ชมจันทร์เอ่ยอย่างคนยอมแพ้
“คุณแม่!!! ทำไมต้องไปง้อมันด้วยคะ คนอยากได้งานมีถมเถ”
จิรนันท์ส่งเสียงสูงด้วยความอารมณ์เสียเมื่อได้ยิน ส่วนแม่ก็หันไปแหวใส่ลูกทันทีด้วยเสียงสูงเช่นกัน
“เงียบน่ายัยแอ๊ฟ!!! ถ้าไม่เพราะเราแม่ก็คงจะไม่ต้องยอมอ่อนข้อให้มันขนาดนี้หรอก หรือว่าจะหาคนมีคุณสมบัติอย่างมันมาให้แม่ได้ล่ะ แต่อย่าพูดดีกว่า แม่ขี้เกียจจะฟัง กี่คนล่ะที่หามาแล้วอยู่ได้ไม่กี่วันน่ะ”
“ไม่เท่าไหร่หรอกคุณ แค่สามคนในรอบสี่เดือนเท่านั้น คนอะไรใช้เลขาเปลืองกว่าผมอีก”
จิรเดชได้ทีเลยเหน็บเข้าให้ แต่เมื่อได้สายตาเขียวปัดกลับก็เงียบแล้วก้มน่ากินข้าวต้มเงียบๆ เพราะไม่อยากจะมีเรื่องแต่เช้านั่นเอง
“ว่าแต่ยัยตะวันนี่เป็นใครมาจากไหนกันเหรอครับ ถึงได้เก่งกาจจนคุณแม่ติดใจยอมอ่อนข้อให้ขนาดนี้”
เขาส่งช้อนที่มีข้าวต้มน่ากินเข้าปากโดยไม่ได้หันไปหาแม่เลย เพราะคิดถึงอาหารไทยเหลือกำลัง
“ก็ลูกนายพรหมคนสวนกับยัยแน่ที่เป็นแม่ครัวนั่นไงล่ะพี่จิณ ลืมไปแล้วหรือไง”
จิรนันท์รีบชิงตอบก่อนแม่ด้วยน้ำเสียงไม่ใคร่ปลื้มนัก กระเดียดออกไปในทางเหน็บแนมด้วยซ้ำ จิณณวัตรกินไปพยายามคิดตามคนที่ถูกพูดถึงไป ไม่นานก็พอจะจำภาพอันเลือนรางได้
“ยัยหัวถั่วงอกตัวผอมๆ ขี้โรคๆ นะเหรอครับ แล้วใช่คนที่เคยหิ้วกระเป๋าตามคุณแม่ไปประชุมตอนผมมาบ้านครั้งก่อนโน้นด้วยหรือเปล่าครับ”
“นั่นล่ะๆ แต่ตอนนี้ยัยตะวันสวยขึ้น เก่งขึ้น เรียนจบด๊อกเตอร์แล้วด้วยมั้งถ้าแม่จำไม่ผิด รู้เรื่องรู้งานทุกอย่างของแม่ดี เพราะทำงานกับแม่มานาน จิณช่วยไปตามให้แม่ทีนะ ไปวันนี้เลย”
ผู้แม่ทำสีหน้ายอมแพ้อีกครั้ง เพราะน้อยนักหนาที่จะยอมให้ใครแบบนี้
“อะไรนะครับ! คุณแม่จะให้ผมไปตามยัยเด็กหัวถั่วงอกนั่นน่ะเหรอครับ แล้วเขาจะกลับมาเหรอ ยิ่งไม่ชอบหน้าผมอยู่ จำไม่ได้หรือไงครับว่าผมทำวีรกรรมอะไรไว้ ให้ผมทำอย่างอื่นให้ดีกว่านะครับ งานนี้ขอบายแล้วกันครับ ว่าแต่ทำไมเขาถึงออกล่ะครับ หรือคุณแม่ให้เงินเดือนน้อยไป”
แม้จะตกใจกับภารกิจของแม่แต่ก็ไม่วายอยากรู้ จนคนถูกถามต้องปรายตาไปหาลูกสาวก่อนเอ่ยด้วยท่าทีเบื่อนิดๆ
“ก็ยัยแอ๊ฟน่ะสิ ไปตู่ว่ายัยตะวันขโมยสร้อยเพชร แม่บอกให้หาดีๆ ก่อนก็ไม่เชื่อ แล้วเป็นไงล่ะมันลาออกจนได้เรื่อง”
“แอ๊ฟไม่ได้ตู่สักหน่อยคุณแม่ แค่ไปถามเท่านั้นเอง ไม่ได้ขโมยก็แล้วไปสิคะ ไม่เห็นต้องคิดมากจนลาออกเลย แม่นั่นอยากจะออกแต่แรกอยู่แล้วต่างหาก พอเจอเรื่องนี้เข้าก็เลยถือโอกาสชิ่งมากกว่า อย่ามาว่าแอ๊ฟนะ”
ชมจันทร์มองหน้าลูกสาวคนสวยด้วยสายตาเอ็นดูแกมหมั่นไส้น้อยๆ อีกครั้งกับข้อแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักพเยิดให้ลูกชายกับสามีเท่านั้น
“แม่ไม่มีใครจริงๆ จิณ ช่วยไปตามให้ที เดี๋ยวแม่จะโทรไปเกริ่นพ่อพรหมกับแม่แน่ไว้ก่อน แต่จิณก็อย่าไปอ้อนวอนมันมากจนเราเสียรังวัดนะ แค่บอกว่าแม่ให้ไปรับพอ ส่วนเงินเดือนก็บอกตามที่แม่พูดนั่นล่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็พามาวันนี้เลย นะจิณนะถือว่าแม่ขอร้องก็แล้วกัน แล้วแม่จะมีรางวัลงามๆ ให้”
“คุณจิณจะให้ผมเอาคันไหนออกครับ” เล็กหันไปหาเจ้านายหนุ่มรูปหล่อด้วยท่าทีนอบน้อม ขณะยืนอยู่ข้างรถที่จอดเรียงกันอยู่เก้าคัน
“เอาคันที่ไม่มีใครใช้วันนี้ก็แล้วกัน”
เพราะเขาเองก็บอกไม่ได้ เล็กคิดอยู่นิดหนึ่งแล้ววิ่งเข้าบ้านได้กุญแจติดมือมา พร้อมกับเดินไปเปิดประตู เมอร์เซเดสเบนซ์ เอคลาส เอสองห้าศูนย์ เอเอ็มเจ สปอร์ต ให้เจ้านายหนุ่มขึ้นไปนั่งอย่างคล่องงาน
“บ้านยัยหัวถั่วงอกนายเล็กไปถูกใช่มั้ย”
จิณณวัตรเอ่ยไปอย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าแม่คงจะสั่งการคนรถมาแล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบรับมากไปกว่าสนใจกับข่าวสารในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ถือติดมือมาด้วย
พออ่านจบก็หันไปหาข่าวสารในมือถือต่อ โดยไม่ได้สนใจจะมองวิวทิวทัศน์ข้างทางแต่อย่างใด กระทั่งถึงจุดหมาย ที่มีสุพรหมกับอุบลยืนรอรับอยู่หน้าบ้านรอประหนึ่งรู้ว่าเขาจะมาก็ไม่ปาน
“สวัสดีครับคุณจิณ ไม่เจอกันนานโตเลยกลับมาอีกทีเป็นหนุ่มแล้วนะครับ”
สุพรหม พุทธิรักษ์ รีบชิงยกมือไหว้เขาก่อนด้วยซ้ำ อุบล พุทธิรักษ์ เองก็ทำตามสามีอย่างไม่เกี่ยงงอน จิณณวัตรยกมือไหว้ตอบแทบไม่ทัน ก่อนจะจ้องมองอดีตคนสวนกับอดีตแม่ครัวในบ้านที่เขามีความทรงจำแค่เลือนรางเท่านั้น แต่พนันได้ว่าเมื่อก่อนคนทั้งสองจะแต่งเนื้อตัวดีกว่าชุดชาวสวนตอนนี้เป็นแน่
“คุณแม่โทรหาแล้วใช่มั้ยครับว่าผมมาทำไม”
เขาไม่รู้ว่าจะเรียกคนทั้งสองว่าอะไร เพราะเมื่อก่อนจะเรียก นายพรหมกับแม่แน่ตามแม่ แต่ตอนนี้คงเหมาะนัก ด้วยทั้งสองไม่ได้เป็นลูกจ้างในบ้านอีกต่อไปแล้ว แม้จะรู้ว่าพ่อแม่เขายังคงมีบุญคุณกับคนทั้งสองเมื่อครั้งที่อุบลจู่ๆ ก็เกิดอาการช็อกเพราะเส้นเลือดในสมองแตก
แต่ก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลเอกชนอย่างเร่งด่วนและรักษาได้ทันท่วงทีด้วยเงินเกือบครึ่งล้านที่พ่อแม่เขาควักกระเป๋าจ่ายโดยไม่เรียกคืนสักบาท รวมทั้งเงินทุนตั้งตัวอีกหลายแสนเมื่อทั้งสองลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้านยังไงก็ตาม
“คุณผู้หญิงโทรมาตั้งแต่เช้าแล้ว เราสองคนไม่มีปัญหาหรอกครับ เหลือแต่เจ้าโน้นล่ะครับว่าจะตกลงหรือเปล่า”
สุพรหมชี้ไปหาสวนกุหลาบกว้างขวาง ทำเอาเจ้าของหน้าตาหล่อเหลาที่มีแว่นกันแดดราคาหลายหมื่นหันไปตามทิศทาง ก็เห็นคนเดินไปมาสี่ห้าคน ถ้าเดาไม่ผิดแม่หัวถั่วงอกของเขาก็คงจะอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เป็นจริงอย่างที่คาดเดาไว้ไม่มีผิด