สนอะไรพรรค์นั้นหรอก ตอนนี้ฉันอยากรู้ว่าไอ้วาดีลมันอยู่ไหน!!” ฉันสะดุ้งอีกครั้ง พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครตะคอกฉันแบบนี้เลย “จัดการดิ” ผู้ชายคนนั้นหันไปสั่งลูกน้องก่อนที่ลูกน้องของเขาจะใช้ปืนจ่อศีรษะพี่ปิงผู้จัดการร้าน ฉันหันไปมองด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงขั้นนี้ “คุณหยุดนะคะ ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ” ผู้ชายจอมโหดคนนั้นไม่สนใจหันมามองฉันแม้แต่น้อย เขาหันไปพูดเสียงเย็นใส่ลูกน้องพี่วาดีลแทน “กูจะให้โอกาสพวกมึงเป็นครั้งสุดท้าย” พี่ปิงตัวสั่นพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มแถมตรงมุมปากยังมีรอยฟกช้ำ ภาพนั้นทำให้ฉันลืมกลัว รีบวิ่งออกไปหมายจะเข้าไปช่วยเขาแต่ก้าวขาได้ไม่ถึงสองก้าว ตัวฉันก็ถูกคว้ากลับมานั่งลงบนตักแกร่งของคนด้านหลัง “จะไปไหนยัยเฉิ่ม” ผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นก้มถาม แขนแกร่งรัดตัวฉันไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี “กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่มีใครบอกว่าไอ้วาดีลอยู่ไหนกูจะยิงไอ้ผู้จัดการนี่ซะ” ตอนนี้ทุกคนอยู่ในอาการหวาดกลัว พนักงานผู้หญิงเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ฉันมองทุกคนด้วยความรู้สึกเจ็บใจ ฉันเป็นน้องสาวพี่วาดีลแท้ๆ แต่ฉันกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย “หนึ่ง” ฉันนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนตักแกร่ง พยายามคิดหาทางออกเพราะพี่วาดีลหายตัวไปแบบไม่มีใครรู้จริงๆ แต่ปกติเขาก็ชอบหายไปแบบนี้บ่อยๆ เขามักจะหายไปทำงานของเขาที่ฉันไม่เคยได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มั่นใจว่ามันเป็นงานที่ดี “สอง” ซึ่งตอนนี้พี่วาดีลไม่อยู่หน้าที่ดูแลร้านและคนของเขาก็ควรเป็นของฉันไม่ใช่เหรอ ฉันควรเลิกกลัวแล้วทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ทุกคนปลอดภัยสิ “สะ...” “เดี๋ยวค่ะ” ผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้วมองฉันก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้ฉัน ใกล้มากจนฉันต้องย่นคอหนี “ว่าไงยัยเฉิ่ม มีอะไรจะพูด?” “ฉันยังยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าพี่วาดีลหายไปไหนแต่ฉันอยากต่อรองค่ะ” “ต่อรอง?” “ค่ะ ฉันสัญญาว่าฉันจะหาพี่วาดีลให้เจอแต่ระหว่างนี้ขอให้คุณปล่อยพวกเราไปก่อนได้มั้ยคะ” มือหนายื่นมาเกลี่ยแก้มฉันก่อนจะเปลี่ยนเป็นบีบหน้าฉันให้หันไปมองเขา “โอ๊ย เจ็บนะคะ” “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาต่อรองกับฉันแบบนี้” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ครั้งนี้น้ำตาเริ่มคลอเบ้าความรู้สึกทั้งเจ็บและหวาดกลัวทำให้ฉันห้ามมันไม่อยู่ “ฮึก แต่พวกเราไม่รู้จริงๆ นะคะว่าพี่วาดีลอยู่ไหน” “แล้วไง” “ต่อให้คุณฆ่าพวกเรา คุณก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี สู้ปล่อยให้พวกเราไปหาพี่วาดีลไม่ดีกว่าเหรอคะ” แรงบีบหน้าฉันถูกผ่อนลงจนคล้ายว่าเขาเพียงแค่ประคองไว้เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าหล่อก็ยังคงความน่ากลัวไว้ ริมฝีปากสวยยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูฉันให้เราได้ยินกันเพียงสองคน “มาเป็นของเล่นฉันสิ แล้วฉันจะยอมปล่อยพวกนั้น” ฉันเลิกคิ้วมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมทั้งทวนคำเขาอีกครั้ง “ของเล่น?” “ใช่ ไม่ยากหรอก แค่ยอมให้ฉันเล่นเวลาที่ต้องการและต้องทำตามคำสั่งฉันทุกอย่าง” “คุณหมายถึงเมียบำเรอ อะไรแบบนี้เหรอคะ?” ผู้ชายคนนั้นแค่นหัวเราะ มองฉันด้วยสายตาเหยียดๆ ก่อนจะผลักฉันออกจากตักเขา “ฉันไม่เอายัยเฉิ่มอย่างเธอมาเป็นเมียหรอก” ฉันกำหมัดแน่น นึกแค้นกับคำพูดและท่าทางของเขาแต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกโล่งอกที่เขาไม่ได้คิดขืนใจฉัน “ถ้าอย่างนั้นตกลงค่ะ ฉันจะยอมเป็นของเล่นคุณจนกว่าจะเจอพี่วาดีล แต่ระหว่างนี้คุณต้องห้ามมายุ่งวุ่นวายกับพวกเราอีกนะคะ” กรุงโรมเหยียดยิ้มร้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วโน้มตัวลงกระซิบข้างหูฉัน “แล้วเจอกัน ยัยของเล่นเฉิ่ม” ————————-
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม