เพียงเท่านั้นผ่อนก็หน้าเสียและเดินสะบัดบั้นท้ายยังกับกะละมังกลับเข้าครัวด้วยความหัวเสียทันที ทำเอาบรรดาเพื่อนคนรับใช้ด้วยกันที่กำลังนั่งเปิบมื้อเช้าในเวลาสายๆ อยู่หลังครัวต่างมองมาหาด้วยความสงสัย
“กูไปเตือนดีๆ แล้วดันมาว่ากูเสือก ทีนี้ก็อย่าวิ่งแร่มาให้อีผ่อนช่วยแก้ปัญหาให้เชียวนะ แม่จะนั่งหัวเราะเยาะให้ดู”
“โธ่!!! ป้าผ่อน ป่านนี้ยังไม่ชินอีกหรือไง ทีหลังป้าก็นั่งเฉยๆ สิ ปล่อยให้ถูกด่าบ่อยๆ อีกหน่อยก็ลาออกไปเองล่ะ และคุณผู้หญิงก็จะหาเลขาคนที่สี่มาใหม่เองล่ะ”
แก้มเด็กรับใช้อีกคนรู้ดีว่าผ่อนบ่นถึงใครหรือเรื่องอะไร
“นั่นน่ะสิพี่ผ่อน จะมาอารมณ์เสียทำไม หัวรั้นแบบนี้ผมว่าอีกไม่นานเราได้เห็นคนที่สี่แน่ๆ ไม่เชื่อคอยดูสิ”
เล็กซึ่งเป็นคนขับรถเองก็รู้ดีไม่แพ้กัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ คนงานในบ้านจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์หลังงามนี้ ไม่ว่าจะเรื่องเจ้านายหรือลูกน้องด้วยกัน ผ่อนคดข้าวใส่จานแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งแทนเล็กที่เพิ่งจะอิ่มแล้วลุกออกไปกินน้ำ
“เฮ้อ! คิดถึงคุณตะวันจัง เมื่อไหร่จะเปลี่ยนใจกลับมาทำงานอีกก็ไม่รู้”
ผ่อนอดคิดถึงเลขาคนก่อนไม่ได้
“ฝันไปเหอะป้า ถูกว่าขนาดนี้จ้างให้คุณตะวันก็ไม่มีทางกลับมาหรอก”
แหม่มยังเคี้ยวข้าวเต็มปากรีบสวนกลับทันควัน ทำเอาทุกคนในวงข้าวพยักหน้ารับเพราะเห็นด้วย
“นายเล็กเอารถออกเดี๋ยวนี้”
แต่เสียงของเจ้านายดังผ่านวิทยุสื่อสารเหน็บไว้กับเอวของเล็กทำเอาทุกคนเงียบไปแทบจะพร้อมกัน เล็กรีบล้างมือล้างไม้แล้ววิ่งไปทำตามที่คุณผู้หญิงสั่งอย่างรู้งาน ส่วนคนอื่นๆ อยู่คุยกันสักพักก็ต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
ยกเว้นผ่อนต้องประจำอยู่ในครัวกับการหุงหาอาหารไว้ให้คนทั้งบ้าน แถมต้องควานหาของในตู้เย็นเท่าที่มีออกมากองไว้บนเคาน์เตอร์แล้วยืนมองว่าจะทำอะไรไว้เป็นมื้อเที่ยงดี
“หิวจังครับป้าผ่อน มีอะไรให้ผมกินบ้าง”
ร่างอวบอ้วนสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อมีเสียงทุ้มทว่านุ่มหูดังอยู่ข้างหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผ่อนยกมือทาบอกทำตาเขียวใส่คุณหนูคนแรกของบ้าน แล้วค่อยตามด้วยรอยยิ้ม
“คุณจิณน่ะ! ทำป้าตกใจหมดเลยลงมาเงียบๆ นี่ป้าก็กำลังเตรียมของไว้ทำให้อยู่เลยค่ะ คิดแล้วว่าตื่นมาคงจะหิว แต่ของสดในตู้มีนิดหน่อยเพราะยังไม่ได้ไปจ่ายตลาด คุณจิณกินเบาๆ ไปก่อนได้มั้ยคะ ส่วนของหนักๆ คงจะต้องฝากท้องไว้กับงานเลี้ยงของคุณผู้หญิงเย็นนี้ล่ะค่ะ”
จิณณวัตรส่งยิ้มร่าให้ก่อนจะเดินไปยื่นหน้าเมียงมองของเบาๆ ที่แม่ครัวใหญ่ว่า
“ว่าแต่เบาๆ นี่มีอะไรบ้างครับ”
“ก็ผัดผักรวม กุ้งสด ซุปเนื้อ ไข่เจียวน้ำพริกกะปิค่ะ ป้าหาในตู้ได้แค่นี้เองจริงๆ ค่ะ หรือถ้าไม่ถูกใจยังไงจะให้ตาจวดปั่นจักรยานออกไปซื้อหน้าปากซอยให้ได้นะคะ” ชายหนุ่มรีบยกสองมือโบกไหวๆ เป็นการห้ามทันควัน
“แค่นี้ก็อิ่มตื้อแล้วล่ะครับ งั้นผมไปนั่งรอในห้องอาหารเลยนะ หิวจะแย่”
สิ้นคำร่างล่ำบึ้กในชุดนอนกางเกงผ้ายืดขายาวสีเทากับเสื้อยืดสีขาวก็เดินไปด้วยความสดชื่นหลังจากได้หลับไปหลายชั่วโมง และอาหารคุ้นลิ้นมาตั้งแต่เด็กก็ทำเขาอิ่มอร่อยจนพุงกาง และรู้สึกง่วงอีกวาระจนต้องไปนอนเอนหลังในห้องนั่งเล่นแล้วหลับในที่สุด
“ตาจิณๆ ตื่นเร็วลูก ไปอาบน้ำเตรียมตัว ใกล้จะได้เวลางานแล้ว” กระทั่งผู้แม่มาเขย่าตัวปลุกถึงสะดุ้งตื่น
“ไปไหนครับคุณแม่” ด้วยอาการงัวเงีย ส่วนแม่ก็มองด้วยสายตาดุน้อยๆ
“อ้าว!!! ก็แม่บอกว่าไปงานวันเกิดคุณหญิงเพลินพิศกับแม่ไงล่ะ เร็วๆ เข้าอย่ามัวแต่ถาม อีกหน่อยพ่อเราจะเข้ามาอาบน้ำแล้วก็ไปด้วยกันเลย นี่ยัยแอ๊ฟไปไหนล่ะแม่อร”
ชมจันทร์หันไปหาเลขาที่เดินเข้าบ้านพร้อมกับหอบชุดราตรีของเจ้านายทั้งสอง และนั่นทำให้คนถามไม่ต้องการคำตอบแรกจากเลขามากไปกว่าคำถามที่สองเลยสักนิด
“แล้วมีชุดให้คุณจิณใส่ไปงานเย็นนี้หรือเปล่าล่ะแม่อร”
อรนภางงเป็นไก่ตาแตกเพราะไม่รู้มาก่อนว่าเจ้านายจะให้ไปร่วมงานด้วย เมื่อเช้าก็แค่ได้ยินแวบๆ ว่าลูกคนโตกลับจากเมืองนอกแบบไม่บอกกล่าวเท่านั้น ไม่มีการแนะนำอย่างเป็นทางการสักนิด แถมจิณณวัตรก็ลงมาตอนที่อรนภาออกไปข้างนอกอีก
“คุณจิณจะไปด้วยเหรอคะ ไม่เห็นคุณผู้หญิงบอกอรเลย นี่ก็มีแต่ชุดคุณผู้หญิงกับคุณผุ้ชายสองคนเองค่ะ”
เท่านั้นล่ะ
“ต๊าย!!! นี่แม่อร!! เมื่อเช้าฉันก็บอกโจ้งๆ ว่าจะให้ลูกของฉันไปงานด้วย หล่อนไม่ได้ยินหรือไง แล้วก็อย่ามายืนแก้ตัวนะ รีบๆ ไปหาชุดมาให้ลูกฉันเดี๋ยวนี้ ตาจิณไปอาบน้ำเร็วเข้า”
“อรจะไปเอาชุดจากไหนมาล่ะค่ะ ใส่ไซซ์ไหนก็ไม่รู้”
“ก็ไปเอาจากร้านมาสิยะ! ชุดไหนก็ได้ที่ลูกชายฉันใส่แล้วจะดูหล่อ ดูเด่นไม่น้อยหน้าใครน่ะ อะไรกันเรื่องแค่นี้ต้องให้สอนด้วย เป็นเลขาน่ะต้องหัดหูตากว้างไกล มองไปข้างหน้าก่อนเจ้านายสิบก้าวเสมอๆ จำเอาไว้ โอ๊ย!!! ไม่ได้อย่างใจเลยจริงๆ”
สิ้นคำคนอารมณ์เสียก็เดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่แยแสคนอารมณ์เสียอีกคนที่ยังคงถือชุดอันหนักอึ้งในมือไว้อย่างเหลืออด ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปไม่ห่าง ผ่อนยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อดยิ้มออกมาด้วยความขำปนสงสารเลขาถือดีไม่ได้
“อีกหน่อยก็รู้ นี่ล่ะโทษฐานของการไม่เชื่อคำเตือนอีผ่อน” แม่ครัวใหญ่เหมือนจะอ่านเหตุการณ์ล่วงหน้าออกอย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียวถึงได้ปรามาสเอาไว้แบบนั้น